Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
แอบดูไฮสปีดเทรนอเมริกา มุ่งสู่เป้าหมายขน 400 ล้านคนทั่วสหรัฐ |
|
หากวันนี้ "ประเทศไทย" ไม่ต้องเผชิญกับมรสุม "การเมือง" ที่รุมเร้าจนทำให้เมกะโปรเจ็กต์ 2 ล้านล้านบาทต้องชะลอไป ปีนี้ "คนไทย"คงได้เห็นเค้าลางการลงทุนโครงการ "รถไฟความเร็วสูง" ไปแล้ว
ปัจจุบันสถานะรถไฟความเร็วสูง 4 สายทาง ใช้เงินลงทุน 783,229 ล้านบาท ถึงจะไม่มีรัฐบาลมารันโครงการต่อ แต่ "สนข.-สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร" ยังคงเดินหน้าศึกษารายละเอียดโครงการต่อไปให้จบ และรอรัฐบาลใหม่มาผลักดันให้โครงการเกิดขึ้น
แต่ในช่วงที่คนไทยกำลังรอ "รถไฟความเร็วสูง" มีหลายประเทศกำลังพัฒนาโครงการ แม้แต่มหาอำนาจของโลกอย่าง "สหรัฐอเมริกา" ก็กำหนดแผนพัฒนาระยะยาวร่วม 30 ปี และกำลังเร่งโครงการโปรเจ็กต์รถไฟความเร็วสูงของสหรัฐถูกผลักดันเป็นรูปธรรม เมื่อ "ประธานาธิบดีบารัก โอบามา" ลงนามผ่านกฎหมายฟื้นฟูและกระตุ้นการลงทุน (The American Recovery and Reinvestment Act) เมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2552 อนุมัติงบประมาณ 8 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ปัจจุบันประมาณ 260,000 ล้านบาท) ให้กับคณะกรรมการบริหารกิจการรถไฟ (Federal Railroad Administration : FRA) เพื่อก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงทั่วประเทศรวมกว่า 82 โครงการ
สำหรับการกำหนดเส้นทางเดินรถ จะอาศัยการจับคู่จุดหมายปลายทาง เช่น เมืองนิวยอร์ก-วอชิงตัน แล้วนำมาประเมินผ่านดัชนีชี้วัด 6 ตัว ได้แก่ 1) จำนวนผู้โดยสารในอนาคต 2) ระยะทางการเดินรถที่เหมาะสม 3) ศักยภาพการเชื่อมต่อกับระบบการขนส่งมวลชนอื่น 4) ประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจ 5) สภาพการจราจร และ 6) ความเป็นเขตมหานคร จากนั้นจะนำคะแนนที่ได้มาจัด 100 อันดับเส้นทาง เพื่อตัดสินใจลงทุนและก่อสร้างโครงการ เพื่อให้การลงทุนเกิดความคุ้มค่าในเชิงคมนาคม เศรษฐกิจและสังคมสูงสุด
ขณะนี้การก่อสร้างจะแบ่งออกเป็น 3 เฟส ในเฟสแรกเป็นการก่อสร้างระบบรางใน 3 เขตมหภาค (Megaregion) คือ
1) การเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างระเบียงเศรษฐกิจตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ บอสตัน นิวยอร์ก ฟิลาเดลเฟีย บัลติมอร์ และวอชิงตัน ดี.ซี. 2) การสร้างศูนย์กลางการขนส่ง 3 ขาทางภาคตะวันตก โดยใช้ชิคาโกซึ่งเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของภูมิภาค เป็นฮับเชื่อมต่อไปยังดีทรอยต์ เซนต์หลุยส์ และมินนิอาโปลิส (ผ่านทางมิลวอกี้) และ 3) โครงการเฟสแรกของรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยเส้นทางมีจุดเริ่มต้นอยู่ที่ลอสแองเจลิส และสิ้นสุดบริเวณอ่าวซานฟรานซิสโก
เฟส 2 จะเป็นการเชื่อมต่อระบบรางไปยังเมืองอื่น ๆ ที่ได้รับการจัดอันดับความสำคัญใน 100 ลำดับแรก จะเป็นเส้นทางใหม่ในเฟสนี้ ได้แก่ เส้นทางจากดัลลัสไปฮูสตัน, ลอสแองเจลิสไปฟินิกซ์, ลอสแองเจลิสไปลาสเวกัส, พอร์ตแลนด์ไปซีแอตเติล, ไมอามีไปแทมปา (ผ่านออร์แลนโด) และเส้นระเบียงเศรษฐกิจฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ จากแอตแลนตาถึงวอชิงตัน ดี.ซี. (ผ่านเมืองชาร์ลอตต์ ราลี-เดอร์แฮมและริชมอนด์) รวมถึงการก่อสร้างส่วนต่อขยายรถไฟสายแคลิฟอร์เนียไปยังซานดิเอโก กับสายตะวันออกเฉียงเหนือไปยังออลบานี และสายชิคาโก-ดีทรอยต์ไปยังคลีฟแลนด์
เฟส 3 เป็นการก่อสร้างส่วนต่อขยายระบบรถไฟความเร็วสูงไปยังเมืองขนาดกลางในรัศมี 500 ไมล์ เพื่อบูรณาการระบบรางเข้ากับระบบขนส่งอื่น ๆ ทั่วประเทศ
โดยจะต่อขยายชิคาโกฮับไปยังเมืองแคนซัสซิตี้ จะเชื่อมต่อกับสายตะวันออกเฉียงเหนือผ่านเส้นทางใหม่ "นิวยอร์ก-เพนซิลเวเนีย" จะตัดผ่านเมืองบัฟฟาโล พิตตส์เบิร์ก โคลัมบัส ซินซินเนติ และอินเดียนาโปลิส นอกจากนี้จะมีส่วนต่อขยายรถไฟสายตะวันออกเฉียงใต้หรือสายแอตแลนตา ไปยังแจ็กสันวิลล์และเบอร์มิงแฮม เพื่อเชื่อมเส้นทางเดินรถเข้ากับรถไฟความเร็วสูงสายไมอามี-แทมปาในรัฐฟลอริดา และการก่อสร้างในเฟส 3 ยังรวมถึงส่วนต่อขยายรถไฟสาย "ดัลลัส-ฮูสตัน" บริเวณสามเหลี่ยมเทกซัส โดยตัดผ่านเมืองออสตินและซานอันโตนิโอ ขยายเส้นทางไปทางเหนือผ่านเมืองโอกลาโฮมาและไปสิ้นสุดที่ "เมืองทัลซาและวิชิทอ" ส่วนสุดท้ายของเฟสคือ การก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงตามแนวทางหลวงระหว่างรัฐหมายเลข 25 ซึ่งเชื่อมต่อเมืองเดนเวอร์และแอลบูเคอร์คี
โดยทั้ง 3 เฟสจะแล้วเสร็จในปี 2573 หลังจากนั้น "สหรัฐ" มีแผนงานระยะยาวอีก 20 ปีถัดไป ลงทุนก่อสร้างรถไฟความเร็วปกติวิ่งด้วยความเร็ว 110 ไมล์/ชั่วโมง เพื่อเชื่อมต่อระบบรางไปยังเมืองต่าง ๆ และภายในปี 2593 ระบบการขนส่งทั้งถนน รางรถไฟ และสนามบินจะเชื่อมต่อกันทั้งระบบ โดยมี "ระบบราง" เป็นหัวใจสำคัญในการขนถ่ายผู้โดยสารกว่า 400 ล้านคนทั่วสหรัฐ |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 21-01-2557
|
|
|
|
|