|
Link
to us!!!
|
| ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
|
| ฤทธาสนแข่งประมูลเมกะโปรเจ็กต์ รีโมเดลธุรกิจเข้าตลาดหุ้นบุก"อสังหา-กรีนบิลดิ้ง" |
|
บิ๊ก รับเหมาก่อสร้างอาคารภาคเอกชน "ฤทธา" รีโมเดลธุรกิจในรอบ 20 ปี เตรียมแต่งตัวเข้าตลาดหุ้น เพิ่มศักยภาพแข่งประมูลงานโครงการรัฐ เล็งเมกะโปรเจ็กต์รถไฟฟ้า ไฮสปีดเทรน ควบคู่แตกไลน์ธุรกิจใหม่ ทั้ง "อสังหาฯ-กรีนบิลดิ้ง" ต่อยอดรายได้
นายสุวัฒน์ เชาว์ปรีชา ประธานกรรมการ บริษัท ฤทธา จำกัด ผู้รับเหมางานอาคาร เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า บริษัทฤทธาก่อตั้งมาร่วม 24 ปี ตั้งแต่ปี 2530 มีผู้ถือหุ้นหลัก 4 ราย และเป็นทีมบริหารที่เป็นผู้บุกเบิกมาแต่ต้น จากทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ปัจจุบันเพิ่มทุนเป็น 550 ล้านบาท มีรายได้รวมเฉลี่ยปีละกว่า 10,000 ล้านบาท มูลค่างานก่อสร้างสะสมกว่า 500,000 ล้านบาท ติด 1 ใน 5 รับเหมาอาคาร
ล่าสุดบริษัทกำลังปรับ โมเดลธุรกิจรอบใหม่เพื่อรองรับการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต เพราะปัจจุบันธุรกิจก่อสร้างภาคเอกชนงานอาคารต่าง ๆ เริ่มทรงตัว โดยประเมินจากผลประกอบการของบริษัทที่ผ่านมา 2-3 ปี อยู่ที่ปีละ 10,000 ล้านบาท โดยปีนี้คาดว่าจะมีรายได้เท่าเดิม
หลักการบริหารธุรกิจของ ฤทธาจะใช้หลัก "เจดีย์หลายยอด" เพราะมีบุคลากรหลากหลายที่ต้องดูแล อาทิ วิศวกร 500 คน พนักงานบริษัท 2,400 คน คนงานอีก 35,000-50,000 คน ดังนั้นจึงต้องขยายฐานธุรกิจเพิ่ม โดยอาศัยความรู้ ความชำนาญที่มีอยู่ป็นตัวต่อยอดธุรกิจ
"เราคุยกันในกลุ่มผู้ถือ หุ้น 4 คน สิ่งที่เห็นตรงกันคือ จะไม่ให้ทายาทหรือเครือญาติของตัวเองเข้ามาบริหารงานต่อจากรุ่นผมที่บุกเบิก แต่โจทย์คือ จะทำยังไงให้บริษัทอยู่ยืนยาวเหมือนรับเหมาต่างประเทศที่อยู่ด้วยระบบและ เทคโนโลยี ไม่ใช่ด้วยคน จึงเห็นร่วมกันว่า ฤทธาต้องเปิดโอกาสให้คนนอกเข้ามาบริหารจัดการร่วมกัน"
จากแนวคิดดัง กล่าวนำไปสู่นโยบายที่จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งจะเปิดให้พนักงานบริษัทที่ทำงานร่วมกันมายาวนานได้มีโอกาสเป็นเจ้าของ ด้วยบางส่วน และกระจายหุ้นให้กับบุคคลภายนอกอีกบางส่วน
ทั้งนี้ได้ แต่งตั้งบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน คือบริษัทหลักทรัพย์ภัทร เป็นผู้ดำเนินการ คาดว่าภายในปลายปีนี้จะสามารถเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนเพื่อระดมทุนขยาย ธุรกิจก่อสร้าง จากเดิมที่รับงานเอกชนเป็นหลัก 99% ในอนาคตจะเข้ามาประมูลงานรับเหมาของส่วนราชการมากขึ้น โดยเฉพาะโครงการประมูลงานเมกะโปรเจ็กต์ เช่น รถไฟฟ้าสายต่าง ๆ รถไฟความเร็วสูง ที่กำลังทยอยเปิดประมูลมูลค่านับแสนล้านบาท
