Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
เคอีแลนด์ปรับตัว พักธุรกิจอสังหาฯ ลุยต่อยอด"ซีดีซี" |
|
"เค อีแลนด์" เจ้าตลาดทำเลเลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา ประกาศพักโครงการอสังหาฯ ลุยปั๊มยอดขายพื้นที่เช่าจากศูนย์ซีดีซี-คริสตัลพาร์ค ลั่นอีก 2 ปีลุยใหม่ รอ กทม.ปรับสีผังเมืองให้เอื้อการพัฒนาบิ๊กโปรเจ็กต์ เนื้อที่ 200 ไร่
นายกวี พันธ์ เอี่ยมสกุลรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เค.อี.แลนด์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทหันมารุกธุรกิจคอมเมอร์เชียล เพื่อสร้างรายได้จากพอร์ตพื้นที่ให้เช่าเพิ่มมากขึ้น ระหว่างรอการปรับเปลี่ยนการใช้ประโยชน์การใช้ที่ดินของผังเมืองกรุงเทพมหา นครฉบับใหม่ที่จะปรับวันที่ 15 พฤษภาคม 2554
เนื่องจากปัจจุบัน ที่ดินของบริษัทย่านเอกมัย-รามอินทราเป็นพื้นที่สีเหลือง (ที่อยู่อาศัยหนาแน่นน้อย) พัฒนาได้แค่ 10,000 ตารางเมตรเท่านั้น ขณะที่บริษัทมีที่ดิน รอการพัฒนาประมาณ 200 ไร่ ซึ่งมีแผนจะพัฒนาเป็นโครงการขนาดใหญ่ ในรูปแบบผสมผสานหรือมิกซ์ยูสรูปแบบจะเป็นโครงการที่มีทั้งอาคารขนาดใหญ่ โรงภาพยนตร์ บูติคโฮเต็ล คอนโดมิเนียม
"เฉพาะมูลค่าที่ดินตก 12,000 ล้านบาท เพราะฉะนั้นไม่มีความจำเป็นต้องเร่งรีบพัฒนาโครงการในตอนนี้แต่อย่างใด ผมคาดว่าจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 1-2 ปี เพื่อรอความชัดเจนเรื่องการลงทุนพร็อพเพอร์ตี้ ส่วนจะเป็นการลงทุนด้วยตัวเองหรือร่วมกับพันธมิตรก็มีความเป็นไปได้ทั้งนั้น เพราะบริษัทเปิดออปชันรับข้อเสนอธุรกิจที่น่าสนใจ"
นายกวีพันธุ์ กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทหันมาเน้นขยายพื้นที่โครงการคริสตัลดีไซน์ เซ็นเตอร์ (ซีดีซี) เพิ่มขึ้น ล่าสุดมีสัดส่วน ผู้เช่าแล้ว 80% ตามแผนจะเปิดบริการได้ในเดือนพฤศจิกายนนี้ สัญญาเช่า 3 ปี ส่วนพื้นที่เช่าเฟสแรกมีทั้งพื้นที่ขายและเช่า รวมถึงโชว์รูมสินค้าต่าง ๆ เปิดบริการแล้ว 95% อีก 5% อยู่ระหว่างการตกแต่ง เมื่อเปิดให้บริการ 2 เฟสอย่างเต็มรูปแบบบริษัทจะมีรายได้ปีละ 200-300 ล้านบาท หรือเดือนละ 25-30 ล้านบาท
ขณะเดียวกันบริษัทได้ขยายพื้นที่โครงการคริสตัลพาร์ค ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเพิ่มขึ้นอีก 4,000 ตารางเมตร มีร้านค้า 50 ร้าน โดยเพิ่มร้านอาหาร แฟชั่น ค่าเช่า 1,500-2,000 บาท/ตารางเมตร ปรับขึ้นจากราคาเดิม 1,000 บาท/ตารางเมตร
"โมเดลธุรกิจคือ ปรับให้คริสตัลพาร์ค มีไลฟ์สไตล์มากขึ้น ส่วนซีดีซีเสริมด้านกิจกรรมการตลาดต่อเนื่อง พอร์ตรายได้บริษัทจะมาจาก 3 ธุรกิจ คือบ้านจัดสรร 40% พื้นที่เช่า 30% และเทรดดิ้ง (ของตกแต่งบ้าน) 30% ขณะที่ธุรกิจรับสร้าง บ้านหรูคาดว่าจะเริ่มได้ปลายปีนี้ โดยจะรับสร้างบ้านยูนิตละ 20 ล้านบาท ตั้งเป้าปีละ 10-20 หลัง สร้างรายได้ 300-500 ล้านบาท/ปี"
ทั้งนี้บริษัทได้เปิดตัวธุรกิจตัวแทนจำหน่าย แต่ผู้เดียวสุขภัณฑ์ไฮเอนด์จากประเทศเยอรมนี แบรนด์ "วิลเลรอย แอนด์ บอค" (Villeroy & Boch : VB) มาเปิดโชว์รูมขายที่ซีดีซีด้วย เป็นสินค้าแบบสั่งทำ (made to order) ราคาขายต่อชิ้นเริ่มต้น 30,000 บาทถึงหลายแสนบาท |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 26-07-2553
|
|
|
|
|