Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
บิ๊กดีคอนโปรดักส์ ส่งสัญญาณเศรษฐกิจปี"57 สึนามิ...กำลังจะมา |
|
เป็นที่ยอมรับกันว่าวงจรเศรษฐกิจมีขึ้นก็ย่อมมีลง แต่ใครจะอ่านสัญญาณและคาดการณ์แนวโน้มล่วงหน้าเพื่อวางแผนธุรกิจได้แม่นยำกว่ากัน
ล่าสุด "วิทวัส พรกุล" ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีคอนโปรดักส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายแผ่นพื้นคอนกรีตสำเร็จรูปและเสาคอนกรีตสำหรับก่อสร้างบ้านรายใหญ่ วัย 64 ปี เคยเป็นนายกสมาคมอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์คอนกรีตไทย ให้สัมภาษณ์พิเศษ "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงมุมมองเศรษฐกิจ แนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ท่ามกลางบรรยากาศการเมืองร้อนแรง
"วิทวัส" ที่มีประสบการณ์ในแวดวงวัสดุมาค่อนชีวิต เปิดประเด็นวิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจว่า วัฏจักรเศรษฐกิจตอนนี้ใกล้จะถึง "ยอดเขา" (จุดสูงสุด) แล้ว ถ้าเปรียบเทียบเป็นวงจรนาฬิกา เวลา 12.00 น.คือจุดสูงสุด ตอนนี้เศรษฐกิจไทยก็อยู่ช่วง 11.00 น.
เรียกว่าใกล้ถึงจุดพีกเต็มที ส่วนหลังจากผ่าน 12.00 น.ไปแล้ว เศรษฐกิจจะลงเร็ว-แรงขนาดไหน ก็อยู่ที่การบริหารงานของรัฐบาล จากวิกฤตเศรษฐกิจรอบล่าสุด เขามองว่าเศรษฐกิจรอบนี้เงยหัวขึ้นเมื่อปี"52
จุดสูงสุดของวัฏจักรรอบนี้น่าจะอยู่ที่ปลายปี"57 หรือแถว ๆ กลางปี"58 ตัวแปรหลักไม่ใช่โครงการ 2 ล้านล้านบาท แต่เป็นเศรษฐกิจโดยรวม
"...ปีหน้าเป็นต้นไป สึนามิ (เศรษฐกิจ) กำลังจะมา ชีวิตผมผ่านวิกฤตเศรษฐกิจมา 3 ครั้ง มองว่ามีหยินก็ต้องมีหยาง ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่มีวันเลิกรา"
เมื่อวิเคราะห์แนวโน้มมาแบบนี้ ดีคอนโปรดักส์เตรียมตัวรับมือวัฏจักรขาลงปี"58 อย่างไร ! "วิทวัส" ตอบคำถามว่า บริษัทต้องเตรียมตัวให้พร้อมรับมือแน่นอน โดยช่วงที่วงจรเศรษฐกิจถึงจุดตกต่ำ 3 ไซเคิล ที่ผ่านมา ดีคอนฯไม่เคยบาดเจ็บหนักถึงขั้นมีผลประกอบการขาดทุน
โดยสิ่งแรกที่ทำ...คือต้องประคองตัว
ในแง่ผลประกอบการ "กำไร" ลดลงได้ แต่สิ่งสำคัญ คือต้องไม่ขาดทุน สำหรับดีคอนฯ ปีนี้ทำอัตรากำไรสุทธิได้ 14%
"ช่วงครึ่งปีแรก ตลาดวัสดุก่อสร้างโดยรวมดี เราปรับขึ้นราคาสินค้าได้ มีออร์เดอร์ต่อเนื่อง แต่เมื่อไหร่ที่เศรษฐกิจไม่ดี เริ่มเข้าสู่ขาลง...คงต้องใช้วิธีการดัมพ์ราคาเข้ามาช่วย กำไรจะลดลงนั้นไม่เป็นไร แค่ต้องการรักษายอดขายไว้ไม่ให้ลด
หรือลดลงไม่มาก เพื่อจะไม่ต้องลดกำลังผลิต" คำอธิบายแบบยาว ๆ ของเขาถามว่า ขณะนี้บริษัทระวังตัวแจหรือไม่ "วิทวัส" อธิบายว่า เดิมทีดีคอนฯมีแผนลงทุนก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ในย่านบางใหญ่ แต่พอประเมินอย่างถี่ถ้วนแล้ว จึงตัดสินใจชะลอการลงทุนยาวไปจนถึงปี"60-61 รอจังหวะให้สดใสกว่านี้
ทั้งนี้ ดีคอนฯมีโรงงานที่ จ.ลพบุรีเป็นฐานการผลิตใหญ่สุด มีกำลังการผลิตแผ่นพื้นคอนกรีตสำเร็จรูปเฉลี่ยวันละ 1.1 หมื่นตารางเมตร ถือว่ารายใหญ่ที่สุด เดิมมีแผนจะรีโลเคตหรือเคลื่อนย้ายเครื่องจักรบางส่วนจากลพบุรีมาไว้ที่บางใหญ่
