Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
SCG ซื้อ "โกลบอลเฮ้าส์" โตลัดสกัด "ไทวัสดุ" |
|
ถือเป็นประเด็นร้อนช่วงปลายเดือนสิงหาคม เมื่อเจ้าตลาดวัสดุก่อสร้างรายใหญ่ "ปูนซิเมนต์ไทย" หรือเอสซีจี เล่นบทเสือซุ่ม ส่งบริษัทลูก "เอสซีจี ดิสทริบิวชั่น" เจรจาซื้อหุ้นเพิ่มทุนจาก "สยามโกลบอลเฮ้าส์" เจ้าพ่อโมเดิร์นเทรดวัสดุภูธร จำนวน 224 ล้านหุ้น (11.29%)
จากข้อมูลที่เอสซีจีแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ สิ่งที่ต้องดำเนินการต่อคือการใช้สิทธิ์ทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นทั่วไป เพื่อเพิ่มสัดส่วนการลงทุนเป็น 31.01-34.36% ของจำนวนหุ้นสยามโกลบอลเฮ้าส์ทั้งหมดกว่า 2,000 ล้านหุ้น
ว่ากันว่าเคสนี้เป็น "บิ๊กดีล" ที่เอสซีจีอาจต้องทุ่มเม็ดเงินทั้งหมดประมาณ 10,000 ล้านบาท เพื่อโดดเข้ามาเล่นในสมรภูมิรบโมเดิร์นเทรดวัสดุที่เป็นศูนย์ขนาดใหญ่แบบครบวงจร หรือ "บิ๊กบ็อกซ์ สโตร์" (Big Box Store) อย่างเต็มตัว เพื่อขยายฐานลูกค้ารองรับกับพฤติกรรมการเลือกซื้อวัสดุของผู้บริโภคที่หันมาช็อปวัสดุในศูนย์ขนาดใหญ่ที่มีสินค้าครบวงจร
ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวในตลาดหุ้นเป็นระยะ ๆ ว่า...เอสซีจีต้องการซื้อโฮมโปร แต่ทำไมมาปิดดีลที่สยามโกลบอลเฮ้าส์ !
"อภิสิทธิ์ รุจิเกียรติกำจร" ประธานบอร์ด "สยามโกลบอลเฮ้าส์" ซึ่งดำเนินธุรกิจศูนย์จำหน่ายวัสดุขนาดใหญ่ภายใต้ชื่อ
"โกลบอลเฮ้าส์" ไขปริศนากับ "ประชาชาติธุรกิจ" หลังเอสซีจีแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯเรื่องการเข้าร่วมทุนกับสยามโกลบอลเฮ้าส์เพียงไม่กี่ชั่วโมงว่า ดีลระหว่าง "สยามโกลบอลเฮ้าส์-เอสซีจี ดิสทริบิวชั่น" เจรจากันมาเป็นเวลากว่า 1 ปีแล้ว กระทั่งสามารถบรรลุข้อตกลงกันในที่สุด
เมื่อขั้นตอนการทำคำเสนอหุ้นจบลง เอสซีจีจะกลายเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 ในสยามโกลบอลเฮ้าส์ สามารถส่งตัวแทนเข้ามานั่งเป็นกรรมการในสัดส่วน 30% รวมถึงส่งบุคลากรฝ่ายบริหารและการจัดการมาร่วมดำเนินงานกับบริษัทดังกล่าวด้วยจำนวนหนึ่ง มั่นใจว่าจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับบริษัททุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านโลจิสติกส์ ภาพลักษณ์ การตลาด และการเงิน
โดยเฉพาะการสร้างอำนาจต่อรองกับซัพพลายเออร์จัดซื้อสินค้าบางชนิด ที่ทั้ง "สยามโกลบอลเฮ้าส์-เอสซีจี" ซื้อจากซัพพลายเออร์รายเดียวกัน
"ถ้าการซื้อหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้จบลงตามขั้นตอน เราจะได้เงินก้อนใหญ่เข้ามากว่า 3,000 ล้านบาท เมื่อรวมกับการเอ็กเซอร์ไซส์ (ใช้สิทธิ์) วอร์แรนต์ที่ได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้นตั้งแต่ปี 2554 อีกประมาณ 1,000 กว่าล้านบาท จะทำให้บริษัทมีเม็ดเงินใหม่เข้ามาไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท เงินจำนวนนี้จะถูกนำไปใช้ 2 ส่วนคือ ชำระหนี้คืนสถาบันการเงินในหนี้ส่วนที่ครบกำหนด และขยายกิจการให้เร็วขึ้น เป้าหมายคือขยายสาขาครบ 20 แห่งภายในสิ้นปีนี้ นอกจากนี้ยังมองไปถึงการเปิดสาขาในกลุ่มประเทศเออีซี"
