|
Link
to us!!!
|
| ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
|
| "ซิโนไทยฯ-ITD" ส้มหล่น สร้างบางซื่อรับเพิ่มหมื่นล้าน |
|
ยักษ์รับเหมา "ซิโน-ไทยฯ + ยูนิคฯ" กับ "อิตาเลียนไทย" รอรับทรัพย์เพิ่ม 1 หมื่นล้าน จากการปรับแบบใหม่ "สถานีกลางบางซื่อ" เพื่อรองรับไฮสปีดเทรนด้วย เผยทั้งขยายความยาวชานชาลาเพิ่ม 2 เท่า จาก 200 เมตร เป็น 600 เมตร เพิ่มรางทางวิ่ง 1 ราง แยกรถไฟดีเซล-รถไฟฟ้า
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคมเปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ขณะนี้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) บริษัทที่ปรึกษา และผู้รับเหมาก่อสร้างรถไฟสายสีแดง (บางซื่อ-รังสิต) อยู่ระหว่างพิจารณาวงเงินค่าก่อสร้างโครงการที่จะเพิ่มขึ้น
หลังจากที่จะต้องปรับแบบก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อให้สามารถรองรับโครงการรถไฟความเร็วสูงในอนาคตด้วย เนื่องจากรูปแบบเดิมที่ผู้รับเหมาประมูลได้ไปแล้วนั้นยังไม่ได้ออกแบบรองรับแต่อย่างใด
โดยเนื้องานที่ปรับใหม่ในส่วนของสถานีกลางบางซื่อ สัญญาที่ 1 เพิ่มความยาวชานชาลาอีก 2 เท่าตัว จากเดิม 200 เมตร เป็น 600 เมตร งานสัญญาที่ 2 โครงสร้างโยธาทางวิ่ง จะต้องเพิ่มจาก 3 ราง เป็น 4 ราง แยกรางสำหรับรถไฟดีเซลกับรถไฟฟ้าออกจากกัน จากรูปแบบเดิมให้ใช้ทางวิ่งร่วมกัน
ชง 2 ทางเลือกปรับแบบใหม่
ทั้งนี้ จะเร่งหาข้อสรุปร่วมกับนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เร็ว ๆ นี้ เพื่อให้ผู้รับเหมาเดินหน้าก่อสร้างตามแบบใหม่ต่อไป ซึ่งผู้รับเหมาทั้ง 2 สัญญาได้ลงพื้นที่ก่อสร้างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ล่าสุดมีผลงานก่อสร้างโดยรวมคืบหน้าประมาณ 1-2%
แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า ทางเลือกการเพิ่มวงเงินก่อสร้างมี 2 รูปแบบ คือทางเลือกที่ 1 ปรับแบบสถานีบางซื่อสำหรับรถไฟความเร็วสูงให้ใกล้เคียงกับรถไฟสายสีแดงมากที่สุด ทางเลือกนี้ ทั้ง 4 ชานชาลาจะอยู่ติดกัน โดยรถไฟความเร็วสูง อยู่ชั้น 3 รถไฟมิเตอร์เกจหรือราง 1 เมตร อยู่ชั้น 2 แต่จะใช้เงินก่อสร้างสูงพอสมควรทั้ง 2 สัญญา คาดว่าอยู่ที่ 15,200 ล้านบาท แยกเป็นสัญญาที่ 1 ประมาณ 11,900 ล้านบาท สัญญาที่ 2 ประมาณ 3,300 ล้านบาท
ส่วนทางเลือกที่ 2 รูปแบบสถานีจะเหมือนกับรูปแบบที่ 1 กล่าวคือรถไฟความเร็วสูง ชานชาลาอยู่ชั้น 3 และรถไฟ 1 เมตร
อยู่ชั้น 2 แต่ลดความซับซ้อน โดยจะไม่นำชานชาลารถไฟชานเมืองมาอยู่ติดกัน ทำให้คนใช้บริการรถไฟชานเมืองเดินไกลออกไปประมาณ 2 ชานชาลา หรือประมาณ 40 เมตร ในภาพรวมรูปแบบนี้จะมีค่าก่อสร้างเพิ่มขึ้นประมาณ 10,000 ล้านบาท แยกเป็นงานสัญญาที่ 1 ประมาณ 6,700 ล้านบาท และสัญญาที่ 2 ประมาณ 3,300 ล้านบาท
รอ "ชัชชาติ" ทุบโต๊ะ
