Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
อะเมซิ่ง "เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์" เมกะกรีนบิลดิ้ง 300,000 ตร.ม. |
|
คอลัมน์ เยี่ยมออฟฟิศ
ถือ เป็นหนึ่งในอาคารที่จะต้องบันทึกไว้ สำหรับ "เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์" (ENCO) อาคารสำนักงานในกลุ่มยักษ์ใหญ่พลังงานเมืองไทย "บมจ.ปตท." บนเนื้อที่ 29 ไร่ ริมถนนวิภาวดีรังสิต ว่ากันว่านี่คือหนึ่งใน "กรีนบิลดิ้ง" หรืออาคารอนุรักษ์พลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่ดีที่สุดในขณะนี้
เมื่อมองจากภายนอกอาคารรูปทรงวงรีห่อหุ้มด้วยกระจกสีเขียวตัดแสง อาจดู โดดเด่นที่สุด
แต่ ที่จริงแล้วภายในโครงการ ENCO ซึ่งใช้งบฯเนรมิตขึ้นมารวม 9,000 ล้านบาท ประกอบด้วยอาคารทั้งหมด 6 อาคาร (A-F) โดยอาคาร A B C เป็นพื้นที่สำนักงานและส่วนบริการ ส่วนอาคาร D E เป็นอาคารจอดรถ และอาคาร F เป็นตึกผลิตน้ำเย็น เบ็ดเสร็จมีพื้นที่ก่อสร้างมากถึง 300,000 ตารางเมตร
แน่ นอนว่า "จักรชัย บาลี" ผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ จำกัด ในฐานะคีย์แมนที่ดูแลรับผิดชอบโครงการคือคนที่รู้รายละเอียดดีที่สุด
ล่า สุด อาคาร ENCO เพิ่งได้รับโล่รับรองมาตรฐาน LEED (Leadership Energy and Environmental Design) มาตรฐานการออกแบบอาคารโดยคำนึงถึงการอนุรักษ์พลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวด ล้อม จาก US GREEN BUILDING COUNCIL หรือ "สถาบันกรีนบิลดิ้ง อเมริกา"
ประเด็น ที่ต้องตอกย้ำในท่วงทำนอง "โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง" ก็คือ ที่นี่เป็นอาคารแห่งเดียวของไทยในขณะนี้ที่ได้รับรองมาตรฐาน LEED ระดับสูงสุด คือระดับแพลทินัม จากทั้งหมด 4 ระดับคือ เซอร์ทิฟาย ซิลเวอร์ โกลด์ และแพลทินัม
เบื้องหลังการถ่ายทำกว่าที่ตึก ENCO จะสามารถฝ่าด่านคว้ามาตรฐานระดับแพลทินัมมาได้นั้น มีรายละเอียดอะไรบ้าง
สัญลักษณ์ตึกทรง "หยดน้ำมัน"
จุดเด่นของตัวตึกเริ่มตั้งแต่รูปทรงที่มองจากด้านบนสามารถมองเห็นเป็น "หยดน้ำมัน" 2 หยดหันหน้าเข้าหากัน เพื่ออ้างอิงเชิงสัญลักษณ์ธุรกิจพลังงานของ ปตท. เป็นที่มาของอาคารที่ดูคล้ายวงรี
การออกแบบผนังอาคารให้มีผิวโค้ง ยังมีข้อดีคือ ตามหลักอากาศพลศาสตร์ (แอโร่ไดนามิก) จะเป็นผนังอาคารที่ช่วยลดอุณหภูมิและความร้อนจากเปลือกอาคารได้ดี เนื่องจากตัวตึกแต่ละด้านไม่บังทิศทางลมกันเอง
ในฐานะตึกสูงขนาด 25 และ 36 ชั้น ENCO ถูกออกแบบให้สามารถต้านทานแผ่นดินไหวสูงสุดที่ระดับ 7.2 ริกเตอร์ โดยวัดจากจุดศูนย์กลางที่รอยเลื่อนจังหวัดกาญจนบุรี
ส่วนในแง่แลนด์สเคป โครงการนี้มีพื้นที่เปิดโล่งมากถึงเกือบ 50% ของเนื้อที่ทั้งหมด ซึ่งสูงกว่าข้อกำหนดผังเมืองถึง 287% ทำให้อาคาร ENCO ได้คะแนน ตามเกณฑ์การคำนวณมาตรฐาน LEED จากจุดนี้เพิ่มอีก 1 คะแนน
ผนังอาคาร 4 รูปแบบ