เหตุผลหลักเพื่อต้องการลดต้นทุนขนส่ง เนื่องจากลูกค้าเป้าหมายส่วนใหญ่มีไซต์ก่อสร้างในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล โดยเตรียมซื้อที่ดินแล้ว เพื่อจะย้ายเครื่องจักรประมาณ 45% คิดเป็นกำลังการผลิตวันละ 5 พันตารางเมตร มาที่โรงงานใหม่ ใช้งบฯลงทุน 200 ล้านบาท
"คำนวณดูแล้ว ถ้าเริ่มลงทุนตอนนี้ โรงงานบางใหญ่จะเสร็จปลายปี"57-58 ตรงกับช่วงที่ประเมินว่าเศรษฐกิจจะถึงขาลงพอดี ทำให้ตัดสินใจชะลอลงทุนไว้ก่อน เพราะอาจจะได้ไม่คุ้มเสีย ยอมตั้งการ์ดสูงดีกว่า"
"วิทวัส" ขยายความว่า สำหรับดีคอนฯค้าขายกับลูกค้าโครงการเป็นหลัก สัดส่วน 90% เป็นงานเอกชน อีก 10% งานภาครัฐ เช่น งานก่อสร้างปรับปรุงเรือนจำ อาคารเรียน ฯลฯ
เหตุผลที่ชะลอการลงทุนไว้ก่อน ไม่ใช่แค่การคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจจากประสบการณ์เท่านั้น แต่ขณะนี้เริ่มเห็น "สัญญาณอ่อน ๆ" เริ่มเก็บเงินลูกค้ายากขึ้น
"...เริ่มมีลูกค้าบางรายขอผัดผ่อนเช็คออกไป มีตั้งแต่ 5-10 วัน เช่น เช็คจะถึงกำหนดขึ้นเงินวันนี้ ก็มีการโทร.มาขอผัดผ่อนไป 5-10 วัน เริ่มออกอาการตึง ๆ ให้เห็น"
วิธีการบริหารจัดการเชิงตั้งรับของเขาเริ่มจาก 1.ชะลอการลงทุนที่ต้องใช้เงินสูง ๆ 2.ปริมาณลูกหนี้ที่ค้าขายด้วยต้องไม่มากเกินไป ปัจจุบันมีจำนวนประมาณ 100 ราย 3.รักษาต้นทุนทางการเงิน (ดอกเบี้ยเงินกู้) ให้อยู่ในระดับต่ำ ปัจจุบันต้นทุนดอกเบี้ยเงินกู้บริษัทอยู่ในระดับต่ำกว่า 5%
"วิทวัส" เล่าว่า ประสบการณ์ที่ผ่านมา วิกฤตเศรษฐกิจปี"40 ถือว่าหนักสุด เจอเช็คเด้งเยอะ แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นเกราะป้องกันให้บริษัทผ่านพ้นวิกฤตฟองสบู่มาได้คือดีคอนฯค่อนข้างเลือกลูกค้าที่มีประวัติการเงินดี สั่งของแล้วไม่เบี้ยวเงิน
"ถ้านับย้อนหลังไป 10 ปี เรามียอดขายสะสมประมาณ 1 หมื่นล้านบาท แต่มีหนี้เสียน้อยมาก แค่ประมาณ 2-3 ล้านบาทเท่านั้น ขณะที่บางบริษัทผ่านปี"40 มาได้ แต่ก็ต้องแฮร์คัตหนี้ (ตัดหนี้) ไปพอสมควร"
สิ่งที่ดีคอนฯยึดถือเป็น "กฎเหล็ก" ถือเป็นวินัยในการทำธุรกิจ คืออัตราหนี้สินต่อทุนจดทะเบียนต้องไม่เกิน 1 เท่า เพื่อเตือนตัวเองไม่ให้ลงทุนมากเกินตัว กับอย่าให้มีหนี้เสีย
เมื่อย้อนกลับมาดูแผนลงทุนก่อนหน้านี้ ดีคอนฯมีโรงงานแห่งใหม่ที่เพิ่งก่อสร้างแล้วเสร็จใน จ.ระยอง กำลังผลิตสูงสุดวันละ 2,600ตารางเมตร และ จ.ขอนแก่นมีกำลังผลิตสูงสุดวันละ 1,300 ตารางเมตร
เมื่อนับรวมกับกำลังการผลิตรวมที่โรงงานลพบุรี ลำพูน และสุราษฎร์ธานีคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 10-20% ของทั้งหมด
หากเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจขาลง ก็มีกำลังผลิตส่วนนี้เท่านั้นที่มีความเสี่ยง เพราะส่วนที่เหลือเดินเครื่องเต็มกำลังผลิตอยู่
ถือว่าดีคอนฯไม่ได้ขยายการลงทุนแบบเสี่ยงเกินไป |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 18-11-2556
|
|
|
|
|