|
Link
to us!!!
|
| ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
|
| SCG แจง Q1 กำไรกระฉูด 87% เทียบกับไตรมาส 4/54 มาจากซิเมนต์-วัสดุฟื้นตัวหลังน้ำลด |
|
ผลประกอบการเอสซีจี ประจำไตรมาสที่ 1 ปี 2555 ยอดขายเพิ่มขึ้น แต่กำไรลดลง เนื่องจากมาร์จิ้นของธุรกิจเคมีภัณฑ์ลดลง เดินหน้าพัฒนาสินค้ามูลค่าเพิ่ม (High Value Added - HVA) ร่วมกับ Mitsui Chemicals Tohcello ผลิตฟิล์มพลาสติกที่มีความแข็งแรงสูง ด้วยงบ 1,400 ล้านบาท เผยยอดขาย HVA เติบโตเพิ่มขึ้นสูงมาก รุกขับเคลื่อนธุรกิจในอาเซียน รองรับ การก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)
นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เปิดเผยว่า งบการเงินรวมก่อนสอบทานประจำไตรมาส 1 ปี 2555 ของเอสซีจี มีกำไรสำหรับงวด 5,972 ล้านบาท ลดร้อยละ 35 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากมาร์จิ้นของธุรกิจเคมีภัณฑ์ลดลงจากกำลังการผลิตปิโตรเคมีในตลาดโลกเกินความต้องการ ประกอบกับปริมาณความต้องการลดลง
ทั้งนี้ มีรายได้จากการขาย 102,884 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น และราคาสินค้าที่ดีขึ้นในทุกธุรกิจ
เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา เอสซีจีมีกำไรสำหรับงวดเพิ่มขึ้นร้อยละ 87 เนื่องจากธุรกิจซิเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างฟื้นตัวจากวิกฤตน้ำท่วมในไตรมาส 4 ปีที่แล้ว โดยมีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 17
สำหรับธุรกิจของเอสซีจีในอาเซียนนอกเหนือจากประเทศไทย ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2555 มีรายได้จากการขาย 6,367 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 6 ของรายได้รวม เพิ่มขึ้นร้อยละ 21 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ปัจจุบัน เอสซีจีมีสินทรัพย์รวมในอาเซียน มูลค่า 52,904 ล้านบาท หรือประมาณร้อยละ 14 ของสินทรัพย์รวมของบริษัท
สินทรัพย์รวมของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2555 มีจำนวน 386,780 ล้านบาท
ผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 1 ปี 2555 แยกตามรายธุรกิจดังนี้ 1.เอสซีจี เคมิคอลส์ มีรายได้จากการขาย 52,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 จากช่วงเดียวกันของ ปีก่อน เนื่องจากปริมาณการขายเพิ่มขึ้น โดยมีกำไรสำหรับงวด 1,240 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 74 จาก ช่วงเดียวกันของปีก่อน
2.เอสซีจี เปเปอร์ มีรายได้จากการขาย 13,985 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 จากช่วงเดียวกันของ ปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่ดีขึ้น มีกำไรสำหรับงวด 1,010 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 4 จาก ช่วงเดียวกันของปีก่อน
3.เอสซีจี ซิเมนต์ มีรายได้จากการขาย 16,091 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 จากช่วงเดียวกันของ ปีก่อน เนื่องจากการฟื้นตัวหลังน้ำท่วม และมีกำไรสำหรับงวด 2,519 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 จาก ช่วงเดียวกันของปีก่อน
