Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
แจกสัมปทานไฮสปีด-รถไฟฟ้า ดึงเอกชนลงขัน 4 แสนล. คลังรับลูกดันกม. 7 ฉบับ |
|
ขุนคลัง "กิตติรัตน์" แจกสัมปทานดึงเอกชนร่วมลงทุน 4.4 แสนล้าน เปิด 3 เมกะโปรเจ็กต์ "จัดหาระบบรถไฟความเร็วสูง 4 สาย-รถไฟฟ้า 12 สายทาง-มอเตอร์เวย์ 3 สาย" ส่วนรถไฟทางคู่ยอมขาดทุนให้โอกาสการรถไฟฯเดินรถเอง เล็งใช้เงินจากกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเป็นแหล่งเงินทุน ด้านคลังดันกฎหมายลูก 7 ฉบับรองรับ
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในงานสัมมนา "สร้างอนาคตไทย 2020" ที่จังหวัดอุบลราชธานีเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า โครงการในส่วน 2 ล้านล้านบาท จะมีโครงการ 3 กลุ่มที่ประเมินแล้ว เอกชนมีศักยภาพเพียงพอในการลงทุน และสามารถทำให้เกิดผลตอบแทนคืนมาให้รัฐได้ วิธีการจะให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนภายใต้ พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ฉบับใหม่ที่มีผลบังคับใช้ ประกอบด้วย 1.โครงการรถไฟความเร็วสูง 2.โครงการรถไฟฟ้า และ 3.โครงการมอเตอร์เวย์
ทั้งนี้ โครงการรถไฟความเร็วสูงและรถไฟฟ้าจะเป็นงาน 3 ส่วน คืองานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล การเดินรถและการบำรุงรักษา ส่วนรถไฟมีหัวรถจักรและตู้โดยสาร ด้านโครงการมอเตอร์เวย์จะเป็นการก่อสร้าง การเก็บค่าผ่านทางและการบำรุงรักษา ซึ่งในบางโครงการรัฐอาจจะมอบสิทธิในการลงทุนโดยรัฐไม่ต้องลงทุนเอง
แหล่งเงินจากอินฟราฯฟันด์
"กรอบของแผนลงทุน 2 ล้านล้าน เป็นวงเงินที่รัฐบาลเผื่อไว้กรณีเอกชนไม่สนใจเข้าร่วมลงทุนกับรัฐบาลในบางโครงการที่ผลตอบแทนไม่สูง อย่างรถไฟความเร็วสูงสามารถให้เอกชนร่วมลงทุน เพราะสร้างผลตอบแทนได้และมีความยืดหยุ่น ส่วนรถไฟทางคู่จะให้การรถไฟฯเดินรถเอง เพราะอาจจะต้องยอมขาดทุนบ้าง เพื่อให้บริการกับประชาชน แต่การรถไฟฯสามารถเดินรถด้วยความเร็วดีขึ้นกว่าเดิม"
นายกิตติรัตน์กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมามีข้อกล่าวอ้างว่าทำไมรัฐบาลไม่เลือกวิธีให้เอกชนร่วมลงทุนกับรัฐบาล เพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาหนี้สาธารณะ คำชี้แจงคือเอกชนไม่ได้เข้ามาลงทุนเปล่า ๆ แต่จะต้องได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสม เป็นผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นจากการลงทุนโครงการ
นอกจากนี้ มีบางโครงการที่เอกชนไม่สนใจลงทุน เช่น โครงการขยายถนนจาก 2 ช่องจราจรเป็น 4 ช่องจราจร เนื่องจากไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทาง ขณะที่ บางโครงการได้ผลตอบแทนทางการเงินต่ำ แต่รัฐบาลมองว่าจะเป็นโครงการที่สนับสนุนทำให้เศรษฐกิจโต จึงจำเป็นต้องหาเงินมาลงทุนเอง
"การลงทุน 3 กลุ่มดังกล่าวมีบางโครงการลงทุนโดยรูปแบบใช้เงินจากกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานและขายหน่วยลงทุนให้กับนักลงทุนที่สนใจ ขอยืนยันว่าการดำเนินการตรงนี้เป็นไปด้วยความมั่นใจ การที่รัฐบาลเตรียมพร้อมไว้ว่าถ้าเอกชนไม่ลงทุนรัฐจะเป็นผู้ลงทุนเอง เพราะต้นทุนการเงินต่ำกว่าเอกชน" นายกิตติรัตน์กล่าว
เอกชนร่วมได้ 4.4 แสนล้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับวงเงินลงทุนที่จะดึงให้เอกชนเข้าร่วมลงทุน 3 กลุ่ม ตามแนวคิดกระทรวงการคลัง มีมูลค่ารวม 439,964 ล้านบาท แบ่งเป็นระบบรถไฟความเร็วสูงเฟสแรก 4 สายทาง คือสายกรุงเทพฯ-พิษณุโลก, กรุงเทพฯ-นครราชสีมา, กรุงเทพฯ-หัวหิน และกรุงเทพฯ-พัทยา-ระยอง มีวงเงินรวม 148,240 ล้านบาท
โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า วงเงินรวม 149,354 ล้าานบาท แยกเป็นรถไฟฟ้าของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) 7 โครงการ วงเงินรวม 111,800 ล้านบาท เริ่มประมูลปี 2557 ได้แก่ สายสีน้ำเงิน (บางซื่อ-ท่าพระ และหัวลำโพง-บางแค), สายสีเขียว (แบริ่ง-สมุทรปราการ)
