Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
คลื่นความคิด 15 สถาปนิกชื่อ "แฟรงก์" และเมืองบิลเบา |
|
ในแวดวงสถาปนิกต่างประเทศ มีบทความมาฝากจาก "ปริญญา ตรีน้อยใส" ซึ่งเป็นนามปากกาของ ศ.ดร.บัณฑิต จุลาสัย อดีตคณบดีสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาฯ เขียนคอลัมน์ "มองบ้านมองเมือง" ประจำในนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์
"ปริญญา ตรีน้อยใส" ระบุว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีการกล่าวอ้างถึงสถาปนิกอเมริกันชื่อ "แฟรงก์ แกห์รี่" และ "พิพิธภัณฑ์ศิลปะกุกเกนไฮม์" ที่เมืองบิลเบา เป็นที่มาของการสร้างกระแส Guggenheim Bilbao Effect ที่เป็นแบบอย่างให้กับอีกหลายเมืองทั่วโลก ทั้งเมืองเก่าอย่างลอนดอนหรืออัมสเตอร์ดัม เมืองใหม่อาบูดาบี หรือดูไบ
เริ่มต้นที่เศรษฐกิจของโลกตะวันตก โดยเฉพาะภาคพื้นยุโรปย่ำแย่มานาน จนอาจส่งผลถึงความล่มสลายของประชาคม หนึ่งประเทศที่มีปัญหารุนแรงคือสเปน
ทั้ง ๆ ที่ในอดีตสมัยแห่งการเดินเรือข้ามทวีป สันตะปาปาถึงกับต้องแบ่งโลกออกเป็นสองส่วน เพื่อลดความขัดแย้งในการช่วงชิงทรัพยากรของสองมหาอำนาจ "สเปน-โปรตุเกส" เป็นที่มาของการพบโลกใหม่ คือ ทวีปอเมริกาโดยสเปน และการเดินทางอ้อมทวีปแอฟริกามายังเอเชียของโปรตุเกส ทรัพยากรล้ำค่านานาชนิดจากอาณานิคมทั่วโลกเป็นฐานสำคัญ
ส่งผลให้ทั้งสองประเทศร่ำรวยและรุ่งเรืองต่อมาเมื่อหมดสิ้นอาณานิคม เกิดปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง และการเข้าสู่โลกสมัยใหม่ ด้วยเหตุนี้ เมืองในสเปนต่างดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด มุ่งหวังที่จะพลิกโฉมเมืองอุตสาหกรรมเสื่อมถอยมาเป็นศูนย์กลางการบริการและแหล่งท่องเที่ยวทางด้านศิลปวัฒนธรรม
ทั้งนี้ "มาดริด" ลงทุนฟื้นฟูเมืองอย่างมโหฬาร เมื่อได้รับเลือกให้เป็นเมืองหลวงทางวัฒนธรรมของสหภาพยุโรป ในขณะที่ "บาร์เซโลนา" ได้เสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ในปี 2535 ส่วน "เซวิญญ่า-Seville" ก็รับเป็นเจ้าภาพจัดงาน The Universal Exposition of Seville (Expo"92) ในปีเดียวกัน ผลที่ตามมาของทุกเมืองที่กล่าวมา ปรากฏว่ายังคงติดบ่วงหนี้สินที่เกิดจากการลงทุนมหาศาล ยกเว้น "บิลเบา-Bilbao" เมืองใหญ่อันดับ 4 ของสเปน
ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่แปลกแยก ดินแดนแถบนี้เป็นถิ่นฐานของชนเผ่า Basque มาแต่อดีต จึงได้สิทธิ์ในการปกครองตนเองในปัจจุบัน อีกส่วนทำเลที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือ ใกล้ชายแดนฝรั่งเศส ริมฝั่งทะเลแอตแลนติก บิลเบาจึงเป็นเมืองท่าสำคัญ ในขณะที่ภายในแผ่นดินก็อุดมไปด้วยถ่านหินและเหล็ก บิลเบาจึงเป็นศูนย์กลางการเดินเรือ การต่อเรือ และอุตสาหกรรม
อย่างไรก็ตาม นอกจากวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศแล้ว กิจการต่อเรือและท่าเรือถดถอยตามเทคโนโลยีของโลก ส่งผลให้อัตราการว่างงานสูง บ้านเมืองเสื่อมโทรมจากมลพิษโรงงานอุตสาหกรรมรุ่นเก่า ที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้ต่ำ และแรงงานย้ายถิ่น