"จาก การศึกษาความเป็นไปได้เบื้องต้น บริษัทมั่นใจว่าหลังเข้าตลาดแล้ว ใน 3-5 ปีข้างหน้า รายได้จะเพิ่มเป็น 15,000-20,000 ล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 10,000 กว่าล้านบาท ซึ่งรายได้ทรงตัวมาหลายปีตั้งแต่ปี 2551"
ขณะ เดียวกันการรีโมเดลธุรกิจรอบนี้ บริษัทได้แตกไลน์เข้าสู่ธุรกิจเกี่ยวเนื่องอื่น ๆ ที่สามารถใช้ทรัพยากรบุคคล เทคโนโลยีโดยไม่ต้องจ้างคนภายนอกเข้ามาบริหาร ที่ผ่านมาได้แตกไลน์ธุรกิจแล้ว 2 บริษัท คือ 1) เดือนมีนาคม 2553 ที่ผ่านมาได้ตั้งบริษัทใหม่ชื่อ "ไซมิส แอสเสท" เป็นบริษัทพัฒนาที่ดิน
โครงการ แรกคือ คอนโดมิเนียม แบรนด์ "ไซมิส จอยญ่า" สุขุมวิท 31 มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท ยอดขายเป็นไปตามเป้า จะขึ้นโครงการที่ 2 ทำเลปากซอยราชครู พื้นที่ 1 ไร่เศษ อีก 2 อาคาร สูง 27 ชั้นและ 15 ชั้น
2) อยู่ระหว่างก่อตั้งบริษัท "ไทย โกลบอล เอนเนอยี่" ทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท หลังเมื่อปี 2553 ที่ผ่านมาขยายไลน์เข้าสู่ธุรกิจด้านบริการ โดยรับบริหารจัดการอาคารภายใต้คอนเซ็ปต์กรีนบิลดิ้ง เอ็นเนอร์ยี่ (อาคารสีเขียวอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและพลังงาน)
อาคารแรกที่เข้าไป บริหารจัดการคือ สำนักงานใหญ่ของฤทธา ริมถนนมอเตอร์เวย์ ที่ลงทุนก่อสร้างไป 400 ล้านบาท ลูกค้ารายอื่น ๆ มี 5 ราย เช่น ตึกมิลเลนเนียม เรสซิเดนซ์ อาคารสาทรสแควร์ โรงเรียนนานาชาตินนทบุรี แนวโน้มเป็นตลาดที่น่าสนใจคาดว่าปีนี้จะขยายลูกค้าเพิ่มเป็น 10 ราย
"แต่ ละธุรกิจที่ทำ ให้คนของเรานั่งบริหาร เพราะอบรมมากับมือ รู้ฝีมือกันดีจะไม่จ้างคนนอกมานั่งบริหารเด็ดขาด เราไม่รีบร้อน จะเติบโตอย่างมั่นคง"
ปัจจุบันบริษัทฤทธารับงานตามเป้าหมายที่วางไว้ ปีละ 20-30 โครงการ ทั้งเล็กและใหญ่ ใช้เวลาก่อสร้างไม่เกิน 1 ปี ลูกค้าใหญ่สุดเป็นเทสโก้ โลตัส ที่เป็นคู่ค้ากันมา 15 ปีแล้ว ล่าสุดเพิ่งได้งานใหญ่จากโครงการก่อสร้างอิเกีย มูลค่างาน 3,250 ล้านบาท
ด้าน การบริหารต้นทุนก่อสร้างท่าม กลางราคาวัสดุแพง บริษัทมีความได้เปรียบเรื่องนี้ จาก 1.มีศูนย์โลจิสติกส์ของตัวเอง พื้นที่ 80 ไร่ ที่รังสิตคลอง 12 และ 2.มีโรงงานระบบสำเร็จรูป (พรีแฟบ) ในพื้นที่เดียวกับศูนย์ขนส่งสินค้า รองรับโครงการก่อสร้างของบริษัท ทำให้ต้นทุนก่อสร้างถูกกว่ารับเหมารายอื่น ล่าสุดจะเปิดโรงงาน พรีแฟบแห่งใหม่ที่กลางดง จ.สระบุรี เนื้อที่ 40 ไร่ รองรับงานก่อสร้างภาคอีสานในระยะยาว |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 10-02-2554
|
|
|
|
|