"คาดว่ารูปแบบที่ 2 น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพราะค่าก่อสร้างต่ำกว่า ทำให้งบประมาณก่อสร้างโดยรวมเพิ่มขึ้นไม่เกิน 10,000 ล้านบาทเท่านั้น แต่ทั้งหมดขึ้นกับการตัดสินใจของรัฐมนตรีคมนาคมจะเห็นชอบรูปแบบไหน ซึ่งต้องเร่งสรุป เพราะจะต้องหารือกับไจก้าผู้ให้กู้ค่อนข้างเร่งด่วน เพราะต้องใช้เงินกู้เพิ่มขึ้น"
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า เมื่อประมวลภาพรวมกรอบวงเงินที่เพิ่มขึ้นตามรูปแบบที่ 2 จะทำให้สัญญาที่ 1 งานก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อและศูนย์ซ่อมบำรุง ที่มีคู่สัญญาคือกลุ่มกิจการร่วมค้า SU (บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น และ บมจ.ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น) วงเงินก่อสร้างเดิมที่เซ็นสัญญาไปอยู่ที่ 29,826 ล้านบาท จะเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 6,700 ล้านบาท
ส่วนสัญญาที่ 2 งานก่อสร้างโครงสร้างทางวิ่งรถไฟจากบางซื่อ-รังสิต และสถานีระหว่างทาง คู่สัญญาคือบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD วงเงินเดิมที่เซ็นสัญญาก่อสร้างไปประมาณ 21,235 ล้านบาท จะเพิ่มอีกประมาณ 3,300 ล้านบาท
ให้ ม.เกษตรฯประเมินมูลค่าซ้ำ
นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการ ร.ฟ.ท. กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ยังไม่สรุปชัดเรื่องวงเงินตัวเลข อยู่ระหว่างให้ทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ประเมินก่อนที่จะเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมพิจารณา เนื่องจากตัวเลขที่ออกมาเป็นการประเมินของบริษัทที่ปรึกษา ในกรณีที่มีการปรับแบบรถไฟสายสีแดง เพื่อให้รองรับรถไฟความเร็วสูงแล้วจะต้องใช้เงินก่อสร้างเพิ่มขึ้นเท่าไหร่
"งานก่อสร้างยังเดินหน้าปกติ ระหว่างรอความชัดเจนให้ผู้รับเหมาทำงานส่วนอื่นไปก่อน แต่ที่ต้องเร่งพิจารณาแบบ เพราะผู้รับเหมาจะต้องลงงานเสาเข็มที่สถานีกลางบางซื่อ ซึ่งต้องรองรับน้ำหนักเผื่อรถไฟความเร็วสูงในอนาคตด้วย ส่วนสัญญาที่ 2 งานไม่ได้ปรับแบบอะไรมาก"
อย่างไรก็ตาม นายประภัสร์กล่าวว่า ไม่อยากให้ทุกคนมองที่ตัวเลขวงเงินเป็นที่ตั้ง การที่ต้องปรับแบบมาก เนื่องจากการขยายความยาวชานชาลาของสถานีกลางบางซื่อเป็น 600 เมตร จำเป็นจะต้องมีการออกแบบเผื่อไว้สำหรับรถไฟความเร็วสูงที่จะสร้างในอนาคต เหมือนกับกรณีของบีทีเอสที่สร้างชานชาลาใหญ่ไว้เพื่อรองรับขบวนรถที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต
"กำลังหารือร่วมกับการทางพิเศษฯว่า จะให้ผู้รับเหมาทางด่วนสายใหม่ที่กำลังก่อสร้างในพื้นที่บางซื่อให้สร้างตอม่อไฮสปีดไว้ก่อน 1 ต้นเพื่อรองรับโครงการ เพราะถ้าไม่สร้างตอนนี้ เมื่อถึงเวลาจริงจะไม่สามารถสร้างได้ โดยให้การทางพิเศษฯมาเบิกเงินค่าก่อสร้าง ภายหลังจากการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงแล้ว" นายประภัสร์กล่าวทิ้งท้าย
|
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 03-09-2556
|
|
|
|
|
