Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
เทียบฟอร์ม โบรกเกอร์อสังหา บริษัทข้ามชาติ...รายงานตัวครบ ยึดไทยเป็นฮับครองตลาด "เออีซี" |
|
AEC-ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ที่กำลังนับถอยหลังไปสู่การเปิดเต็มรูปแบบในปี 2558 อาจกล่าวได้ว่ากลายเป็นสปริงบอร์ดให้กับธุรกิจที่ปรึกษา-โบรกเกอร์อสังหาริมทรัพย์ในเมืองไทยวินาทีนี้ เพราะก่อนหน้าที่จะมีเออีซี วงการธุรกิจอสังหาฯของบ้านเราก็เป็นที่หมายตาของกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
ทีมข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" สำรวจความเคลื่อนไหว "ใครเป็นใคร" ในวงการโบรกเกอร์เมืองไทย พบว่าโบรกเกอร์แบรนด์ดัง
ส่วนใหญ่จะเป็นเครือข่ายข้ามชาติเข้ามาปักหลักสาขาในเมืองไทยไม่ต่ำกว่า 20-30 ปี
รวมทั้งยังคงมีองค์กรเกิดใหม่ในวงการทยอยเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
คอนโดฯฮิตเปิดใหม่ 90%
สำหรับปี 2556 พบว่าสีสันของการเปิดหน้างาน "รับบริหารงานขายและการตลาด" โครงการอสังหาฯ ลูกค้าโครงการส่วนใหญ่ 90% เทใจให้กับการพัฒนาคอนโดมิเนียม เป็นผลมาจาก
ปีที่ผ่านมาคอนโดฯได้รับอานิสงส์จากน้ำท่วมใหญ่ปลายปี"54 จึงขายดีและทำให้เกิด
ผู้ประกอบการอสังหาฯหน้าใหม่เข้าสู่วงการมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสำรวจบริษัทที่ปรึกษา-โบรกเกอร์อสังหาฯในไทย พบว่าส่วนใหญ่มีบริษัทแม่อยู่ในต่างประเทศ เช่น ซีบี ริชาร์ด เอลลิส (ประเทศไทย) มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่นครลอสแองเจลิส
ประเทศสหรัฐอเมริกา และสาขาในประเทศไทยเพิ่งจัดงานครบรอบ 25 ปี, ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) มีบริษัทแม่อยู่ที่ประเทศอังกฤษ ฯลฯ
โดยส่วนใหญ่มีธุรกิจหลักคือที่ปรึกษาและศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนทำโครงการ รับบริหารงานขายโครงการและวางแผนการตลาด รับบริหารอาคาร-สำนักงาน และธุรกิจการลงทุน เช่น ซื้อขาย
ที่ดิน-อาคารแบบยกแปลงยกอาคาร
"ซีบีฯ-เซ็นจูรี่ 21" ยอดโต
เริ่มจาก "ซีบี ริชาร์ด เอลลิส (ประเทศไทย)" ภายใต้การบริหารงานของเอ็มดีหญิง "อลิวัสสา พัฒนถาบุตร" ปี"55 ที่ผ่านมาสามารถทำยอดขายคิดเป็นมูลค่ารวม 2.2 หมื่นล้านบาท ปีนี้ตั้งเป้าเติบโตอีก 7-8% ยอดขายหลักที่เป็นเรือธงมาจากการรับบริหารงานขายโครงการคอนโดฯระดับไฮเอนด์ 1.38 หมื่นล้านบาท หรือ 62% ของยอดขายปีที่ผ่านมา
ปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ระหว่างรับบริหารกว่า 10 โครงการ ส่วนใหญ่เป็นเซ็กเมนต์ระดับไฮเอนด์ อาทิ โครงการคลาส หลังสวน, โครงการแม่น้ำ เรสซิเดนซ์
ฯลฯ ส่วนอีก 8.2 พันล้านบาทมาจากการขายอาคารและที่ดิน นอกจากนี้ มียอดขายจากธุรกิจบริหารอาคาร และธุรกิจบริหารพื้นที่เช่าออฟฟิศอีกบางส่วน
ถัดมาคือ "เซ็นจูรี่ 21 เรียลตี้ แอฟฟิลิเอทส์ (ประเทศไทย)" มีบริษัทแม่อยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา น้องใหม่ที่เข้ามารุกตลาดได้ 3 ปี ปัจจุบันมี "โทนี่-กิติศักดิ์ จำปาทิพย์พงศ์" นั่งเก้าอี้ซีอีโอ อดีตเคยเป็นผู้บริหารของ บมจ.ฮาริสัน โบรกเกอร์อสังหาฯอีกราย
เมื่อเร็ว ๆ นี้เพิ่งเปิดตัวโครงการคอนโดฯ "มีสไตล์" ย่านบางนาของผู้ประกอบการที่เคยพัฒนาคอนโดฯทรู ทองหล่อ และเดอะสเตชั่น สาทร-บางรัก ปี"55 บริษัทมียอดขายรวม 1.9 หมื่นล้านบาท ส่วนปี"56 ตั้งเป้าเติบโตประมาณ 15% โดยพอร์ตยอดขายของเซ็นจูรี่ 21
มาจากบริการอสังหาฯ 4 กลุ่ม ได้แก่
1) รับบริหารงานขายโครงการ 40% หรือ 7,600 ล้านบาท ถือเป็นตัวสร้างยอดขายหลัก 2) ธุรกิจการลงทุนคือ การซื้อ-ขายอาคารและที่ดิน 40% ซึ่งเป็นตัวสร้างยอดขายหลัก 3) ธุรกิจรับฝากขายคอนโดฯ-บ้านหลุดดาวน์ 18-19%
4) ธุรกิจที่ปรึกษาและศึกษาความเป็นไปได้การลงทุน 1-2%
และ 5) ธุรกิจขายแฟรนไชส์เซ็นจูรี่ 21 ปัจจุบันมีกว่า 20 สาขา ตั้งเป้าสิ้นปีนี้
เพิ่มเป็น 50 สาขา สถานะล่าสุดเซ็นจูรี่ 21 รับบริหารงานขายอสังหาฯอยู่ประมาณ 15 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 2 หมื่นล้านบาท
"ไนท์แฟรงค์-ฮาริสัน" ทะลุหมื่น ล.
