|
Link
to us!!!
|
| ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
|
| กทม.เล็งเก็บภาษีน้ำมัน5ส.ต./ลิตร "ป้าย-บุหรี่-โรงแรม"จ่อคิวรอ-ปั๊มรายได้เสริมคลัง |
|
กทม.เตรียม ขยายฐานภาษีหารายได้เพิ่มนำร่องปี"54 เก็บภาษีน้ำมันเต็มเพดาน 5 สตางค์/ลิตร ตั้งเป้าปั๊มรายได้ 500 ล้านบาท/ปี เฟสต่อไปชงมหาดไทยปรับปรุงอัตราเก็บ "ภาษีป้าย" ให้ครอบคลุมป้าย มัลติมีเดียทุกชนิด คาดเพิ่มรายได้อีก 400 ล้านบาท ส่วนภาษี "บุหรี่-โรงแรม" รอคิวแก้กฎหมาย
แหล่งข่าวจากศาลาว่าการกรุงเทพ มหานคร (กทม.) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ในปี 2554 นี้ ผู้บริหาร กทม.มีนโยบายชัดเจนในการขยายฐานจัดเก็บภาษีใหม่เพิ่มอีก 3 ประเภท คือภาษีน้ำมัน ภาษีโรงแรม และภาษีบุหรี่ โดยภาษีที่จะเริ่มจัดเก็บได้ทันทีคือภาษีน้ำมัน เนื่องจาก กทม.มีอำนาจหน้าที่จัดเก็บได้ตามพระราชบัญญัติแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจ สู่หน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 ที่ให้อำนาจหน่วยงานท้องถิ่นต่าง ๆ จัดเก็บได้ แต่ที่ผ่านมา กทม.ยังไม่ได้จัดเก็บ ขณะที่ท้องถิ่นอื่น ๆ จัดเก็บไปแล้วตั้งแต่ปี 2542
"ผู้บริหารตั้งธงไว้ว่า นับถอยหลังจากนี้อีกประมาณ 4 เดือน จะจัดเก็บได้ทันทีหลังจากสภา กทม.ให้ความเห็นชอบร่างข้อบัญญัติ กทม.เกี่ยวกับการจัดเก็บรายได้ภาษีน้ำมันในเดือนธันวาคม และประกาศในราชกิจจาฯตามขั้นตอน"
โดยจะจัดเก็บภาษีในอัตราเต็มเพดาน ตามที่พระราชบัญญัติบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 กำหนดไว้ คือ 5 สตางค์/ลิตร คาดว่าจะมีรายได้ 500 ล้านบาท/ปี จากฐานปริมาณการใช้น้ำมัน 10,000 ล้านลิตร มีสถานีบริการน้ำมันทั่วกรุงเทพฯกว่า 800 แห่ง
"ส่วน ภาษีบุหรี่และภาษีโรงแรมนั้นจะต้องรอแก้พระราชบัญญัติบริหารราชการกรุงเทพ มหานครก่อน เพื่อให้ กทม. มีอำนาจจัดเก็บได้ คาดว่าจะใช้เวลาพอสมควร เพราะต้องผ่านการพิจารณาของรัฐสภา"
สำหรับภาษีป้าย กทม.กำลังจะขออนุมัติจากกระทรวงมหาดไทย เพื่อแก้ไขกฎกระทรวงปรับปรุงภาษีป้ายอัตราใหม่ เพราะอัตราเดิมที่ใช้อยู่ปัจจุบันใช้มาตั้งแต่ปี 2534 เมื่อกระทรวงมหาดไทยอนุมัติแล้วจะจัดเก็บได้ทันที คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้น 400 ล้านบาท หลังปรับปรุงกฎกระทรวงใหม่ และทำให้รายได้ของ กทม.จากการจัดเก็บภาษีป้ายเพิ่มขึ้นจากเดิมปี 2553 จัดเก็บได้ 660 ล้านบาท คาดว่าจะเพิ่มเป็น 1,060 ล้านบาท