ปี 2558 มีสายสีเขียว (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต), สายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี), สายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี), สายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) และปี 2559 มีสายสีเขียว (สมุทรปราการ-บางปู) และรถไฟชานเมืองของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) 5 โครงการ วงเงิน 37,554 ล้านบาท
ส่วนโครงการมอเตอร์เวย์ 3 สายทาง วงเงินลงทุนเฉพาะค่าก่อสร้าง ได้แก่ สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา ระยะทาง 196 กิโลเมตร วงเงิน 77,970 ล้านบาท, สายพัทยา-มาบตาพุด ระยะทาง 32 กิโลเมตร วงเงิน 14,200 ล้านบาท และสายบางใหญ่-กาญจนบุรี ระยะทาง 96 กิโลเมตร วงเงิน 50,200 ล้านบาท
คลังแจ้งเกิดโปรเจ็กต์นำร่อง
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผยเพิ่มเติมว่า วันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา นายประสงค์ พูนธเนศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมทุนในกิจการของรัฐ ได้ทำหนังสือถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนยุทธศาสตร์การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ ตาม พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 ขอความร่วมมือให้หน่วยงานภาครัฐ ทั้งส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรมหาชน และหน่วยงานอื่นที่อยู่ในการกำกับดูแล ให้จัดทำรายละเอียดข้อมูลโครงการที่มีการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐทั้งหมด ที่อยู่ระหว่างดำเนินการในปีงบประมาณ 2557 และที่จะดำเนินการในปีงบฯ 2557-2562
เพื่อกระทรวงการคลังจะได้นำไปประกอบการจัดทำกรอบนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ เพื่อจะได้นำเสนอให้คณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนพิจารณา ก่อนจัดทำแผนยุทธศาสตร์การให้เอกชนร่วมทุนในกิจการของรัฐต่อไป หลังนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ ครั้งที่ 1/2556 เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2556 เพื่อเร่งผลักดันโครงการร่วมทุนให้เกิดขึ้น หลัง พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน 2556
เร่ง กม.ลูกเปิดช่องเอกชนร่วมทุน
ทั้งนี้จะทยอยประกาศบังคับใช้กฎหมายลูก 7 ฉบับ อาทิ ร่างประกาศคณะกรรมการนโยบาย รายละเอียดของผลการศึกษาและวิเคราะห์โครงการ, ร่างประกาศการกำหนดคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามของที่ปรึกษา, ร่างข้อเสนอหลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำบัญชีรายชื่อที่ปรึกษา, ร่างข้อกำหนดมาตรฐานสัญญาร่วมทุน, ร่างประกาศลักษณะของการแก้ไขสัญญาร่วมลงทุน, ร่างประกาศคณะกรรมการนโยบาย เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการให้เอกชนร่วมลงทุนในโครงการที่มีวงเงินต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท, ร่างประกาศคณะกรรมการนโยบาย ลักษณะของเอกชนและที่ปรึกษาที่ไม่สมควรให้ร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ
สำหรับรูปแบบการร่วมทุน เบื้องต้นจะเปิดกว้างให้เอกชนสามารถเข้าร่วมทุนกับหน่วยงานรัฐได้หลายรูปแบบ ตามความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในแง่ของการลงทุน เพื่อประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับประเทศชาติและส่วนรวม เช่น ลดภาระการใช้จ่ายวงเงินงบประมาณ เพื่อผลักดันให้โครงการสำคัญ ๆ รวมถึงการลงทุนก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท ที่จะเปิดให้เอกชนเข้าร่วมลงทุน
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 25-10-2556
|
|
|
|
|