| freesplans.com | ศูนย์รวมแบบบ้าน และ ตกแต่ง หลากหลายสไตล์
ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป
: : g o  t o  m a i n p a g e : :
สถาปัตยกรรม | ตกแต่งภายใน | ดีไซน์-แกลอรี่ | แบบบ้านสวย | แนะนำ-ติชม | ถาม-ตอบ เรื่องบ้าน | ติดต่อเรา 
ขณะนี้มีผู้ชมอยู่ 112 ท่าน 
FreeSplanS MENU
Profession Search
+ งานสถาปัตยกรรม
+ งานวิศวกรรม
+ งานรับเหมาก่อสร้าง
+ งานรับเหมาเฉพาะด้าน
+ งานออกแบบ
+ งานอสังหาริมทรัพย์
+ งานบริการอาคาร
C a l c u l a t o r . . .
+ คำนวณปริมาณคอนกรีต
+ คำนวณปริมาณการใช้สี
+ คำนวณปริมาณกระเบี้องปูพื้นและผนัง
+ คำนวณปริมาณวอลเปเปอร์
+ คำนวณปริมาณ BTU แอร์
D o w n l o a d s . . .
+ Agreement & Forms
+ Program Utilities
+ Windows Font

 

Link to us!!!
Link to US!!!






ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง
 
กด Like เป็นกำลังใจให้เว็บด้วยนะค่ะ
| ข่าวทั้งหมด |

 fp 09-07-2555    อ่าน 1943
 บุกถิ่นเสือเหลือง ชำเลือง "รถไฟทางคู่" ย้อนดู "รถไฟไทย" ตามหลังลิบลับ

นับเป็นภารกิจส่งท้าย "สร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์" ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กับการบินลัดฟ้าไปศึกษาดูงานโครงการรถไฟทางคู่ที่ประเทศมาเลเซีย ก่อนมีบิ๊กเซอร์ไพรส์ถูกโยกไปนั่งเก้าอี้รองปลัดกระทรวงคมนาคม เมื่อ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา

โปรแกรมทริปนี้ถูกเซตขึ้น หลังกระทรวงคมนาคมเตรียมแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทยรับมือการเปิด ประตูการค้าของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ที่จะมาถึงในปี 2558 เพื่อสำรวจโครงข่ายการคมนาคมที่จะมาเสริมทัพ และรองรับประตูการค้าที่กำลังจะเปิดในอนาคตอันใกล้นี้

"โครงการรถไฟ ทางคู่" เป็นอีกหนึ่งโปรเจ็กต์ที่คมนาคมมีแผนจะลงทุนในระยะเร่งด่วน วางแผนมี 6 เส้นทาง (2553-2558) รวมระยะทาง 873 กิโลเมตร วงเงินลงทุน 77,458 ล้านบาท หวังบูมประตูการค้าชายแดนไทยให้ราบรื่น

โดยรถไฟทาง คู่ทั้ง 6 เส้นทางถูกบรรจุอยู่ในบัญชีแผนการลงทุน เม็ดเงินก้อนใหญ่ 1.76 แสนล้านบาทที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) รัฐบาลชุดที่แล้วอนุมัติให้ "ร.ฟ.ท.-การรถไฟแห่งประเทศไทย" ไปแล้วเมื่อ 27 เมษายน 2553

แต่จาก วันนั้นจนถึงขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า ทุกอย่างยังเป็นเพียงโครงการกระดาษ ส่วนจะเริ่มรันได้ตามแผนที่วาดไว้หรือไม่ ยังต้องรอดูและลุ้นกันต่อ



ทริ ปครั้งนี้ "ผอ.สร้อยทิพย์" พาลัดเลาะไปตามเส้นทางชายแดนภาคใต้ เนื่องจากมีโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่มาสู่ภาคใต้จาก "หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร-สุราษฎร์ธานี-ปาดังเบซาร์" เชื่อมกับประเทศมาเลเซีย

เริ่มจากเส้นทางนำร่องช่วง "ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร" ก่อน ระยะทาง 167 กิโลเมตร เงินลงทุน 17,000 ล้านบาท ล่าสุดผลการศึกษาความเหมาะสมโครงการเสร็จแล้ว รอเพียงเม็ดเงินที่จะนำมาก่อสร้างและรัฐบาลยิ่งลักษณ์กดปุ่มไฟเขียว ส่วนที่เหลือจะทยอยให้แล้วเสร็จใน 10 ปี

หลังจากเครื่องบินแลนดิ้ง "สนามบินหาดใหญ่" จ.สงขลาแล้ว ชาวคณะได้นั่งรถบัสต่อเพื่อข้ามฝั่งชายแดนไทยไป "สถานีปาดังเบซาร์" รัฐเปอร์ลิส อยู่ห่างจากเขตแดนไทย 500 เมตร เป็นจุดเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟระหว่างประเทศไทย-มาเลเซีย ประตูการขนส่งทางรางระหว่าง 2 ประเทศ