ราย ละเอียดภาษีป้ายที่เสนอขอปรับปรุง ประกอบด้วย 1) ป้ายติดรถยนต์ส่วนบุคคล จากเดิมได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษี จะเก็บเพิ่มในอัตราใหม่ 5-200 บาทต่อ 500 ตารางเซนติเมตร หากแก้ไขแล้วจะมีรายได้เพิ่ม 90 ล้านบาท ส่วนป้ายรถยนต์สาธารณะ 10,000 คัน รถยนต์นั่งส่วนบุคคล 19,000 คัน และรถบรรทุกส่วนบุคคล 10,000 คัน จะปรับอัตราใหม่จากฐานเดิมเก็บอยู่ที่ 3-40 บาทต่อ 500 ตารางเซนติเมตร เป็น 5-200 บาทต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
2) ป้ายรุ่นใหม่ เช่น ป้ายอักษรวิ่ง ป้ายไตรวิชั่น ป้ายจอโทรทัศน์ ปัจจุบัน กทม.จัดเก็บในอัตราเดียวกับป้ายภาพทั่วไป หากแก้ไขจะมีรายได้เพิ่ม 40 ล้านบาท คือ ป้ายอักษรวิ่ง จำนวน 50 ป้าย อัตราภาษีใหม่ 100 บาทต่อ 500 ตารางเซนติเมตร คิดเป็นเงิน 5 แสนบาท ป้ายไตรวิชั่น จำนวน 1,000 ป้าย อัตราภาษีใหม่ 150 บาทต่อ 500 ตารางเซนติเมตร คิดเป็นเงิน 20 ล้านบาท ป้ายจอโทรทัศน์ จำนวน 200 ป้าย อัตราภาษีใหม่ 200 บาทต่อ 500 ตารางเซนติเมตร คิดเป็นเงิน 15 ล้านบาท
3) เพิ่มอัตราภาษีป้ายเดิมให้สูงขึ้น คาดว่าจะมีรายได้เพิ่ม 270 ล้านบาท ได้แก่ 3.1 ป้ายอักษรไทยล้วน เดิมเก็บ 3 บาทต่อ 500 ตารางเซนติเมตร อัตราใหม่เก็บ 5 บาท 3.2 ป้ายอักษรไทยปนภาษาต่างประเทศ เดิมเก็บ 20 บาทต่อ 500 ตารางเซนติเมตร อัตราใหม่เก็บ 30 บาท 3.3 ป้ายที่ไม่มีอักษรไทย เดิมเก็บ 40 บาทต่อ 500 ตารางเซนติเมตร อัตราใหม่เก็บ 60 บาท 3.4 ป้ายที่เป็นอักษรไทยอยู่ต่ำกว่าอักษรต่างประเทศ เดิมเก็บ 40 บาทต่อ 500 ตารางเซนติเมตร อัตราใหม่ 50 บาท
แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า สถิติในปี 2553 กทม.จัดเก็บภาษีได้เกินเป้าที่ประมาณการไว้ 41,000 ล้านบาท โดยจัดเก็บได้ 46,224.11 ล้านบาท คิดเป็น 112.74% สูงกว่าที่ประมาณการไว้ 5,224.11 ล้านบาท มาจากรายได้ กทม.จัดเก็บเอง (ภาษีอากร ค่าธรรมเนียม รายได้จากทรัพย์สิน รายได้จากการพาณิชย์ และรายได้เบ็ดเตล็ด) ประมาณการไว้ที่ 11,200 ล้านบาท รับจริงอยู่ที่ 13,341.90 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 2,141.90 ล้านบาท
ในส่วนราชการอื่นจัดเก็บให้ (ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีรถยนต์ ภาษีสุรา ภาษีการพนัน ภาษีสรรพสามิต ภาษีหรือค่าจดทะเบียนสิทธิฯ และภาษีธุรกิจเฉพาะ) ประมาณการไว้ 29,800 ล้านบาท รับจริง 32,882.21 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 3,082.21 ล้านบาท
สำหรับ การประมาณการรายรับปี 2554 ทาง กทม.ตั้งไว้ 46,000 ล้านบาท เป็นส่วน กทม.จัดเก็บเอง 11,250 ล้านบาท ส่วนราชการอื่นจัดเก็บให้ 34,750 ล้านบาท โดยคาดว่าจะจัดเก็บได้ตามเป้าที่วางไว้เพราะมีการขยายฐานภาษีใหม่เพิ่ม |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 15-11-2553
|
|
|
|
|
