Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
อสังหาฯช็อกการเมืองทุบกำลังซื้อ หวั่นQ1/57ไร้ข่าวดีปรับแผนอุตลุด-เน้นตุนเงินสด |
|
สำรวจยุบสภาเอฟเฟ็กต์ จัดสรรปรับแผนอุตลุดหลังประเมินกระทบความมั่นใจผู้บริโภค ชี้ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยสะดุดอย่างน้อยถึง Q1/57 ค่าย "NC" ตั้งรับแบบคอนเซอร์เวทีฟ งดเปิดตัวโครงการใหม่ลากยาวถึงกลางปีหน้า "วังทอง" ลดบ้านสร้างก่อนขายหันมาทำแบบสั่งสร้างแทน "เอพี (ไทยแลนด์)" หดเป้าเปิดตัวใหม่ ส่วน LPN แนะให้เน้นบริหารสภาพคล่องเพราะแนวโน้มรายรับไม่สมดุลกับรายจ่าย
การประกาศยุบสภาของรัฐบาลโดยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อตอนเช้าของวันที่ 9 ธันวาคมที่ผ่านมา และมีกำหนดจัดเลือกตั้งครั้งใหม่วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 นำไปสู่ภาวะสุญญากาศการเมืองและการบริหารราชการแผ่นดิน อย่างน้อยที่สุดในช่วง 2 เดือนนับจากนี้จะมีรัฐบาลรักษาการ ซึ่งมีอำนาจน้อยลงกว่าช่วงปกติ กระทบต่อแผนลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ รวมทั้งมาตรการที่จะออกมากระตุ้นเศรษฐกิจต้องหยุดชะงัก ผลกระทบยังขยายผลไปถึงความมั่นใจของผู้บริโภคในการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยอีกด้วย
เอพีทบทวนแผนลงทุน
นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานการตลาด บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ถ้าสถานการณ์การเมืองยืดเยื้อจะกระทบต่อกำลังซื้อและความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลง แนวโน้มภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ที่เฉลี่ยสามารถเติบโตเกินปีละ 10% ขึ้นไป ปีหน้าอาจจะเติบโตไม่ถึง 10%
โดยยังเชื่อว่าการเมืองเป็นเพียงผลกระทบระยะสั้น ขณะที่พื้นฐานเศรษฐกิจประเทศไทยยังดีอยู่ และเชื่อมั่นว่าในอนาคตเมื่อมีการเลือกตั้งและได้รัฐบาลชุดใหม่บริหารประเทศก็จะมีนโยบายจากภาครัฐเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันโครงการลงทุนของภาครัฐขนาดใหญ่ที่อยู่ระหว่างดำเนินการก็มีอยู่ อาทิ รถไฟฟ้าสายสีม่วง บางซื่อ-บางใหญ่, สายสีน้ำเงิน หัวลำโพง-บางแค กับบางซื่อ-ท่าพระ จะเป็นตัวช่วยทำให้มีดีมานด์ตลาดคอนโดมิเนียมหรือโครงการแนวราบที่อยู่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้ามากนัก
สำหรับเอพีมีการวางแผนธุรกิจปี 2557 ในลักษณะคอนเซอร์เวทีฟอยู่แล้ว โดยปีนี้เปิดตัวโครงการใหม่รวมกัน 22-23 โครงการ แผนปีหน้าตั้งเป้าเปิดลดลงเหลือ 18-19 โครงการ กรณีที่เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลัง (กรกฎาคม-ธันวาคม 2557) บริษัทสามารถลงทุนพัฒนาโครงการเพิ่มได้ทันที
"นอกจากการเมืองแล้ว โจทย์ใหญ่ธุรกิจอสังหาฯคือต้นทุนค่าก่อสร้าง คำนวณแล้วขึ้นเฉลี่ย 7-10% ดังนั้นผู้ประกอบการจะต้องหาวิธีควบคุมต้นทุน สิ่งที่เอพีทำคือปรับการดีไซน์แบบบ้านให้ก่อสร้างได้ง่ายขึ้น ลดทอนการใช้วัสดุฟุ่มเฟือยเพื่อพยายามตรึงราคาบ้านหรือขึ้นราคาให้น้อยที่สุดเพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดได้" นายวิทการกล่าว
LPN แนะบริหารสภาพคล่อง
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN กล่าวว่า ระยะสั้นตอนนี้จนถึงช่วงต้นปีหน้า คาดว่าภาคอสังหาฯได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อโดยรวมชะลอตัวลง แต่ไม่น่าถึงขั้นหยุดชะงักเพราะวิกฤตที่เกิดขึ้นเป็นวิกฤตจากการเมืองระยะสั้น ไม่ใช่วิกฤตเศรษฐกิจที่รุนแรงเหมือนกับยุคต้มยำกุ้ง ภาวะตอนนั้นแบงก์ไม่ปล่อยกู้ คนตกงานเยอะ กำลังซื้อที่อยู่อาศัยต้องหยุดชะงักตามไปด้วย
