|
Link
to us!!!
|
| ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
|
| ศึก 3 เส้า "การรถไฟฯ-กทม.-ผู้ค้า" ชิงขุมทรัพย์แสนล้าน "ตลาดนัดจตุจักร" |
|
ย้งคงอยู่ในวังวนผลประโยชน์แสนล้าน "ตลาดนัดจตุจักร" ว่าถึงที่สุดแล้ว "ใคร ?" จะได้เข้าบริหารพื้นที่ 68 ไร่ 59 ตารางวา พลันที่สัญญาเช่าระหว่าง กรุงเทพมหานคร (กทม.) และการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) สิ้นสุดลงวันที่ 1 มกราคม 2555 นี้
กลเกมบนผลประโยชน์ 3 เส้า
จนถึงวินาทีนี้ ทั้ง "กทม.-ร.ฟ.ท."คู่สัญญาที่ทำร่วมกันมา 25 ปี ยังหา ค่าเช่าที่พอใจกันทั้งสองฝ่ายไม่ลงตัว หลังเจ้าของพื้นที่ "ร.ฟ.ท." ขอต่อสัญญาเช่า 20 ปี คิดค่าเช่า 420 ล้านบาท/ปี พ่วงเงื่อนไขปรับขึ้น 15% ทุก 5 ปี เฉลี่ย 3,000-3,500 บาท/แผง/เดือน ตามที่บริษัทที่ปรึกษาลงพื้นที่จริงสำรวจมาให้
ขณะที่ผู้เช่าหลักคือ "กทม." ขอต่ออีก 30 ปีในอัตราเดียวกับที่องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) เฉลี่ย 700 บาท/ตร.ม./ปี หรือปีละ 79 ล้านบาท ปรับขึ้น 15% ทุก 5 ปี
ทั้ง ๆ ที่สัญญาเช่าฉบับนี้ควรจะได้ข้อยุติเมื่อ 5 ปีที่แล้วก่อนสัญญาจะหมดอายุ แต่ทั้ง "กทม.-ร.ฟ.ท." ปล่อยเรื่องให้คาราคาซังมาถึงทุกวันนี้ จนกลายเป็นผลประโยชน์ต่างขั้วของฝ่ายการเมือง เมื่อ "กทม." ยุคนี้มีพรรคการเมืองเก่าแก่ "ประชาธิปัตย์" คุม ฟาก "ร.ฟ.ท." ซุกปีกพรรคเพื่อไทย
ฟาก "ผู้ค้า" เมื่อเห็นทั้ง 2 ฝ่ายคุยกันไม่รู้เรื่อง ได้ออกมาเคลื่อนไหวรวมตัวก่อม็อบรายวัน ออกเดินสายปิดถนนต่อต้าน หวังกดดัน "กทม.-ร.ฟ.ท." เร่งหาข้อสรุปโดยเร็ว ทำให้ "ตลาดนัดจตุจักร" วันนี้พัฒนาไปสู่ศึก 3 เส้าระหว่าง "การรถไฟฯ-กทม.-ผู้ค้า"
ร.ฟ.ท.ขอค่าเช่าใหม่ปีละ 420 ล.
โดย "ร.ฟ.ท." เจ้าของที่ดิน หลังมีแผนเชิงรุกจะหารายได้จากพัฒนาเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้นอีกปีละ 10-15% จากปัจจุบันมีรายได้ 2,300 ล้านบาท/ปี และเห็นตัวอย่างผลตอบแทนเป็นกอบเป็นกำร่วม 2 หมื่นล้าน กรณีต่อสัญญาเช่าแปลง "สามเหลี่ยมพหลโยธิน" กับกลุ่มเซ็นทรัลฯ เป้าหมายต่อไปคือที่ดินแปลง "ตลาดนัดจตุจักร" ที่หมายมั่นจะมีรายได้อย่างน้อยปีละ 1,600 ล้านบาท
จึงไม่แปลกที่ "ร.ฟ.ท." จะแจ้งไปยัง "กทม." ขอขยับค่าเช่าอีก 20-30 เท่าตัว จากปัจจุบันจ่ายให้ปีละ 24 ล้านบาท (ดูตาราง) เป็นอย่างน้อย 420 ล้านบาท/ปี พร้อมเดดไลน์ให้ส่งคำตอบสิ้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา แต่ กทม.ได้แต่เพิกเฉย ล่าสุด ร.ฟ.ท.สุดทน ได้ทำแผนปฏิบัติการยึดคืนตลาดนัดจตุจักรคืนจาก กทม.ทันที
งานนี้ได้มือดี "พี่ปุ๋ย-สร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์" ผอ.สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) มาช่วยวางแผน ในฐานะประธานบอร์ดการรถไฟฯ
ด้วยการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 8 ชุด เพื่อเตรียมการเข้าบริหารตลาดนัดจตุจักร ประกอบด้วย 1)คณะทำงานด้านสัญญา เจรจาค่าเช่าและทำสัญญา 2)ด้านเก็บเงินรายได้ 3)ด้านกฎหมาย 4)ด้านจัดระเบียบแผงค้า 5)ด้านความสงบเรียบร้อย 6)ด้านประชาสัมพันธ์ 7)ด้านรักษาความสะอาด เก็บขยะและน้ำประปา และ 8)ด้านไฟฟ้า
พลันที่ "บิ๊กโอ๋-พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต" และ "พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก" เจ้ากระทรวงคมนาคมเปิดไฟเขียวให้ ร.ฟ.ท.เข้าไปบริหารตลาดจตุจักรแทน กทม. ตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค. 2555 เป็นต้นไป ภายใต้ "บริษัท ตลาดนัดจตุจักร ร.ฟ.ท. จำกัด" บริษัทลูกที่ตั้งขึ้นมาบริหารด้วยทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท
"ระหว่างรอบริษัทลูก ร.ฟ.ท.จ้างเอกชนมาดำเนินการไปพลาง ๆ เช่น เก็บค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟ รักษาความสะอาด เก็บขยะ ด้านความปลอดภัย และการจราจร และจะไม่เก็บค่าเช่าผู้ค้าเป็นเวลา 2 เดือน จนกว่าจะได้อัตราค่าเช่าที่เหมาะสม หลังจากหารือร่วมกับผู้ค้าทั้ง 27 โซนแล้ว" คำประกาศของ "ยุทธนา ทัพเจริญ" ผู้ว่าการ ร.ฟ.ท.