ถัดจากการออกแบบรูปทรงอาคาร โครงการนี้ให้ความสำคัญกับการเลือกใช้วัสดุที่ช่วยอนุรักษ์พลังงานและเป็น มิตรกับสิ่งแวดล้อม คำตอบสุดท้ายจึงมาลงตัวที่การใช้ "กระจกเขียวตัดแสง" แบบ 2 ชั้น
เพราะคำว่า "อนุรักษ์พลังงาน" และ "เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม" ในทางปฏิบัติค่อนข้างยากที่จะไปด้วยกัน เช่น ผนังคอนกรีต 2 ชั้น มีข้อดีที่ช่วยป้องกันความร้อนแต่ไม่สามารถให้แสงผ่านได้ ส่วนกระจกมีข้อดีคือ แสงผ่านได้แต่ป้องกันความร้อนได้ไม่ดี
อาคาร ENCO จึงมีผนังอาคารถึง4 รูปแบบคือ 1) ผนังชั้นบนสุด (อาคาร A B) เป็นแบบ 2 ชั้น (Double Facade) เว้นช่องอากาศระบายอากาศตรงกลาง 1 เมตร และมีการนำอากาศเหลือทิ้งภายในอาคารที่ยังมีความเย็นอยู่เข้ามาผสมเพื่อลด อุณหภูมิอากาศก่อนเข้าสู่ภายในอาคาร
2) ผนังอาคารทั่วไป เป็นกระจกลามิเนต 2 ชั้น (หนา 30 ม.ม.) เว้นช่องอากาศตรงกลางพร้อมฉนวนเพื่อช่วยลดความร้อนจากแสงแดด 3) ผนังอาคารชั้นล่างเป็นกระจก 2 ชั้น มีแผ่นกรองแสงกั้นกลาง และ 4) ผนังอาคารฝั่งตะวันตกมีการติดตั้งแผ่นอะลูมิเนียมคอมโพสิตเพื่อป้องกันความ ร้อนที่มาสัมผัสผิวอาคาร
สมาร์ตลิฟต์-โซลาร์เซลล์ลดพลังงาน
อีกหนึ่งจุดขายของอาคาร ENCO ต้องยกให้ระบบ "สมาร์ตลิฟต์" (ลิฟต์อัจฉริยะ) ช่วยให้ลิฟต์ทำงานน้อยที่สุด
วิธี การคือ เมื่อผู้โดยสารนำคีย์การ์ดเข้าออกแตะที่จุดผ่านเข้า-ออก ระบบคอมพิวเตอร์จะเก็บข้อมูลชั้นที่เดินทางไปจากบัตรของผู้โดยสารในช่วงนั้น ๆ และทำการจัดกลุ่มผู้โดยสารที่จะเดินทางไปชั้นเดียวกันหรือชั้นใกล้เคียงกัน เพื่อแจ้งให้โดยสารไปในลิฟต์ตัวเดียว เท่ากับลิฟต์ทุกตัวจะไม่จอดซ้ำชั้นกันเอง
ด้วยวิธีนี้ทำให้อาคาร A ที่มีความสูง 36 ชั้น สามารถใช้ลิฟต์ส่วนกลาง 8 ตัว (ไม่รวมลิฟต์ วี.ไอ.พี. 2 ตัว)
สำหรับ พื้นที่สาธารณะอย่างบริเวณห้องน้ำมีการติดตั้ง "เซ็นเซอร์" ตรวจความเคลื่อนไหว หลอดไฟจะหรี่และสว่างขึ้นเองอัตโนมัติ ภายในห้องน้ำยังใช้น้ำที่ผ่านกระบวนการรีไซเคิลแล้วนำกลับมาใช้ฟลัชชำระล้าง ได้ คิดเป็นสัดส่วน 55% ของปริมาณการใช้ทั้งหมด
รวมถึงมีระบบกัก เก็บน้ำฝนสำหรับรดน้ำต้นไม้ได้โดยไม่ต้องพึ่งน้ำประปา ซึ่งในแง่ของระบบน้ำ อาคาร ENCO ได้คะแนนเต็มจากมาตรฐาน LEED รวมถึงการนำระบบแอร์แบบ VAV (Variable Air Volume) ควบคุมความแรงลมพื้นที่แต่ละส่วนได้
ที่ถือ เป็นไฮไลต์ของตึกนี้คือ บริเวณดาดฟ้าอาคารจอดรถ D และ E ซึ่งเป็นสถานที่ติดตั้ง "แผงโซลาร์เซลล์" ขนาดใหญ่เป็นแนวยาว เบ็ดเสร็จใช้งบฯลงทุนส่วนนี้ไปกว่า 70 ล้านบาท คำนวณแล้ว สามารถผลิตกระแสไฟฟ้า 1.8% ของปริมาณไฟที่ใช้ต่อปี หรือช่วยเซฟค่าไฟฟ้าได้ปีละกว่า 1 ล้านบาท
และที่ใต้แผงโซลาร์เซลล์ ยังมีการติดตั้งพันธุ์ไม้ไว้เพื่อช่วยลดรังสีความร้อนที่ตกกระทบสู่ดาดฟ้า เรียกว่าชี้ไปตรงไหนก็เข้าข่ายเป็น "กรีน" จริง ๆ |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 20-09-2553
|
|
|
|
|