นายกานต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า "เอสซีจียังคงเดินหน้าพัฒนาสินค้า HVA ล่าสุด เอสซีจี เคมิคอลส์ ได้ร่วมทุนกับ Mitsui Chemicals Tohcello, Inc. หรือ MCTI จัดตั้งบริษัท Siam Tohcello, Co.,Ltd. หรือ STC เพื่อผลิตฟิล์มพลาสติก LLDPE (สินค้าขึ้นรูป) ที่มีความแข็งแรงสูง ซึ่งจัดเป็นสินค้าในกลุ่ม HVA ด้วยมูลค่าเงินลงทุนรวม 1,400 ล้านบาท โดยเอสซีจี เคมิคอลส์ ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 45 และ MCTI ร้อยละ 55 มีกำลังการผลิต 15,000 ตันต่อปี โรงงานอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด จ.ระยอง คาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตได้ภายในต้นปี 2557
การลงทุนนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการมุ่งผลักดันยอดขาย HVA ซึ่งในไตรมาสแรกของปีนี้ ยอดขาย HVA มีสัดส่วนร้อยละ 34 ของยอดขายรวม คิดเป็นมูลค่า 35,154 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 25 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา สินค้า HVA มีอัตราเติบโตสูงขึ้นอย่างมาก เทียบจากปี 2547-2554 ยอดขายรวมเติบโตขึ้นร้อยละ 90 โดยสินค้า HVA มีอัตราเติบโตสูงถึงร้อยละ 1400 หรือ 14 เท่า ขณะที่สินค้า Commodity มีอัตราเติบโตร้อยละ 34"
"หลังผ่านพ้นวิกฤตน้ำท่วม นับว่าประเทศไทยฟื้นตัวได้เร็วกว่าที่คาด ภาคอุตสาหกรรมและก่อสร้าง เองก็ฟื้นตัวได้เร็ว โดยเอสซีจีได้เข้าไปมีส่วนช่วยในการฟื้นฟูซ่อมแซม ทั้งยังผลักดันสร้างสรรค์นวัตกรรมที่อยู่อาศัย เพื่อรองรับภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด เอสซีจีได้พัฒนานวัตกรรมบ้าน SCG Heim ซีรีส์ใหม่ ซึ่งมีเทคโนโลยีช่วยให้สามารถใช้ชีวิตอยู่ในบ้านได้เมื่อเกิดภัยพิบัติ อาทิ น้ำท่วมหรือแผ่นดินไหว รวมทั้งพัฒนานวัตกรรมบ้านลอยน้ำ ร่วมแสดงในงานสถาปนิก′55 ที่ชาแลนเจอร์ฮอลล์ อิมแพค เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 24-29 เมษายนนี้"
"สำหรับการขยายธุรกิจในอาเซียน เอสซีจียังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ตามวิสัยทัศน์ของเอสซีจี และเพื่อรองรับการก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ความเคลื่อนไหวล่าสุด บริษัท ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) (TPC) ได้เข้าซื้อหุ้นบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายท่อพลาสติกในเวียดนาม 2 แห่ง คือ บริษัท Binh Minh Plastics Joint Stock Company (BMP) ในสัดส่วนร้อยละ 16.73 ของหุ้นทั้งหมด และบริษัท Tien Phong Plastic Joint Stock Company (NTP) ในสัดส่วนร้อยละ 22.67 ของหุ้นทั้งหมด
นอกจากนี้ หลังจากที่ เอสซีจี ซิเมนต์ ได้ซื้อกิจการกลุ่ม Boral Indonesia (BI) ผู้นำธุรกิจคอนกรีตผสมเสร็จของอินโดนีเซีย ซึ่งมีโรงงานตั้งอยู่ที่เกาะชวาและเกาะสุมาตรา รวมทั้งสิ้น 40 แห่ง เราได้เริ่มเข้าไปบริหารงานแล้วในไตรมาส 2 ของปีนี้ ทั้งนี้ ธุรกิจของเอสซีจีในอาเซียนเติบโตอย่างรวดเร็ว ปัจจุบัน เอสซีจีมีพนักงานที่ประจำนอกประเทศประมาณ 10,000 คน ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 26 ของทั้งหมด จากที่ตั้งเป้าไว้ที่ร้อยละ 25 ของจำนวนพนักงานทั้งหมดในปี 2558" นายกานต์ กล่าวในตอนท้าย |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 25-04-2555
|
|
|
|
|