ผู้บริหารบิลเบาจึงเริ่มแผนฟื้นสภาพเมือง โดยการรื้อถอนโรงงานและท่าเรือเก่า แทนที่ด้วยสวนสาธารณะ อาคารพักอาศัย สำนักงาน และสถานบริการ การทำความสะอาดอาคารบ้านเรือน การก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนเพื่อแก้ปัญหาจราจร และลงทุนในโครงการพิเศษ ที่แปลกต่างไปจากเมืองอื่น ๆ คือ พิพิธภัณฑ์ Solomon R Guggenheim สาขาของพิพิธภัณฑ์ศิลปะในนิวยอร์กที่มีชื่อเสียง
ด้วยข้อจำกัดด้านงบประมาณค่าก่อสร้างอาคาร 3 พันล้านบาท ค่ายืมงานศิลปะ 1.5 พันล้านบาท ค่าบริหารหรือแฟรนไชส์ 600 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เพราะเงินทุนทั้งหมดของโครงการมาจากการลงขันร่วมกัน ตั้งแต่รัฐบาลกลาง รัฐบาลท้องถิ่น ไปจนถึงองค์กรเอกชนกว่า 80 ราย
ขณะเดียวกัน ได้เลือกสถาปนิกอเมริกันรุ่นใหม่ "แฟรงก์ แกห์รี่-Frank Gehry" ที่ขณะนั้นยังไม่มีชื่อเสียงมากนัก เป็นผู้พลิกโฉมพิพิธภัณฑ์และสถาปัตยกรรมร่วมสมัย โดยมีข้อกำหนดให้อาคารก่อสร้างโดยช่างต่อเรือที่ว่างงานอยู่
ส่งผลให้โครงสร้างอาคารเป็นเหล็ก ส่วนผนังภายนอกกรุด้วยแผ่นไทเทเนียม บางอาคารจึงมีรูปแบบต่างไปจากสถาปัตยกรรมทั่วไป ผืนผนังไทเทเนียมจะห่อหุ้มห้องแสดงงานขนาดต่าง ๆ (ห้องที่ใหญ่ที่สุดมีขนาด 30 ม.x130 ม.) ผนังแต่ละผืนจะสอดสานไปมาราวกับกลีบดอกไม้ งานสถาปัตยกรรมจึงกลายเป็นงานประติมากรรมที่งดงาม เข้าสู่ทำเนียบงานออกแบบที่มีชื่อเสียงระดับโลก
เมื่อรวมกับงานออกแบบสถานีรถไฟใต้ดินของสถาปนิกชื่อดัง Norman Foster, สะพานของ Santiago Calatrava และศูนย์ประชุมนานาชาติของ Cesar Pelli...บิลเบาจึงกลายเป็นจุดหมายปลายทางของสถาปนิก ศิลปิน นักท่องเที่ยวในเวลาแค่ 3 ปีหลังจากพิธีเปิดพิพิธภัณฑ์ในปี 2540
จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มถึง 4 ล้านคน มากกว่าประชากรบิลเบา 10 เท่า ส่งผลให้รายได้ผ่านโรงแรม ร้านอาหาร ร้านค้า ฯลฯ สูงถึง 3 หมื่นล้านบาท เทศบาลมีรายได้จากภาษีต่าง ๆ มากถึง 6 พันล้านบาท หรือเท่ากับงบประมาณที่ลงทุนไป
ทางด้านสถาปนิกแฟรงก์ แกห์รี่ เป็นชาวแคนาดา มาศึกษาและทำมาหากินในสหรัฐอเมริกา เริ่มจากงานเล็ก ๆ ในซานตาโมนิกา ต่อมามีผลงานศูนย์อเมริกาในปารีส และสำนักงานในปราก สาธารณรัฐเช็ก ซึ่งนิตยสารไทม์ยกให้เป็นงานออกแบบดีเด่นประจำปี 2539
เขาเลื่อนขั้นเป็นสถาปนิกระดับดารา ด้วยผลงานพิพิธภัณฑ์เมืองบิลเบา จึงมีงานต่อเนื่อง ทั้งโรงละครในลอสแองเจลิส และสำนักงานในสวิตเซอร์แลนด์
ความสำเร็จของการดำเนินงานครั้งนี้ กลายเป็นปรากฏการณ์ที่ได้รับการขนานนามว่า Bilbao Guggenheim Effect ที่ส่งผลต่อกระบวนการพัฒนาเมืองและการแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ ที่ได้รับการยอมรับไปทั่วโลกในปัจจุบัน |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 25-09-2556
|
|
|
|
|