รายต่อไปเป็นโบรกเกอร์เชื้อชาติอังกฤษ "ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย)" ปัจจุบันมี "พนม กาญจนเทียมเท่า" รับหน้าที่
เอ็มดี สถิติปี"55 มียอดขายรวม 1 หมื่นล้านบาท
ปัจจุบันมีธุรกิจหลัก 6 ส่วน คือ
1) บริหารพื้นที่เช่าสำนักงาน บริหารงานขาย-เช่าทรัพย์สินที่เป็นศูนย์การค้า
สัดส่วนยอดขาย 20% 2) บริหารงานขายที่อยู่อาศัย สัดส่วนยอดขาย 22-23%
มีทั้งโครงการในกรุงเทพฯ และเมืองท่องเที่ยว
อาทิ โครงการโบ๊ทเฮ้าส์ หัวหิน, คอนโดฯ
ของ บมจ.อีสเทอร์นสตาร์ฯ ฯลฯ 3) ประเมินราคาทรัพย์สิน วิจัยตลาดอสังหาฯ 20% 4) บริหารอาคาร 22-23% และ 5) สาขาในจังหวัดภูเก็ต 14-16%
ส่วน "ฮาริสัน (ประเทศไทย)" บริษัทที่ปรึกษาและโบรกเกอร์อสังหาฯร่วมทุนไทย-ฮ่องกงปี"57 จะเปิดดำเนินการครบ 20 ปี ปัจจุบันมี "อลัน หลิน" เป็นประธานกรรมการบริหาร ข้อมูลปี"55 มียอดขายรวม 8 พันล้านบาท ส่วนปี"56 ตั้งเป้า
เพิ่มเป็น 1.2 หมื่นล้านบาท
ปัจจุบันมีบริการ 5 กลุ่ม ได้แก่
1) ธุรกิจอินเวสต์เมนต์ ซื้อขายที่ดิน
2) วิจัยและศึกษาความเป็นไปได้การลงทุน 3) รับบริหารงานขายคอนโดฯ-อสังหาฯ
4) รับฝากขายคอนโดฯ-บ้านที่เป็นยูนิต
รีเซล และ 5) งานบริหารอาคาร
แต่ตัวที่สร้างยอดขายหลักคือการรับบริหารงานขายคอนโดฯสัดส่วนประมาณ 50% ปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ระหว่างการดูแล 11 โครงการ อาทิ เดอะ เลคคอนโดฯ สาทร-กัลปพฤกษ์, สุรวงศ์ ซิตี้ รีสอร์ท ฯลฯ
"ดีทีแซด-เน็กซัสฯ" เบ่งพอร์ต
ขณะที่ "ดีทีแซด (ประเทศไทย)" จากประเทศอังกฤษที่ทำตลาดมา 13 ปี ปีที่ผ่านมามียอดขายรวมประมาณ 15,000 ล้านบาท มาจากธุรกิจหลัก 5 ส่วน คือ
1) ประเมินราคาทรัพย์สิน 2) ที่ปรึกษา-ศึกษาความเป็นไปได้โครงการรวมกัน
20-25% 3) หาผู้เช่าร้านค้าและสำนักงาน 40%
4) รับบริหารงานขายโครงการ 20%
5) หาผู้เช่าคอนโดฯ-เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ และ 6) ขายอาคาร-ที่ดินรวมกัน 15-20%
ส่วนปีนี้ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 50% เนื่องจากมีชาวต่างชาติ 3 รายติดต่อขอซื้อโรงแรมในกรุงเทพฯและภูเก็ต
สุดท้ายคือ "เน็กซัส พร็อพเพอร์ตี้
มาร์เก็ตติ้ง" ที่ดำเนินธุรกิจมา 12 ปี
ปีที่ผ่านมามียอดขายรวมประมาณ
1.2 หมื่นล้านบาท หลัก ๆ มาจาก 1) ธุรกิจบริการเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย 50% ปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ระหว่างบริการงาน 12 โครงการ อาทิ โบทานิก้า เขาใหญ่, อิซซี่ คอนโดฯ สุขสวัสดิ์ ฯลฯ 2) ธุรกิจบริการวิจัย ที่ปรึกษา การลงทุนซื้อที่ดิน-อสังหาฯ
30% และ 3) ธุรกิจเกี่ยวกับออฟฟิศรีเทล 20%
โดยธุรกิจที่ขยายตัวดีในปีนี้คือบริการเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะครึ่งปีหลังมีโครงการที่รับบริหารงานขายให้ลูกค้า
ในกรุงเทพฯและปริมณฑลรอเปิดตัว 6-7 ราย |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 15-06-2556
|
|
|
|
|