Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
CIติดใจอสังหาฯตากอากาศ ผุดแนวราบ-กองทุนศรีพันวา |
|
"ชาญอิสสระ" ชะลอการลงทุนกรุงเทพฯ โหมบุกเมืองท่องเที่ยวชายทะเล ผุดทาวน์โฮม 2-3 ชั้น แบรนด์ "อิสสระวิลเลจ" มูลค่า 160 ล้านที่ชะอำ เคาะยูนิตละ 4 ล้าน เตรียมยื่นไฟลิ่งตั้งกองทุนรวมอสังหาฯโรงแรมศรีพันวา เดือนสิงหาคมนี้ ระดมทุน 1,700 ล้าน ใช้หนี้และขยายการลงทุนเพิ่ม
นายสงกรานต์ อิสสระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ CI เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานของบริษัทในครึ่งปีหลังจะขยายการลงทุนไปตลาดต่างจังหวัดตามหัวเมืองท่องเที่ยว อย่างชะอำ หัวหิน ภูเก็ต มากขึ้น ส่วนตลาดในกรุงเทพฯจะรอดูทิศทางและสถานการณ์ที่เหมาะสม
ล่าสุดบริษัทอยู่ระหว่างพัฒนาโครงการทาวน์โฮม 2-3 ชั้น "อิสสระวิลเลจ" ที่ชะอำ บนเนื้อที่ 5 ไร่ ใกล้โครงการเพลินทะเล มูลค่าโครงการ 160 ล้านบาท 40 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 3.8 ล้านบาทถึงวันที่ 12 สิงหาคมนี้ หลังจากนั้นจะปรับราคาอีกครั้ง
ส่วนที่จังหวัดภูเก็ต จะเป็นโครงการศรีพันวา ซึ่งมีแผนจะขยายการลงทุนเพิ่มหลังจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์โรงแรมศรีพันวาเสร็จเรียบร้อย จะมีเงินทุน 1,700 ล้านบาท บางส่วนจะนำไปชำระหนี้ 500 ล้านบาท ที่เหลือจะนำมาลงทุนเพิ่มในส่วนอื่น ๆ เพื่อสร้างแบรนด์ "ศรีพันวา" ต่อไป โดยคาดว่าจะยื่นไฟลิ่งในเดือนสิงหาคมนี้ มี บล.เคทีซี มิโก้เป็นที่ปรึกษาการเงินตามแผนจะรับรู้รายได้ประมาณไตรมาสที่ 3-4
"เราเน้นขยายลงทุนไปต่างจังหวัดเพราะมีความเสี่ยงน้อยกว่าในกรุงเทพฯอย่างโครงการศรีพันวาที่เติบโตขึ้นมากทั้งส่วนขายและเช่า สัดส่วนรายได้อยู่ที่ 50 : 50 โดยพยายามสร้างจุดต่างหนีคู่แข่งเน้นการพัฒนาแบบมิกซ์ดีเวลอปเมนต์เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มเหมือนกับที่ศรีพันวาทำสำเร็จมาแล้ว"
นายสงกรานต์กล่าวว่า บริษัทจะเร่ง ยอดขายโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการบ้านชานทะเล มียอดขายแล้ว 80%, โครงการ ดิ อิสสระ ลาดพร้าว เปิดขายมา 4 ปี ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 60-70%, โครงการอิสสระแอท ฟอร์ตี้ทู สุขุมวิท 42 เหลืออีก 10 ยูนิต จะปิดการขายได้ในปีนี้ โดยรวมคาดว่าจะสามารถเร่งปิดการขายโครงการ ที่เหลือเสร็จภายในสิ้นปีนี้ หรือกลางปีหน้า
สำหรับรายได้รวมบริษัทปีนี้จะเติบโตขึ้นจากปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งมาจากมาตรการลดค่าโอนและค่าจดจำนองของภาครัฐบาลจากการเร่งปิดการขายโครงการเก่าโดยปีนี้ รายได้จะโตขึ้นอีก 10% จากปี 2552 ที่มี ยอดขายกว่า 1,000 ล้านบาท โดยรายได้มาจากโครงการในกรุงเทพฯ 50% และต่างจังหวัด 50% และกว่า 75% มาจากการขายโครงการที่เหลืออีก 25% มาจากการเช่า |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 08-07-2553
|
|
|
|
|