จากนั้นมุ่งหน้าไปต่อที่ "รัฐปีนัง" ดูรถไฟทางคู่ที่กำลังก่อสร้างของรัฐบาลมาเลเซีย จาก "อีโปห์-ปาดังเบซาร์" ระยะทาง 329 กิโลเมตร มีกำหนดแล้วเสร็จและเปิดบริการในเดือนพฤศจิกายน 2557 นี้ ปัจจุบันงานก่อสร้างคืบหน้าแล้วประมาณ 80%

"มาเลเซียดูเหมือนเงียบ แต่เขาลงทุนเยอะเพื่อเตรียมรับมือเออีซี ปัจจุบันทุ่มเม็ดเงินเป็นแสนล้านบาท สร้างรถไฟทางคู่ทั่วประเทศให้เสร็จใน 6 ปี ออกแบบเป็นรางขนาด 1 เมตร ระยะทางกว่า 1,600 กิโลเมตร ตอนนี้เหลือช่วงที่ไปปาดังเบซาร์ที่จะเชื่อมกับชายแดนเราเท่านั้นที่เขา ประสบความสำเร็จ เพราะไม่มีปัญหาเรื่องเงินที่จะมาสร้าง" ผอ.สนข.ให้ข้อมูล

รูป แบบการพัฒนาของมาเลเซียก็เหมือนกับประเทศไทย คือสร้างทางคู่ขนาด 1 เมตร ขนได้ทั้งคนและสินค้าเพื่อลดต้นทุน ดังนั้นการต่อเชื่อมกันจึงมั่นใจว่าไม่มีปัญหาแน่นอน นอกจากนี้รถไฟทางคู่ยังออกแบบเพื่อแก้จุดตัดได้ด้วยการสร้างอุโมงค์หรือ สะพานข้าม ซึ่งจะทำให้การเดินทางรวดเร็วขึ้นอีกทั้งช่วยย่นระยะเวลาการเดินทางระหว่าง เมืองได้เป็นชั่วโมง เนื่องจากรถไฟที่จะนำมาวิ่งเป็นรถไฟฟ้าความเร็วไม่เกิน 140 กิโลเมตร/ชั่วโมง จะมีสายส่งไฟฟ้าอยู่ข้างบนเพราะเป็นการวิ่งออกชานเมืองเหมือนกับรถไฟฟ้า แอร์พอร์ตลิงก์ของบ้านเรา ส่วนสองข้างทางจะมีการพัฒนาใหม่ ๆ เกิดขึ้น เช่น บ้านจัดสรร ชุมชน เป็นต้น และบางสถานีจะมีการออกแบบสถาปัตยกรรมให้เป็นสถานีท่องเที่ยวของท้องถิ่นนั้น ๆ ได้อีกด้วย

"ทางคู่ของมาเลเซียเขาใช้ไฟฟ้าทั้งประเทศทำให้ ประหยัดพลังงานได้ เรากำลังคิดจะนำระบบแบบนี้มาใช้เหมือนกัน โดยหารือร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ" ผอ.สนข.กล่าวย้ำ

หลังเสร็จภารกิจ วันแรก รุ่งขึ้นคณะเดินทางไปที่ "สถานีอีโปห์" ต้นทางรถไฟทางคู่สายใหม่วิ่งบริการระหว่างเมืองที่เพิ่งเปิดบริการไปเมื่อ 12 สิงหาคม 2553 ไปยังสถานีปลายทาง "สถานีกัวลาลัมเปอร์" จุดศูนย์กลางระบบขนส่งทางรางของมาเลเซีย รวมระยะทาง 280 กิโลเมตร มี 19 สถานี ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 15 นาที

รถไฟสายนี้ทางรัฐบาล มาเลเซียให้สัมปทานเอกชนมาบริหาร โดยนำระบบรถไฟฟ้า ETS (Electric Train Services) ขนาด 6 ตู้ มีความจุผู้โดยสารอยู่ที่ 350 คน/เที่ยว ที่ผลิตจากประเทศจีนและเกาหลีมาวิ่งบนรางขนาด 1 เมตรได้สบาย ๆ ด้วยความเร็วสูงสุด 140 กิโลเมตร/ชั่วโมง ปัจจุบันมีผู้โดยสารมาใช้บริการ 8 แสนคน/ปี คิดอัตราค่าโดยสาร 350 บาท

จากต้นทางถึงปลายทางตลอดสอง ข้างทาง นอกจากแนวเส้นทางจะตัดผ่านที่นาไร่สวนแล้ว ยังมีการพัฒนาใหม่ ๆ เกิดขึ้นตามรายทาง ไม่ว่าจะเป็นหมู่บ้านจัดสรรเกิดใหม่อยู่รอบ ๆ สถานีใหญ่

เห็นตัวอย่างจากเพื่อนบ้านแล้วย้อนมาดูเมืองไทย แผนพัฒนาคงจะไม่ทิ้งระยะห่างกันมากนักหากรัฐบาลเริ่มนับหนึ่งสักที
  
ที่มา
[ ประชาชาติธุรกิจ  ] วันที่ 09-07-2555 

ค้นหาข่าวด้วยรหัส

รหัส








webmaster คลิกที่นี่

Copyright 2002 freesplans Design solution, Inc.