|
Link
to us!!!
|
| ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
|
| "แฟรนไชส์รับสร้างบ้าน"ขี่จรวดโต แบรนด์แรกของไทย"พีดีเฮ้าส์" 2ปีผุด23สาขาทั่วปท. |
|
แฟรนไชส์รับสร้างบ้าน "พีดีเฮ้าส์" ฉลุย แค่ 2 ปีโตพรวดแล้ว 23 สาขา ตั้งเป้าถึงปี"56 เปิดครบ 50 สาขา ทั่วประเทศ แล้วจะหยุดขยายแฟรนไชส์ในประเทศ สเต็ปถัดไปประกาศลุยตลาดเพื่อนบ้านประเทศลาว พม่าต่อ จ่อเปิดแฟรนไชส์ใหม่เป็นไฟติ้งแบรนด์ต่อยอดการทำธุรกิจ ขยายไลน์ลงมาเจาะกลุ่มลูกค้าสร้างบ้านไม่เกินหลังละ 1.5 ล้านในต่างจังหวัด จากเดิมเจาะตลาดสร้างบ้านหลังละ 1.7 ล้านขึ้นไป
นายสิทธิพร สุวรรณสุต ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจแฟรนไชส์ศูนย์รับสร้างบ้านภายใต้ แบรนด์ "พีดีเฮ้าส์" กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า หลังจากปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจ จากการลงทุนขยายสาขาเอง 100% มาเป็นการขยายสาขาด้วยการขายแฟรนไชส์ ภายใต้ชื่อ "ศูนย์รับสร้างบ้าน พีดีเฮ้าส์" มาได้ 2 ปี ปัจจุบันมีสาขาแล้ว 23 สาขา วางเป้าทั้งปีมี 28 สาขา และภายใน ปี 2556 ตั้งเป้าจะมีครบ 50 สาขา
แฟรนไชส์สาขาล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวคือสาขา จ.อุบลราชธานี วันที่ 28 ตุลาคมนี้จะเปิดสาขาที่ 24 ที่นครสวรรค์ และเดือนพฤศจิกายนนี้จะเปิดสาขาที่ 25-26 ที่สุรินทร์ และสกลนคร ทำให้บริษัทมั่นใจว่าเดินมาถูกทาง เพราะสามารถขยายสาขาได้ตามแผนที่วางไว้ และไม่มีแฟรนไชส์รายใดถูกยกเลิก
อย่างไรก็ตามบริษัทพบว่าในต่างจังหวัดยังมีความต้องการบ้านราคาต่ำไม่เกินหลังละ 1.5 ล้านบาทอยู่อีกมาก ขณะที่แฟรนไชส์พีดีเฮ้าส์จะรับก่อสร้างบ้านราคาตั้งแต่ 1.7-29 ล้านบาท จึงเตรียมเปิดตัวแฟรนไชส์แบรนด์ใหม่เป็นไฟติ้งแบรนด์ เพื่อต่อยอดการขยายตลาดลงมาเจาะกลุ่มลูกค้าที่ต้องการปลูกสร้างบ้านหลังละ 8 แสน-1.5 ล้านบาท
ปัจจุบันอยู่ระหว่างการจดลิขสิทธิ์ ชื่อแบรนด์กับกรมทรัพย์สินทางปัญญา คาดว่าเร็ว ๆ นี้จะได้รับการอนุมัติ จากนั้นบริษัทจะนำร่องลงทุนเปิด "สาขาต้นแบบ" ขึ้นเองก่อนใน จ.นครปฐม อยู่ติดถนนเพชรเกษม โดยอยู่ระหว่างการเลือกทำเล และเมื่อเริ่มมีลูกค้าและแบรนด์แฟรนไชส์เป็นที่รู้จักก็จะเปิดขายสาขาให้กับผู้ที่สนใจซื้อแฟรนไชส์ต่อไป แต่มีเงื่อนไขว่าจะเปิดขายให้เฉพาะแฟรนไชส์ที่ซื้อแบรนด์พีดีเฮ้าส์ไปแล้วเท่านั้น
สำหรับค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์แบรนด์ใหม่จะขายในราคาถูกกว่าแบรนด์ "พีดีเฮ้าส์" คือมีราคา 1.5 ล้านบาท ขณะที่แบรนด์พีดีเฮ้าส์ขายในราคา 2.5 ล้านบาท และมีอายุแฟรนไชส์ตามสัญญา 15 ปี ปัจจุบันมีแฟรนไชส์ 2-3 รายที่แสดงความสนใจ เพราะแฟรนไชส์รุ่นแรกที่เปิดสาขามาได้ประมาณ 2 ปี มีบางรายเริ่มคืนทุนแล้วและต้องการขยายสาขาเพิ่มขึ้น