ขณะเดียวกัน "ร.ฟ.ท.หวังผลต่อยอดในระยะยาว จะพัฒนาตลาดนัดจตุจักรเป็นตลาดขายของสัปดาห์ละ 7 วัน แบ่งเป็นวันจันทร์เป็นตลาดผ้า, อังคารเป็นตลาดผักผลไม้, พุธ-พฤหัสบดีเป็นตลาดพันธุ์ไม้, ศุกร์ตลาดปลาสวยงาม และเสาร์-อาทิตย์ตลาดนัดสุปดาห์
กทม.ป้องผลประโยชน์เต็มที่
ด้าน "กทม." ก่อนหน้านี้ได้มีการเคลื่อนไหวแบบเงียบ ๆ ทั้งที่สัญญาเช่ายังไม่หมด เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา แจ้งให้ผู้ค้าในตลาดกว่า 10,000 ราย (มีทะเบียน 8,800 แผง ไม่มีทะเบียน 2,000 แผงค้า) มาจ่ายค่าธรรมเนียม 100 บาท/แผง เพื่อต่อสัญญาเช่าชั่วคราว 1 ปี มีผลตั้งแต่ 1 มกราคม-31 ธันวาคม 2555 เป็นการต้อนผู้ค้ามาอยู่ในมือเพื่อใช้ต่อรองกับ ร.ฟ.ท.กับค่าเช่าใหม่ ที่มีแนวโน้มอาจจะต้องเปิดโต๊ะเจรจากันอีกรอบ
"อรุณ ศรีจรูญ" ผู้อำนวยการกองการตลาดนัดจตุจักรอ้างว่า ให้ผู้ค้ามาต่อสัญญาเช่าชั่วคราวเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ปี 2525 ที่ให้ กทม.บริหารพื้นที่ตลาดได้โดยไม่มีกำหนดระยะเวลา เพื่อไม่ให้เกิดเป็นสุญญากาศ และเป็นการสงวนสิทธิ์ให้ ผู้ค้าได้เปิดขายต่อไปได้ มิฉะนั้นผู้ค้าอาจยื่นฟ้องร้องกองอำนวยการตลาดได้
ว่ากันว่าเบื้องหลัง "กทม." เปิดเกมใต้ดินรักษาผลประโยชน์ในแดนสนธยาแห่งนี้ ที่ประเมินกันว่ามีมูลค่ามหาศาลจากการให้เช่าพื้นที่ทุกตารางนิ้วในตลาด ทั้งที่เป็นรายการเบิก "ในและนอก" งบประมาณ รวมถึงเงินคงคลังที่มีอยู่ร่วม 200 ล้านบาท ที่ผู้ว่าฯ กทม.สามารถเบิกไปใช้เพื่อกิจการอื่น ๆ ได้โดยตรง เพราะที่ผ่านมาไม่มีใครรู้ว่า "ผู้ว่าฯ กทม." ที่ผ่านมานั้นนำไปใช้อะไรบ้าง
ผู้ค้าหวั่นค่าเช่าแพงละลิ่ว
ในส่วนของผู้ค้าที่ออกมารวมตัวต่อต้านไม่อยากจะเสียค่าเช่าแผงที่สูงเกินจริง เพราะไม่ว่าจะเป็น "กทม.-ร.ฟ.ท." ค่าเช่าแผงจะต้องปรับขึ้นอย่างแน่นอน จากที่ปัจจุบันสัญญาเช่าจ่ายให้ กทม.อยู่ที่ 120-2,640 บาท/แผง
หากยิ่งแพงขึ้นเท่าไหร่ โอกาสที่เจ้าของแผงตัวจริงที่ว่ากันว่าบางรายมีถึง 40-50 แผงอาจจะต้องได้รับผลกระทบ เพราะจะทำให้ผู้ค้ามือสุดท้ายที่มีการปล่อย "เช่าช่วง" เซ้งต่อ 2-3 ทอดจะต้องรับภาระหนักมากขึ้น จากปัจจุบันราคาค่าเช่าต่อเดือนอย่างในทำเลทองใกล้รถไฟฟ้าใต้ดินอยู่ที่แผงละ 15,000-30,000 บาท
แหล่งข่าวจากผู้ค้ารายหนึ่งในตลาดจตุจักรบอกว่า ใครจะมาบริหารก็ได้แต่ขอให้คิดราคาเป็นธรรม เพราะปัจจุบันภาวะเศรษฐกิจไม่ดี การค้าขายไม่คึกคักเหมือนช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ทำให้รายได้จากการค้าขายไม่แน่นอน ค่าเช่าแผงปัจจุบันจึงไม่ได้สูงถึงระดับ 10,000-20,000 บาท/เดือน เหมือนที่ ร.ฟ.ท. เข้าใจ
บางทำเลที่อยู่ด้านใน คนเข้าไปไม่ถึง ค่าเช่าตกเหลือ 4,000-5,000 บาทก็มี |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 28-12-2554
|
|
|
|
|
