|
Link
to us!!!
|
| ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
|
| เบิร์ทเดย์ 100 ปี "เอสซีจี" ปั้นคน-ปั้นงาน... ขยายอาณาจักรในอาเซียน |
|
อาณาจักร "เอสซีจี" กำลังจะก้าวเข้าสู่องค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ที่จะมีอายุครบ 1 ศตวรรษ ในวันที่ 8 ธ.ค. 2556 หนึ่งในอีเวนต์ใหญ่คือ การเปิดเวทีเสวนาหัวข้อ "ถอดบทเรียน เอสซีจี 100 ปี องค์กรนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน" เมื่อต้น ธ.ค.ที่ผ่านมา
สินค้านวัตกรรมโต 14 เท่า
"กานต์ ตระกูลฮุน" กรรมการผู้จัดการใหญ่เอสซีจี เปิดประเด็นว่า เพื่อผลักดันให้เอสซีจีเติบโตและขึ้นเป็นผู้นำในตลาดอาเซียน หลายปีที่ผ่านมาจึงได้เดินหน้าพัฒนาสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม (HVA) ตามนโยบายมุ่งสู่องค์กรนวัตกรรม
จากวันนั้นถึงวันนี้เชื่อว่าได้เดินมาถูกทาง สินค้า HVA มีอัตราเติบโตสูงขึ้นอย่างมาก เทียบจากปี 2547-2554 ยอดขายรวมเติบโตขึ้นกว่า 90% กลุ่มสินค้า HVA มีอัตราเติบโตสูงถึง 1,400% หรือ 14 เท่า ขณะที่สินค้าคอมโมดิตี้มีอัตราเติบโต 34% ปัจจุบันสินค้าในกลุ่ม HVA มีสัดส่วนคิดเป็น 34% ของยอดขายรวม เป้าหมายที่ท้าทายในปี 2558 เอสซีจีต้องการเพิ่มสัดส่วนยอดขายกลุ่ม HVA ไว้ที่ 50% ของยอดขายรวม
"ก้าวต่อไปของเอสซีจีจะเติบโตเป็นผู้นำธุรกิจอย่างแท้จริงในอาเซียน เราได้เปลี่ยนมุมมองและแนวทางการดำเนินธุรกิจให้สอดรับกับการก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เราจะมีเครือข่ายธุรกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในอาเซียน ได้แก่ อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ลาว กัมพูชา สิงคโปร์ มาเลเซีย และเมียนมาร์ ด้วยมูลค่าทรัพย์สินรวม 55,400 บ้านบาท"
คนŽ ปัจจัยความสำเร็จองค์กร
ผู้บริหารอีกราย "ปราโมทย์ เตชะสุพัฒน์กุล" กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี ซิเมนต์ บอกว่า คีย์ซักเซสในวันนี้มาจากการให้ความสำคัญกับบุคลากรคนรุ่นใหม่ แต่ละปีเอสซีจีทุ่มงบประมาณด้านนี้ไม่ต่ำกว่า 1,200 ล้านบาท ให้ความสำคัญตั้งแต่การคัดเลือกคนที่มีความสามารถตรงกับสายงาน จากนั้นก็นำมาบ่มเพาะและเทรนนิ่งอย่างต่อเนื่อง มีระบบพี่เลี้ยงเพื่อแชร์ประสบการณ์ระหว่างคนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่ กระบวนการเหล่านี้เปรียบเหมือนการสร้างรากแก้วที่แข็งแรงขององค์กร
"ปัจจุบันเอสซีจีมีพนักงานในกลุ่มประเทศอาเซียนมากกว่า 10,000 คน คิดเป็นสัดส่วน 26% ของพนักงานทั้งหมดกว่า 40,000 คน ความสำเร็จที่เกิดขึ้นในวันนี้เพราะคนเอสซีจีเชื่อว่ามันเป็นแบบนั้นจริง ๆ" คำกล่าวของ "ปราโมทย์"
ลงทุนอาเซียน 7.7 หมื่นล้าน
เหลียวกลับมาดูแผนธุรกิจที่จะเป็นเบอร์ 1 ในอาเซียน "กานต์ ตระกูลฮุน" บอกว่า แผนลงทุน 5 ปีตั้งงบฯกว่า 1.5-2 แสนล้านบาท ผลงานในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เอสซีจีมุ่งเน้นขยายการลงทุนธุรกิจหลักในอาเซียน มูลค่าการลงทุน 77,500 ล้านบาท ทั้งในรูปแบบควบรวมกิจการ (Merge and Acquisition : M&A) และลงทุนเอง 100% ได้แก่
1)อินโดนีเซีย ใช้เงินลงทุน 33,150 ล้านบาท ในธุรกิจปูนซีเมนต์ มีกำลังการผลิต 1.8 ล้านตัน/ปี คาดว่าจะเริ่มได้กลางปี 2558, อิฐมวลเบา กำลังการผลิต 6 ล้าน ตร.ม., คอนกรีตผสมเสร็จ กำลังผลิต 2.2 ล้านคิว/ปี, เคมีภัณฑ์, เซรามิก กำลังการผลิต 27 ล้าน ตร.ม. และธุรกิจจัดจำหน่าย
2)เวียดนาม ลงทุน 2,150 ล้านบาท ในธุรกิจเคมีภัณฑ์ (ท่อพีวีซี) กำลังการผลิต 1.5 แสนตัน, โรงงานผลิตปูนซีเมนต์ขาว กำลังการผลิต 2 แสนตัน/ปี และโรงงานผลิตกระดาษและบรรจุภัณฑ์ กำลังการผลิต 5.3 หมื่นตัน/ปี 3)ฟิลิปปินส์ ลงทุน 150 ล้านบาท ในธุรกิจเซรามิก กำลังการผลิตรวม 12 ล้าน ตร.ม. 4)กัมพูชา ลงทุน 5,500 ล้านบาท ในธุรกิจซีเมนต์ กำลังการผลิต 9 แสนตัน/ปี คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้กลางปี 2558
และ 5)ในประเทศไทย ลงทุน 36,510 ล้านบาท ในธุรกิจโมเดิร์นเทรดวัสดุก่อสร้าง โดยการเข้าไปถือหุ้นในบริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน), ธุรกิจกระดาษและบรรจุภัณฑ์, ซีเมนต์ มีกำลังการผลิต 3.1 ล้านตัน/ปี, เคมีภัณฑ์ และธุรกิจบ้านสำเร็จรูปแบบโมดูลาร์
"กานต์" ทิ้งท้ายไว้น่าสนใจว่า อีก 3 ปีข้างหน้าเชื่อมั่นว่าเอสซีจีจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนได้ตามเป้าหมาย รวมทั้งขึ้นแท่นเป็นเบอร์หนึ่งของอาเซียนได้สำเร็จอย่างแน่นอน แต่ก่อนที่จะถึงวันนั้นต้องทำให้คนอาเซียนรัก "เอสซีจี" เพิ่มมากขึ้นกว่านี้ |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 13-12-2555
|
|
|
|
|
