Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
เปิดใจนายกรับสร้างบ้าน ธุรกิจต้องเดินหน้า ไม่ว่าการเมืองเป็นอย่างไร |
|
สัมภาษณ์
10 ปีที่ผ่านมานับจากก่อตั้ง "สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน" มีนายกสมาคมมาแล้ว 5 คน (วาระ 2 ปี) โดยนายก 3 รุ่นแรกใช้วิธีซาวเสียงจากสมาชิก จากนั้นก็เปลี่ยนมาใช้วิธีเลือกตั้ง
ล่าสุดสมาคมเพิ่งได้นายกสมาคมใหม่คนที่ 6 "วิสิษฐ์ โมไนยพงศ์" ที่จะมาดำรงตำแหน่ง 2 ปี (1 มกราคม 2557-31 มกราคม 2558) ต่อจาก "ดร.พัชรา ตัณฑยรรยง" เพิ่งหมดวาระเมื่อ 31 ธันวาคมที่ผ่านมาถือเป็นการรับตำแหน่งในช่วงเวลาที่ท้าทาย ท่ามกลางภาวะที่เศรษฐกิจไม่ค่อยเป็นใจและสถานการณ์การเมืองไม่เอื้อ รวมถึงต้องเผชิญกับปัญหาขาดแคลนแรงงานก่อสร้าง ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่ของวงการก่อสร้างในขณะนี้
"เป็นนายกสมาคมในภาวะแบบนี้...ก็มีเรื่องหนักใจบ้าง ปัจจัยภายนอกหลายอย่างเป็นเรื่องที่ไม่สามารถควบคุมได้ โดยเฉพาะปัญหาการเมืองกระทบธุรกิจรับสร้างบ้านมาก ๆ แต่การทำงานต้องเดินหน้าต่อไปไม่ว่าปัญหาการเมืองเป็นอย่างไร...หยุดไม่ได้ ในฐานะเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งใหม่ต้องทำหน้าที่ส่วนนี้ให้ดีที่สุด ในสมัยของผมกำหนดกรอบยุทธศาสตร์ไว้ 8 ข้อชัดเจน เพื่อยกระดับสมาชิก ช่วยให้การทำงานง่ายขึ้น บางยุทธศาสตร์ที่เป็นเรื่องแก้ปัญหาเร่งด่วนเริ่มไปบ้างแล้ว" วิสิษฐ์ให้สัมภาษณ์เปิดประเด็น
"วิสิษฐ์" บอกว่า ปัญหาเร่งด่วนที่สุดตอนนี้คงไม่พ้นเรื่องการเมือง สิ่งที่ทำได้คือการจับตาดูอย่างใกล้ชิด การตั้งทีมเฝ้าระวังและประเมินผลกระทบธุรกิจเฉพาะด้าน เป็น "ยุทธศาสตร์แรก" ที่จะได้เห็นเป็นรูปธรรมก่อนรูปแบบจะใช้คนของสมาคมเป็นหลัก แต่ถ้าเรื่องไหนอยู่นอกเหนือองค์ความรู้ของสมาคมคงต้องส่งเทียบเชิญที่ปรึกษาที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องนั้น ๆ เข้ามาช่วย การขาดแคลนแรงงานถือเป็นปัญหาต่อเนื่อง สมาคมจึงมี "ยุทธศาสตร์ที่ 2" พัฒนา
"ทุนมนุษย์" แก้ปัญหาขาดแคลนบุคลากร ด้วยการร่วมมือกับสถาบันการศึกษาออกแบบหลักสูตร และสร้างมาตรฐานวิชาชีพสถาปนิก วิศวกร และผู้ควบคุมงาน
โดยใช้วิธีจัดสอบวัดระดับความรู้และประสบการณ์ เพื่อช่วยคัดสรรบุคลากรที่มีคุณภาพเข้าสู่ธุรกิจรับสร้างบ้านของสมาชิก ส่วนปัญหาขาดแคลนแรงงานก่อสร้าง ภาวะแบบนี้ยังจำเป็นต้องพึ่งพาแรงงานต่างด้าว สมาคมจะผลักดันเรื่องการลดหรือยกเว้นค่าธรรมเนียมการย้ายแรงงานข้ามเขตจากภาครัฐ เนื่องจากธุรกิจรับสร้างบ้านต้องเปลี่ยนสถานที่ทำงานไปตามไซต์งานก่อสร้าง ไม่เหมือนกับโรงงานอุตสาหกรรมซึ่งทำงานอยู่กับที่
ส่วน "ยุทธศาสตร์ที่ 3" นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านคนใหม่ระบุว่า เป็นเรื่องของการขยายพันธมิตรธุรกิจ ร่วมมือกับ 9 กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจรับสร้างบ้าน
