|
Link
to us!!!
|
| ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
|
| อสังหาฯ"สมุทรปราการ"ติดลมบน ทีเอ็มทีฯ ลุย 4 โครงการรับคนกรุงซื้อบ้านชานเมือง |
|
อสังหาฯสมุทรปราการได้อานิสงส์โครงการส่วนต่อขยายรถไฟฟ้า คนกรุง-แรงงานย้ายถิ่นแห่ซื้อที่อยู่อาศัยชานเมือง ดึงราคาที่ดินทะยาน 20% "ที.เอ็ม.ที. แลนด์" สบช่องโหมลงทุน 560 ล้าน 4 โครงการ ยึดตลาดแนวราบทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม อาคารพาณิชย์
ผู้สื่อ ข่าวรายงานว่า ปัจจุบันบรรยากาศการลงทุนด้านที่พักอาศัยในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการเป็นไป ด้วยความคึกคัก เนื่องจากการเติบโตของความเป็นเมืองอุตสาหกรรมและบริการ โดยมีแรงงานย้ายถิ่นเข้ามาทำงานในภาคอุตสาหกรรมจำนวนมาก และมีความต้องการที่พักอาศัยทั้งในรูปแบบการเช่า และซื้อที่พักอาศัยถาวร นอกจากนี้ยังได้รับอานิสงส์ในฐานะเมืองปริมณฑล และโครงการส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อน แบริ่ง-สมุทรปราการ ทำให้คนกรุงเทพฯส่วนหนึ่งสนใจซื้อบ้านชานเมืองกันมากขึ้น
ทั้งนี้ กลุ่มทุนท้องถิ่นรายใหญ่ที่ยังมีการลงทุนต่อเนื่อง ได้แก่ บริษัท ที.เอ็ม.ที.แลนด์ จำกัด, บริษัท นครทอง คอนเซาท์แทน กรุ๊ป จำกัด และบริษัท ทัศรินทร์ จำกัด และยังมีทุนส่วนกลางที่เป็นคู่แข่งสำคัญ คือ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน)
นายธีรสิน นรินทร์สุขสันติ กรรมการผู้จัดการบริษัท ที.เอ็ม.ที. แลนด์ จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงแผนการลงทุนในปี 2556 ว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเปิดขาย 4 โครงการ ใช้งบประมาณลงทุน 560 ล้านบาท มูลค่าโครงการรวมทั้งหมด 970 ล้านบาท ได้แก่ 1.โครงการธัญดา พาร์ควิว 2 (ทาวน์โฮม) งบฯลงทุน 150 ล้านบาท บริเวณโซนด้านในติดกับนิคมอุตสาหกรรมบางปู จำนวน 213 ยูนิต มูลค่าโครงการ 270 ล้านบาท ขณะนี้ขายทาวน์โฮมไปแล้ว 33 ยูนิต
โครงการที่ 2 ชื่อโครงการดิ อินสปายร์เทพารักษ์-วงแหวน งบฯลงทุน 200 ล้านบาท เป็นทาวน์โฮม 3 ชั้น จำนวน 90 ยูนิต ราคา 3.19 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 200 ล้านบาท ขณะนี้ขายไปแล้ว 10% และ 3.โครงการเดอะ แคนนารี่ ไพรเวท บริเวณใกล้กับโครงการดิ อินสปายร์ เน้นขายที่ดินเปล่า เจาะกลุ่มไฮเอนด์ที่ต้องการปลูกบ้านหลังใหญ่ในพื้นที่จำนวนมาก และยังได้ขายบ้านเดี่ยวพร้อมที่ดินอีก 58 หลัง ราคา 9-14 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 300 ล้านบาท งบฯลงทุน 150 ล้านบาท
สำหรับโครงการที่ 4 นั้น บริษัทมีแผนที่จะลงทุนในช่วงปลายปีนี้บริเวณด้านนอกถนน ห่างจากนิคมอุตสาหกรรมบางปู 100 เมตร ในรูปแบบทาวน์โฮม จำนวน 100 ยูนิต งบฯลงทุน 60 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 200 ล้านบาท
นายธีรสินเปิดเผย ว่า แผนการตลาดแต่ละโครงการจะเน้นจับตลาดระดับแมส กลุ่มคนทำงานโรงงานเป็นหลัก เพราะสมุทรปราการมีโรงงานอุตสาหกรรมจำนวนมาก และมีแรงงานที่ต้องการที่อยู่อาศัยแห่งที่ 2 หรือย้ายถิ่นเข้ามามากขึ้น รวมถึงการซื้อเก็งกำไร
นอกจากนี้ ยังจับตลาดคนวัยทำงานในกรุงเทพฯที่เข้ามาซื้อที่อยู่อาศัยย่านชานเมือง ซึ่งได้รับปัจจัยสนับสนุนจากส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อน แบริ่ง-สมุทรปราการ ถึงฟาร์มจระเข้ ที่จะแล้วเสร็จในปี 2558 ประกอบกับนโยบายรถคันแรกที่จะผลักดันให้คนกรุงเทพฯ เข้ามาซื้อที่อยู่อาศัยในสมุทรปราการมากขึ้น เพราะการเดินที่สะดวกรวดเร็ว รวมทั้งราคาที่อยู่อาศัยถูกกว่าในกรุงเทพฯ ซึ่งบริษัทยังคงเจาะตลาดแนวราบ โดยเน้นทาวน์โฮม อาคารพาณิชย์ให้แข็งแกร่ง ก่อนที่จะขยับการลงทุนไปสู่แนวสูงคอนโดมิเนียม หรือบ้านเดี่ยวสู้กับทุนส่วนกลางในอนาคต
ทั้งนี้ คาดว่าภายใน 2-3 ปีนี้อสังหาริมทรัพย์ในสมุทรปราการจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ประชาชนยังมีกำลังซื้อเพราะเศรษฐกิจโดยรวมถือว่ายังไปได้ดี ภาวะการแข่งขันของผู้ประกอบการจะสูงขึ้น ส่งผลให้ขณะนี้ที่ดินภาพรวมปรับตัวขึ้น 10-20% เช่น พื้นที่ใกล้ส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าไร่ละ 40 ล้านบาท จากเดิมไร่ละ 15-20 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ราคาวัสดุก่อสร้างที่สูงขึ้น 10-15% บริษัทจำเป็นต้องปรับราคาขึ้น 5-10% อีกทั้งประสบปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ทำให้ผู้รับเหมาต้องจ้างแรงงานสูงถึงวันละ 350-450 บาท
ด้านนายธีร สันต์ นรินทร์สุขสันติ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ที.เอ็ม.ที. แลนด์ จำกัด กล่าวว่า การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) กลุ่มทุนต่างชาติจะเข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาดมากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการท้องถิ่นต้องปรับตัว ศึกษากลยุทธ์คู่แข่งอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งจะต้องหาพันธมิตรธุรกิจเพื่อรับมือการแข่งขัน หรือขยายการลงทุนไปยังพื้นที่ปริมณฑลในอนาคต เพราะทุนต่างชาติมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยกว่า |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 20-02-2556
|
|
|
|
|
