Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
พฤกษา เรียลเอสเตท ทำไมต้อง...โกอินเตอร์ |
|
สัมภาษณ์พิเศษ
1 ปีเศษมาแล้วที่ค่ายจัดสรรมหาชน "พฤกษา เรียลเอสเตท" โกอินเตอร์ไล่ล่าโอกาสทองธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ ถือเป็นจิ๊กซอว์ตัวสำคัญที่บริษัทประกาศเป้าสร้างยอดรับรู้รายได้ปีละ 1 แสนล้านบาท ภายในปี 2560 โดยส่วนแบ่งตลาดต่างประเทศกำหนดไว้ 40% หรือ 4 หมื่นล้านบาท
"ประชาชาติธุรกิจ" สัมภาษณ์พิเศษ "ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์" ซีอีโอและกรรมการผู้จัดการ บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท เพราะอยากรู้คำตอบมานานแล้วว่า ทำไมพฤกษาฯอยากจะโกอินเตอร์
- การลงทุนในต่างประเทศ
เกาะ มัลดีฟส์ทำ 180 ยูนิต ขายได้ 90% วันแรกเงินประมาณ 590 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดเฟสสองช่วงหลังปีใหม่ อยู่เกาะกูรูมาเร่ เป็นเกาะที่มีสนามบิน เกาะเมืองหลวงคือเกาะมาเร่ อยู่ติดกันนั่งเรือสิบนาที เขามีประมาณ 2,000 เกาะ แต่ละเกาะจะให้สัมปทานทำโรงแรม ที่นี่จอยต์กับ HTC (การเคหะของมัลดีฟส์) เราถือหุ้น 80% ผลประโยชน์แบ่งตามสัดส่วนหุ้น
- พัฒนาโครงการทำได้ยากหรือง่าย
ไม่ มีวัสดุ แรงงานก็ต้องนำเข้า ทำให้ราคาแพงพอสมควร ราคาขายประมาณ 2.5 ล้านบาท จริง ๆ แล้วมัลดีฟส์ไม่ได้อยู่ในเป้าหมาย เราต้องการไปอินเดีย แต่ระหว่างรอใบอนุญาตมัลดีฟส์ติดต่อมา
อินเดียมีประชากร 1,100 ล้านคน เป็นมิดเดิลอินคัม ระดับบีบวกสัก 300 ล้านคน ที่สำคัญด้านที่อยู่อาศัยขาดแคลนถึง 24 ล้านหน่วย บ้านเราคุยกันปีละ 7 หมื่นหน่วย ตลาดคนละไซซ์ เดิมเขาบอกผมก็ไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ แต่ไปดูโครงการคอนโดฯที่ทำ สร้างเสร็จเพียง 80% คนขอเข้าไปอยู่แล้ว โปรดักต์ 90% จะเป็นแนวสูง
- แผนบุกตลาดอินเดีย
24 ล้านหน่วยเรามองเห็นโอกาส แต่กลุ่มบีบวกอาจจะมีดีมานด์ 5-6 ล้านหน่วย ตลาดก็ยังน่าสนใจ ถ้าทำโครงการแรกสำเร็จ แห่งที่สอง-สามจะตามมา โครงการแรก 590 ยูนิต 1,600 ล้านบาท ที่เมือง บังคาลอร์ เมืองไอที ถือหุ้นเอง 100% เพราะเราติดต่อราชการเองได้
เมืองที่สองในอินเดียคือเชนไน ถือหุ้นร่วมกับโมฮันโมทาฯ ธุรกิจวัสดุก่อสร้าง สัดส่วน 70/30 เป็นเมืองท่าเรือ ติดชายทะเล เมืองที่สามมุมไบ ร่วมทุนกับ โซแฮมกรุ๊ปคนละ 50% เป็นบริษัท พร็อพเพอร์ตกำลังดีลเรื่องที่ดิน
จุดอ่อนอินเดียคือขั้นตอนการขอใบอนุญาตต่าง ๆ ประมาณ 8 เดือน ทำให้ล่าช้ากว่าแผน จึงต้องโยกปมัลดีฟส์ก่อน
- แผนลงทุนตลาดเวียดนาม
เวียดนามเรามีบริษัทรับเหมาไปทำด้วย รวมกันมาร์จิ้นน่าจะประมาณ 15%
