Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
ยูนิเวนเจอร์ จิ๊กซอว์ธุรกิจ "เจ้าสัวเจริญ" |
|
หลัง เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ทุ่มเม็ดเงินกว่า 800 ล้านบาท เข้าถือหุ้นใน บริษัท ยูนิ เวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) ในสัดส่วน 51% พร้อมมอบหมายให้ทายาท "ฐาปน สิริวัฒนภักดี กับ ปณต สิริวัฒนภักดี เข้าบริหาร เมื่อ 3 ปีก่อน ถึงขณะนี้"ยูนิเวนเจอร์" กลายเป็นอีกหนึ่ง "จิ๊กซอว์ธุรกิจ" ที่รองรับแผนสร้างอาณาจักรธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของกลุ่มเสี่ยเจริญให้เติบ โตแบบก้าวกระโดดผ่านทาง "ยูนิเวนเจอร์" และบริษัทร่วมทุนกับสิงคโปร์ "ที.ซี.ซี.แคปปิตอลแลนด์"
พิสูจน์ได้จากที่ผ่านมา "ยูนิเวนเจอร์" มีการเปลี่ยนแปลงในด้านธุรกิจแบบ 360 องศา ขยายการลงทุนธุรกิจอสังหาฯเพิ่มขึ้นในรูปแบบที่พัฒนาเองและผ่านบริษัทร่วม ทุนจาก 3 พันธมิตร ขณะเดียวกันก็ให้น้ำหนักการลงทุนอสังหาฯ โดยลดพอร์ตลงทุนธุรกิจผลิตสังกะสีออกไซด์ลงกว่าเดิม
จริง ๆ แล้ว บุกธุรกิจอสังหาฯอย่างหนักของยูนิเวนเจอร์ช่วงก่อนหน้านี้ ไม่ใช่เรื่องที่เกินความคาดหมาย แต่เป็นการเตรียมตัวมาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ตั้งแต่ปี 2549 จากนั้นเมื่อกลุ่มเสี่ยเจริญเข้ามาถือหุ้นใหญ่ จึงขออนุมัติจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยย้ายหมวดธุรกิจจากหมวดปิโตรเคมี และ เคมีภัณฑ์มาเป็นหมวดพัฒนาอสังหาฯ
2-3 ปีที่ผ่านมา สัดส่วนการลงทุนในธุรกิจอสังหาฯของยูนิเวนเจอร์ขยับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนถึง ปัจจุบัน โดยในปี 2552 สัดส่วนลงทุนในธุรกิจอสังหาฯ 35% ธุรกิจผลิตสังกะสีออกไซด์ 59% และธุรกิจอื่น ๆ 6% ในปี 2553 เปลี่ยนเป็น 44%, 51%, 5% ตามลำดับ ส่วนในปีนี้พอร์ตการลงทุนขยับใหม่เป็น 34%, 64%, 2% ตามลำดับ
ขณะที่รายได้จากธุรกิจอสังหาฯก็เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน โดยผลประกอบการในปี 2552 มียอดรายได้รวมทั้งปีประมาณ 1.36 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.87% เมื่อเทียบกับปี 2551 ที่อยู่ที่ 1.21 พันล้านบาท ส่วนผลประกอบการ ปี 2553 มียอดรายได้รวม 2.26 พันล้านบาท สูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ที่ 2.19 พันล้านบาท ในจำนวนนี้กว่า 1.14 พันล้านบาท เป็นรายได้จากธุรกิจอสังหาฯล้วน ๆ
"อรฤดี ณ ระนอง" ประธานอำนวยการ บมจ.ยูนิเวนเจอร์ บอกว่า การลงทุนตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมาสามารถทำได้ตามเป้าหมาย โดยเฉพาะการลงทุนด้านอสังหาฯที่เพิ่มขึ้นจนกลายมาเป็นธุรกิจหลักในปัจจุบัน ส่วนธุรกิจผลิตสังกะสีออกไซด์ แม้จะลงทุนน้อยลง แต่ก็ยังเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่สร้างรายได้ให้อย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยปีที่ผ่านมา บริษัทได้ลงทุนก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะเพิ่มอีก 270 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายตัวในอุตสาหกรรมรถยนต์และยางรถยนต์
"สัด ส่วนการเติบโตของพอร์ตอสังหาฯ ในปีนี้และปีหน้าของยูนิเวนเจอร์ยังมีต่อเนื่องอีก เป็นผลมาจากการโหมการลงทุนในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และจะเริ่มมี รายได้กลับเข้ามา แม้คอนโดฯ หลายโครงการจะรับรู้รายได้ไปหมดแล้ว แต่ยังมีอีกหลายโครงการที่อยู่ระหว่างทยอยรับรู้รายได้"
เป้าหมาย ในปี 2554 "ยูนิเวนเจอร์" มีแผนลงทุนพัฒนาโครงการใหม่เพิ่มอีก 3 โครงการ ภายใต้แบรนด์ยูดีไลท์ มูลค่ารวม 3.3 พันล้านบาท คอนเซ็ปต์ยังเป็นคอนโดฯในเมืองเกาะแนวรถไฟฟ้า ราคาขายเฉลี่ยต่อตารางเมตรอยู่ที่ 4.5-7 หมื่นบาท และได้ตั้งเป้ารับรู้รายได้จากธุรกิจอสังหาฯไม่ต่ำกว่า 2.1 พันล้านบาท ส่วนเป้ายอดขายตั้งไว้ที่ 3.4 พันล้านบาท มียอดขายรอรับรู้รายได้ในมือแล้วกว่า 3.8 พันล้านบาท คาดว่าจะทยอยรับรู้ปีนี้ประมาณ 2.1 พันล้านบาท
อีกหนึ่งโครงการที่ เจ้าสัวเจริญตั้งความหวังไว้สูงและถือเป็นการพิสูจน์ฝีมือของ "ยูนิเวนเจอร์" คือโครงการปาร์ค เวนเชอร์ ดิ อีโคเพล็กซ์ อาคารสำนักงานเกรดเอ และโรงแรมระดับ 5 ดาว หัวมุมถนนวิทยุ มูลค่าโครงการกว่า 5 พันล้านบาท ซึ่งขณะนี้งานก่อสร้างมีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 60% ประมาณเดือนกันยายนปีนี้จะเปิดให้บริการในส่วนสำนักงานให้เช่าได้
โครงการ นี้เมื่อแล้วเสร็จจะสามารถสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่าปีละ 300 ล้านบาท ส่วนโรงแรมระดับ 5 ดาว เชน "โอกุระ" จากประเทศญี่ปุ่นเป็นผู้ได้สิทธิ์เข้ามา บริหาร |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 27-01-2554
|
|
|
|
|