ข้อดีของการซื้อแฟรนไชส์คือทุกสาขามีสิทธิ์รับงานต่างพื้นที่ได้ เช่น มีลูกค้าอยู่ที่ จ.นครปฐม แต่ต้องการ สร้างบ้านที่ขอนแก่น สาขานครปฐมก็สามารถรับงานได้ แต่จะได้ค่าดูแลลูกค้าคล้าย ๆ กับค่านายหน้า 3% จากราคาบ้าน ส่วนก่อสร้างจะต้องส่งต่อให้กับสาขาขอนแก่นที่เป็นเจ้าของพื้นที่ต่อไป
นายสิทธิพรกล่าวต่อว่า หลังจากบริษัทมีสาขาครบ 50 แห่งทั่วประเทศแล้ว ในปี 2556 ก็จะหยุดการขายแฟรนไชส์แบรนด์พีดีเฮ้าส์ เพราะพิจารณาแล้วว่าไม่สามารถเปิดได้ทุกจังหวัด และไม่ต้องการให้แฟรนไชส์ กินตลาดกันเอง
จากนั้นในปี 2557 จะขยายตลาดไปสู่การขยายแฟรนไชส์ในประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ สปป.ลาว และพม่าต่อไป ซึ่งจะเป็นการเตรียมพร้อมปี 2558 (ค.ศ. 2015) ที่ประเทศไทยจะเข้าสู่การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) อย่างเต็มตัว รูปแบบอาจเป็นการขายแฟรนไชส์รายสาขา หรือขายมาสเตอร์ แฟรนไชส์ใหญ่ ให้สิทธิ์ผู้ซื้อไปบริหารการเปิดแฟรนไชส์ภูมิภาคนั้น ๆ ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาข้อดีข้อเสีย
ทั้งนี้ ความสำเร็จของแฟรนไชส์รับสร้างบ้านจำเป็นจะต้องมีการวางระบบที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น โดยบริษัทได้ว่าจ้างบริษัท ที่ปรึกษาเข้ามาวางระบบ เขียนแผน จัดระบบโปรแกรมเทรนนิ่งทีมงานและแฟรนไชส์ และฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรของบริษัทอีกประมาณ 1 ปี เบ็ดเสร็จใช้เงินลงทุนไปประมาณ 30 ล้านบาท ซึ่งตลอด 2 ปีที่ผ่านมายังอยู่ในช่วงสร้างฐานแฟรนไชส์ และภายใน 3 ปีข้างหน้าจะถึงจุดคุ้มทุนและเริ่มมีกำไร ส่วนถ้ามีบริษัทรับสร้างบ้านรายอื่นต้องการเข้ามาในธุรกิจแฟรนไชส์รับสร้างบ้านก็ไม่ได้มองว่าเป็นคู่แข่ง เพราะตลาด ต่างจังหวัดยังมีความต้องการปลูกสร้างบ้านอีกมาก
โดยปัจจัยที่ทำให้บริษัทสามารถขยายสาขาได้อย่างรวดเร็ว น่าจะเกิดขึ้นจากการวางระบบที่ดีตั้งแต่แรก และเปิดโอกาสให้นักลงทุนที่ไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับการก่อสร้าง สามารถเข้ามาประกอบธุรกิจรับสร้างบ้านได้ โดยบริษัทจะเป็น ผู้ถ่ายทอดข้อมูลความรู้ การฝึกอบรมก่อนเริ่มต้นทำธุรกิจ และเมื่อดำเนินธุรกิจไปแล้วหากประสบปัญหาก็จะเข้าไปช่วยแก้ไขให้
หลักการคือผู้ลงทุนซื้อแฟรนไชส์เป็นคนบริหารร้าน หาลูกค้า โดยมีบริษัทช่วยให้คำปรึกษาและทำการตลาด ส่วนงานออกแบบ งานก่อสร้างบ้าน บริษัท มีทีมงานคอยสนับสนุนและตรวจสอบคุณภาพงาน แฟรนไชส์เพียงแค่กำกับดูแลช่างแต่ละชุดให้หมุนเวียนไปทำงานในไซต์ก่อสร้างลูกค้ารายอื่น ๆ |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 01-10-2554
|
|
|
|
|