เวียดนามเป็นตลาดอสังหาฯเกิดใหม่ บูม 7-8 ปีมาแล้ว ขนาดตลาด 1 ใน 3 ของเมืองไทย แต่ก็ยังน่าสนใจอยู่ เมืองแรกที่ไปลงทุนคือเมืองไฮฟง ใกล้กับฮานอย ห่างกัน 100 ก.ม. เป็นเมืองท่าเรือ โครงการเราห่างจากเซ็นเตอร์ทาวน์ 6-7 ก.ม. เวียดนามใช้วิธีร่วมทุน พาร์ตเนอร์ทำธุรกิจเกี่ยวกับเอเย่นต์นำเข้าและตัวแทนขายรถยนต์ และรถยนต์ผลิตเองส่วนหนึ่ง กลุ่มเป้าหมายจะเป็นตลาดกลาง-ล่าง
- ตัวจุดประกายทำตลาดต่างประเทศ
4-5 ปีที่แล้ว เรามองว่าตลาดเมืองไทยมันเล็ก ขยายไปเรื่อย ๆ ตลาดจะตัน ทำให้ 3-4 ปีที่แล้วเริ่มมีแนวคิดว่า เงินเดือน โบนัสพนักงานจะเริ่มฟิกซ์ เหมือนกับบริษัทโตเรื่อย ๆ แล้วหดตัว สมมติปีนี้ยอดรับรู้ 2.4 หมื่นล้านบาท ปีหน้าเท่าเดิมแปลว่าเริ่มลดแล้วนะ แคเรียร์พาทเริ่มตัน คนไม่มีที่ไป ตำแหน่งจะเลื่อนก็ไม่มี นี่คือมองถึงพนักงาน
ยังมีผู้ถือหุ้น เริ่มไม่มีอะไรเติบโต เคยได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น ซัพพลายเออร์ เขาจะเริ่มค้าขายกับเราได้น้อยลง หรือเท่าเดิม ซับคอนแทรกเตอร์ แรงงานทั้งหลาย
ฉะนั้นมองภาพรวม เวลาบริษัทไม่โตมันแย่ไปหมด เราก็มีความคิดว่า การที่เคยมีอัตราเติบโต 25-30% ติดต่อกันมาเป็นสิบปีแล้ว ทำยังไงจะเติบโตต่อได้ต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลดีกับภาพรวมของบริษัท จึงมีแนวคิดจะรักษาอัตราเติบโต เพราะดีกว่าไม่โต
นี่คือวิสัยทัศน์ 3-4 ปีที่แล้ว เราเห็นภาพแบบนี้ แต่เราจะรักษาการเติบโต 25-30% ได้ยังไง ในเมื่อดีมานด์ตลาดเมืองไทยปีละ 7-8 หมื่นหน่วย ซึ่ง 3-4 ปีที่แล้ว เรามีแชร์ประมาณ 10% ปีที่แล้วเราส่งมอบ 1.5 หมื่นหน่วย เกือบ 20% แปลว่าถึงจุดหนึ่งเราเริ่มตันในเมืองไทย ทำให้ 2-3 ปีที่แล้ว เราเริ่มสำรวจต่างประเทศ เวียดนาม อินเดีย มีลู่ทางไหม
- ตลาดอื่น ๆ ในต่างประเทศ
ตอนนี้ดูอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ เราไม่ได้มองสิงคโปร์เพราะตลาดเขาแพง ต้องเป็นออฟฟิศบิลดิ้ง โรงแรม ไม่แมตช์กับเรา
- คีย์ซักเซส
หลาย ๆ อย่าง เป็นเรื่องที่เราพัฒนาอยู่ตลอดเวลา แต่ความสำเร็จอยู่ที่ลูกค้าอยากมาซื้อบ้าน มุมมองลูกค้ามีเรื่องทำเล ราคา แบบ คุณภาพการก่อสร้าง บริการ พร็อพเพอร์ตี้แมเนจเมนต์ มาร์เก็ตติ้งและเซล 7-8 เรื่องนี้จะดีหรือไม่ดีอยู่ที่เราพัฒนาให้ดีในสายตาของลูกค้า ต้องทำให้ดีแต่ละแบรนด์
ลูกค้าซื้อไม่ใช่เพราะชื่อพฤกษาหรอก แต่เพราะ 7-8 เรื่องนี้ ลูกค้าต้องการดีเลิศ เราจะทำดีเลิศได้ยังไง
- เป็นแชมป์แล้ว จะยืนแชมป์ยังไง
ปีนี้ปีที่สอง รักษาจุดดีเลิศ 7-8 เรื่อง นี่แหละ ยืนแชมป์ง่ายมาก |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 23-09-2553
|
|
|
|
|