ขณะที่ฟากของ "เอสซีจี" ถึงแม้มีเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายร้านโฮมมาร์ทประมาณ 400 สาขาทั่วประเทศ แต่การที่บิ๊กแบรนด์ค้าวัสดุอย่าง "โฮมโปร-ไทวัสดุ-สยามโกลบอลเฮ้าส์-อุบลวัสดุ" ขยายสาขาต่อเนื่อง ทำให้กลายเป็นคู่แข่งที่มีพาวเวอร์มากขึ้นเรื่อย ๆ
แหล่งข่าวระดับสูงในเอสซีจีชี้ว่า ดีลครั้งนี้ถือว่าวิน-วินทั้ง 2 ฝ่าย สยามโกลบอลเฮ้าส์จะได้พันธมิตรรายใหญ่เข้าไปเสริมความแข็งแกร่งในธุรกิจ ทางเอสซีจีก็สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ที่เป็นตลาดระดับกลาง-ล่างเพิ่มขึ้น ซึ่งคนกลุ่มนี้มีพฤติกรรมเลือกซื้อสินค้าในศูนย์ค้าวัสดุแบบโมเดิร์นเทรด ขณะที่ร้านโฮมมาร์ทก็เป็นช่องทางจำหน่ายสินค้าให้กับเอสซีจีเหมือนเดิม แต่ธุรกิจทั้ง 2 กลุ่มจะไม่กินตลาดกันเองแน่นอน
"ร้านโฮมมาร์ทยังสามารถจับกลุ่มลูกค้าเดิมไว้ได้ แม้ว่าสินค้าที่ขายในโฮมมาร์ทและสยามโกลบอลเฮ้าส์อาจจะทับซ้อนกันบ้าง โฮมมาร์ทเป็นลูกค้าระดับกลาง-บน แต่สยามโกลบอลเฮ้าส์จะเป็นกลาง-ล่าง"
แหล่งข่าวจากวงการค้าวัสดุรายหนึ่งวิเคราะห์ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เอสซีจีต้องการเข้าสู่ธุรกิจโมเดิร์นเทรดวัสดุมาระยะหนึ่งแล้ว เห็นได้จากช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมามีข่าวว่าเอสซีจีสนใจซื้อหุ้น "โฮมโปร"
ส่วนปรากฏการณ์ซื้อหุ้นสยามโกลบอลเฮ้าส์ เหตุผลแรกนั้นชัดเจนว่าเป็นทางลัดเพื่อเข้าสู่ธุรกิจศูนย์ค้าวัสดุขนาดใหญ่แบบบิ๊กบ็อกซ์ตามนโยบายซีอีโอเอสซีจี (กานต์ ตระกูลฮุน) ที่เคยประกาศแนวทางชัดเจนว่าจะใช้วิธีเข้าควบคุมกิจการมากกว่าจะลงทุนสร้างธุรกิจขึ้นมาใหม่
เหตุผลที่สอง พูดกันว่าไม่ได้มีแต่เอสซีจีเท่านั้น แต่มีกลุ่มนักลงทุนจีนสนใจจะเข้ามาร่วมทุนกับสยามโกลบอลเฮ้าส์ด้วยเช่นกัน ดังนั้นถ้าเอสซีจีไม่ซื้อวันนี้ วันหน้าก็มีความเป็นไปได้ที่สยามโกลบอลเฮ้าส์จะมีผู้ร่วมทุนจากจีนเข้ามาเสริมศักยภาพให้แข็งแกร่งขึ้น
ดังนั้น เปลี่ยน "คู่แข่ง" เป็น "พันธมิตร" ตั้งแต่วันนี้จึงเป็นจังหวะธุรกิจที่เหมาะสม
"การลงทุนในสยามโกลบอลเฮ้าส์เป็นแค่สเต็ปแรก เพราะวันนี้เอสซีจียังไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ รวมถึงเจรจาซื้อหุ้นโฮมโปรที่วันหนึ่งอาจปรากฏข่าวขึ้นมาก็ได้" แหล่งข่าวกล่าวและว่า
หลังจากนี้เชื่อว่าสยามโกลบอลเฮ้าส์ที่มีเอสซีจีถือหุ้นจะเร่งขยายสาขาอย่างรวดเร็ว เพื่อแข่งกับ "ไทวัสดุ" ของกลุ่มเซ็นทรัลที่ใส่เกียร์เปิดสาขาใหม่ปีละ 8-10 สาขา และมีแผนจะขยายสาขาให้ครบ 22 สาขาในสิ้นปีนี้
เพราะ "ไทวัสดุ" ของตระกูลจิราธิวัฒน์ก็เป็นหนึ่งในคู่แข่งของโฮมมาร์ทเหมือนกัน แม้ไม่ได้ชนกันตรง ๆ ก็ตาม |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 31-08-2555
|
|
|
|
|