สำหรับการปรับตัวของผู้ประกอบการในปีหน้า นายโอภาสกล่าวว่า อันดับแรกต้องกลับมาดูเรื่องสภาพคล่องทางการเงิน หากกำลังซื้อชะลอตัวลงเท่ากับรายรับจะน้อยลง ประกอบกับปัจจัยภายนอกคือการลดขนาดมาตรการ QE ของสหรัฐ จะทำให้เม็ดเงินลงทุนต่างประเทศไหลออก ปริมาณเงินในระบบจะน้อยลงกระทบต่อการปล่อยสินเชื่อใหม่จะยากขึ้น
ในด้านสินเชื่อแนวโน้มสถาบันการเงินจะมีนโยบายเข้มงวดมากขึ้น จำเป็นต้องสกรีนลูกค้าให้เข้มข้นขึ้นเพื่อให้สามารถกู้ผ่าน อาทิ เช็กประวัติการเงินของลูกค้า รายได้ต่อเดือน ทำพรีแอปพรูฟตั้งแต่เริ่มวางเงินจองซื้อจนถึงรับมอบโปรดักต์
นายโอภาสมองด้านบวกด้วยว่า ถึงแม้โครงการลงทุน 2 ล้านล้านจะต้องชะลอออกไป 6 เดือน แต่ก็ไม่ถึงกับเลวร้ายมากนัก เพราะจะมีผลบวกคือไซต์ก่อสร้างเอกชนจะไม่ถูกแย่งแรงงาน ราคาวัสดุอาจจะไม่ได้ปรับขึ้นมากอย่างที่คาดการณ์ไว้ และภาพรวมตลาดอสังหาฯปีหน้าน่าจะโตได้สัก 10%
"แอล.พี.เอ็น.ฯทำแผนธุรกิจแบบคอนเซอร์เวทีฟ มีเป้าเติบโตเฉลี่ยปีละ 15% เดิมแผนปีหน้าอยากจะโต 15-20% แต่เมื่อมีการยุบสภาและเกิดสุญญากาศการเมืองแบบนี้ จึงทบทวนและปรับลดเป้าโตเหลือเพียง 10%"
วังทองฯปรับตัวทำบ้านสั่งสร้าง
ด้านนายปราโมทย์ เจษฎาวรางกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท วังทอง กรุ๊ป จำกัด ผู้ประกอบการรายกลาง เปิดเผยว่า ประเมินสถานการณ์จะกระทบการตัดสินใจซื้อยาวถึงไตรมาส 1/57 แน่นอน เนื่องจากผู้บริโภคไม่มั่นใจว่าการเมืองจะบานปลายหรือไม่ จะยุติโดยไม่มีความรุนแรงหรือเปล่า กระทบต่อยอดขายบ้านเดือนธันวาคม เดิมเยี่ยมชมโครงการ 100 คน จะมียอดจองซื้อบ้าน 15-20 หลัง ล่าสุดเหลือแค่ 5-10 หลังเท่านั้นประมาณการยอดขายเดือนธันวาคม เดิมตั้งเป้าไว้ 150 ล้านบาท ปรากฏว่ายอดขายหายไปเกือบครึ่งเหลือเพียงประมาณ 80 ล้านบาท ถึงแม้จะมียอดผู้เยี่ยมชมโครงการเท่าเดิมก็ตาม
แนวทางปรับตัวในสถานการณ์ฉุกเฉินก็คือ บริษัทใช้กลยุทธ์หันมาทำบ้านสั่งสร้างมากขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงในการมีสต๊อกบ้านพร้อมโอนให้เหลือน้อยที่สุด จากแผนธุรกิจปกติที่วังทอง กรุ๊ปจะสร้างบ้านพร้อมโอนสัดส่วน 70-100% ของจำนวนแปลงที่เปิดขาย
นายชายนิด อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้ไม่สามารถประเมินแนวโน้มหรือทางออกของการเมืองได้จริง ๆ เพราะไม่เคยเกิดขึ้น
มาก่อน ถือเป็นภาวะฝุ่นตลบ ต้องรอดูเหตุการณ์อีกอย่างน้อย 2 สัปดาห์เพื่อดูว่าจะต้องทบทวนแผนลงทุนปีหน้าหรือไม่ ถ้าหากสามารถมีข้อยุติได้โดยไม่มีความรุนแรง ความเชื่อมั่นผู้บริโภคก็จะฟื้นกลับมาได้เร็ว การลงทุนจากต่างประเทศก็จะมีเข้ามาต่อเนื่อง
NC งดเปิดโครงการใหม่ถึง Q2
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าการเมืองจะจบอย่างไร ภาพรวมสำหรับเอกชนจะต้องดูแลตัวเองมากที่สุดโดยไม่ต้องหวังพึ่งภาครัฐ สิ่งที่ควรทำคือใช้แนวทางบริหารจัดการธุรกิจอย่างระมัดระวังเรื่องการลงทุนกับสภาพคล่องที่เป็นเงินทุนหมุนเวียน
นายสมนึก ตันฑเทอดธรรม รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี. เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ NC กล่าวว่า ผลกระทบการเมืองทำให้บริษัทตัดสินใจไม่เร่งเปิดตัวโครงการใหม่ตอนต้นปีตามแผนเดิมที่ตั้งใจไว้ โดยปรับวิธีใหม่ด้วยการจะเปิดเกมบุกในช่วงไตรมาส 2/57 หรือถ้าสถานการณ์ไม่เป็นใจจริง ๆ ก็จะเริ่มลงทุนพัฒนาโครงการในช่วงไตรมาส 2/57 หรือช่วงกลางปีไปเลย
"แผนเปิดตัวใหม่เตรียมไว้ 4-5 โครงการ มูลค่ารวม 3,000-4,000 ล้านบาท ณ วันนี้ยังคงไว้ตามเดิมเพราะส่วนใหญ่เป็นโครงการที่เปิดใหม่เพื่อทดแทนโครงการเดิมที่จะปิดการขาย ประกอบกับทำ
ธุรกิจสไตล์คอนเซอร์เวทีฟอยู่แล้ว โดยเป็นแผนเติบโตเท่าปีนี้หรือโตทรงตัวก็ว่าได้" นายสมนึกกล่าว |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 17-12-2556
|
|
|
|
|