ได้แก่ 1.ธุรกิจจัดหาที่ดิน 2.เครื่องมือ-เครื่องจักรสำหรับงานโยธาและการถมดิน 3.ตกแต่งภายใน 4.เฟอร์นิเจอร์ 5.เครื่องปรับอากาศ 6.เครื่องใช้ไฟฟ้า 7.ระบบสัญญาณกันขโมยและวงจรปิด 8.จัดสวน และ 9.สระว่ายน้ำ เพื่อผลักดันรูปแบบบริการครบวงจรเป็น "วันสต็อปเซอร์วิส" ภายใต้แนวคิด "รับสร้างบ้าน ไม่เพียงแค่รับสร้างบ้าน" เปลี่ยนทัศนคติให้ผู้บริโภครับรู้ว่า...การสร้างบ้านไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอย่างที่คิด
โดยจะดำเนินการควบคู่ไปกับ "ยุทธศาสตร์ที่ 4" การร่วมมือกับสถาบันการเงินเพื่อสร้างความได้เปรียบเรื่องสินเชื่อ โดยจัดสินเชื่อเป็นแพ็กเกจให้ลูกค้าพิจารณา โดยอาศัยคอนเน็กชั่นของสมาคมกับธนาคารต่าง ๆ เช่น สินเชื่อเพื่อสร้างบ้านพ่วงสินเชื่อเพื่อการตกแต่งภายใน เป็นต้น
"ทั้ง 4 ยุทธศาสตร์เป็นเรื่องที่ผมต้องเร่งทำ เพราะอยากจะให้เห็นเป็นรูปธรรมภายในงานรับสร้างบ้านโฟกัส 2014 เดือนมีนาคมนี้ที่ศูนย์การประชุมสิริกิติ์ ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญเพราะเป็นงานใหญ่ของสมาคมที่จะกระตุ้นการตัดสินใจของผู้บริโภคที่ยังลังเลอยู่ได้"
ส่วนยุทธศาสตร์ที่เหลืออีก 4 ส่วน จะเกี่ยวกับบทบาทและการดำเนินการภายในของสมาคม เรื่องแรกเป็นยุทธศาสตร์การเงิน โจทย์หลักคือการบริหารงบฯสมาคมให้คุ้มค่ามีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืนด้านการเงิน
เรื่องต่อมาคือ การเพิ่มจำนวนสมาชิกเชิงรุก เชิญชวนกลุ่มบริษัทรับสร้างบ้านที่มีศักยภาพแต่ยังไม่ได้เป็นสมาชิก ปีนี้จะเน้นบริษัทในต่างจังหวัดเพื่อขยายฐานไปทั่วประเทศ
อีกเรื่องคือการยกระดับสมาชิกให้มีมาตรฐานบริการในระดับสากล โดยสมาคมจะสนับสนุนสมาชิกให้ได้มาตรฐานระบบ ISO 9001 อย่างน้อยปีละ 10 ราย เพื่อรองรับการเปิดเออีซี-ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
เรื่องสุดท้ายคือการสนับสนุนสมาคมให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ โดยจะรวบรวมองค์ความรู้ในธุรกิจรับสร้างบ้าน นำมาจัดทำเป็นห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเป็นคลังข้อมูลประกอบการตัดสินใจให้สมาชิก
"ถ้าให้ฝากถึงรัฐบาลใหม่ในอนาคต อยากฝากเรื่องมาตรการกระตุ้นภาคที่อยู่อาศัย ถ้ามีมาตรการออกมาอยากให้ธุรกิจรับสร้างบ้านได้รับอานิสงส์ด้วย เพราะที่ผ่านมากลุ่มที่ได้ประโยชน์คือผู้ประกอบการบ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียมเป็นหลัก แต่ธุรกิจรับสร้างบ้านซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของภาคอสังหาฯเหมือนกัน แต่กลับไม่ได้รับประโยชน์ด้วย"
ยกตัวอย่าง นโยบายบ้านหลังแรกที่รัฐบาลปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ 0% นาน 3 ปี ให้กับผู้กู้ซื้อบ้าน-คอนโดฯ หลังแรกผ่านธนาคารอาคารสงเคราะห์ แต่น่าเสียดายไม่ได้รวมถึงผู้ที่ปลูกสร้างบ้านหลังแรกด้วย ทั้งที่เข้าข่ายลูกค้าก็พอมีอยู่บ้าง เนื่องจากบางรายมีที่ดินมรดกก็นำมาปลูกสร้างบ้านหลังแรกก็มี
ขณะที่ตลาดรับสร้างบ้านในกรุงเทพฯและปริมณฑล มีมูลค่าต่อปี 1.1-1.2 หมื่นล้านบาท ถือว่าไม่น้อย แต่รัฐบาลยังไม่ได้สนใจกระตุ้นตลาดมากนัก |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 14-02-2557
|
|
|
|
|