Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
สุทธิ พันธ์ วัชโรภาส "คอนวูด" ผู้นำนวัตกรรมวัสดุทดแทน |
|
สัมภาษณ์
คงเป็น เพราะการวางนโยบายเป็นผู้นำนวัตกรรม "ผลิตภัณฑ์วัสดุทดแทนไม้" จึงทำให้ "คอนวูด" กลายเป็นแบรนด์สินค้าที่ติดตลาดและมีความสม่ำเสมอในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ อย่างต่อเนื่อง อาทิ ไม้เชิงชายคอนวูดรุ่น 2 in 1 (ทูอินวัน), ไม้ตกแต่งผนังแบบ เซาะร่องวี ฯลฯ
จะเห็นได้จากในช่วง 3-4 เดือนแรกของปีนี้คอนวูดยังคงวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาดตามนโยบาย ที่วางไว้ ล่าสุดคือ การเปิดตัว "ไม้คอนวูดหน้ากว้าง 1 นิ้ว" ในงานสถาปนิก"53 ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับงานตกแต่งอาคารส่วนต่าง ๆ เพื่อทดแทนการใช้ไม้ธรรมชาติ
ล่าสุด "สุทธิพันธ์ วัชโรภาส" ซีอีโอ บริษัท คอนวูด จำกัด ในเครือ บมจ.ปูนซีเมนต์นครหลวง ให้สัมภาษณ์ "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ไปจนถึงแผนการดำเนินงานในปี 2553 แบบลงลึกรายละเอียด
- ที่มาของไม้หน้ากว้าง 1 นิ้ว
ผลิตภัณฑ์ ใหม่ของคอนวูดทุกตัวจะมาจากการพูดคุยกับคู่ค้า (ร้านผู้แทนจำหน่าย) หรือสถาปนิก แล้วแปลงความต้องการของเขามาเป็นผลิตภัณฑ์ อย่างที่ผ่านมาเราพบว่าสถาปนิกนิยมใช้ไม้ธรรมชาติที่มีขนาดหน้ากว้าง 1 นิ้ว ตกแต่งอาคาร ก็เลยเป็นที่มาการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การใช้งานทำได้หลากหลาย ทั้งตกแต่งผนัง เคาน์เตอร์ ที่อยู่อาศัย ฯลฯ
และในตลาดตอนนี้ก็ ยังไม่มีใครทำ ผมถือว่าไม้คอนวูดหน้ากว้าง 1 นิ้ว เราเป็นต้นแบบอินโนเวชั่นและจดลิขสิทธิ์สินค้าไว้เรียบร้อยแล้ว
สำหรับ ผลตอบรับ จากการจัดงานสัมมนาแนะนำสินค้าปรากฏว่ามีคนสนใจเยอะ เอเย่นต์เราก็บอกว่า ชอบ ประเมินแล้วน่าจะไปได้ดี ราคาขายปลีกช่วงเปิดตัวแผ่นละ 250 บาท สำนักงานบริษัทแม่ (ปูนซีเมนต์นครหลวง) บริเวณระเบียงชั้น 7 เราก็นำสินค้าไปตกแต่งเป็นตัวอย่าง
- ต้องจดลิขสิทธิ์เพราะสินค้าคล้ายกันหมด
ก็คล้ายกัน...อยู่ที่ลูกค้า จะภักดีกับแบรนด์ไหน แต่ตลาดนี้ไม่มีฮั้ว (เน้น) เพราะ คอนวูดไม่มีสินค้าครบไลน์ทุกผลิตภัณฑ์ เช่น กระเบื้องลอนคู่ แผ่นเรียบ ฯลฯ เหมือนแบรนด์อื่น ๆ อย่างไรก็ตามเป็นนโยบายว่าแต่ละปีจะต้องมีผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างน้อย 3 รายการ ไม้คอนวูดหน้า 1 นิ้ว ถือเป็นตัวแรก ช่วงปลายปีก็จะมีอีก 1 หรือ 2 รายการ
ถาม ว่า เมื่อสินค้าวัสดุก็คล้าย ๆ กันแล้วจะแข่งขันกันอย่างไร ผมมองว่าเรื่องการบริการก็มีส่วนสำคัญ อย่างการติดต่อกับดีเวลอปเปอร์บริษัทเชื่อว่าเราได้รับคำชมเยอะ เพราะเราค่อนข้างยืดหยุ่นในการทำงาน เช่น แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ สถาปนิกเราก็ไปนั่งคุยกับเขา ก็แฮปปี้ แล้วพัฒนาเป็นสินค้าคัสตอมไมซ์หรือสินค้าผลิตให้เฉพาะราย สินค้ากลุ่มนี้ถือเป็นนิชมาร์เก็ต ไม่ได้วางขายทั่วไปในตลาด ส่วนใหญ่เป็น กลุ่มไม้ตกแต่ง
- แผนพัฒนาด้านบริการ
ที่ผ่านมาบริษัทนำร่อง เปิดบริการทีม "ไอ-เซอร์วิส" คือนอกจากลูกค้าซื้อสินค้าแล้ว เรายังมีทีมบริการให้คำปรึกษา ติดตั้ง ทาสี รับประกันเนื้องาน 1 ปี เป็นมูลค่าเพิ่มที่ลูกค้าจะได้มากกว่าการว่าจ้างช่างทั่วไป ผลตอบรับช่วงที่ผ่านมาดี เรารับงานไม่ทัน ปีนี้จึงพัฒนารูปแบบเป็นการเปิดแฟรนไชส์ ปัจจุบันมี 1 แห่ง ที่จังหวัดเชียงใหม่ และ ปีนี้ตั้งเป้าเปิด 5 แฟรนไชส์เพราะต้องการให้ครบทุกภาค
- เงื่อนไขแฟรนไชส์
อย่าง แรกคือ ดูว่าทำอะไรอยู่ เกี่ยวข้องกับคอนวูดหรือต่อยอดกันได้ไหม เช่น ทำอาชีพรับเหมา รับสร้างบ้านมาก่อน หรือ มีพื้นฐานงานก่อสร้างตกแต่งมาบ้าง ส่วนอัตราค่าแฟรนไชซีเราคิดครั้งเดียว 1 แสนบาท สิ่งที่จะได้รับคือ 1) ป้ายโฆษณา ต่าง ๆ 2) ช่วยเรื่องการโฆษณา 3) การเทรนนิ่ง เพื่อให้บริการได้ระดับเดียวกับบริษัทแม่ ส่วนการบริการลูกค้าบริษัทเป็นคนเก็บเงินและจ่ายคืนให้กับแฟรนไชส์
- แผนขยายตลาดต่างประเทศ
นอกจากตลาดเวียดนาม ฟิลิปปินส์ เราต้องการขยายเข้าตลาดสิงคโปร์ มาเลเซีย ไต้หวัน สำหรับมาเลเซียเริ่มไปบ้างแล้ว การตอบรับดีเพราะสไตล์บ้านคล้ายเมืองไทย ที่นั่นมีผู้ผลิตท้องถิ่นอยู่แล้ว แต่เขาผลิตเฉพาะสินค้าที่เป็น "แผ่นบอร์ด"
สำหรับประเทศเวียดนามลูกค้ามีทั้งงานโปรเจ็กต์และค้า ปลีก เซ็กเมนต์ค้าปลีกเรามีเอ็กซ์คลูซีฟ ดิสทริบิวเตอร์ที่เมืองฮานอย 1 ราย เมืองโฮจิมินห์ 2 ราย และมี ซับดีลเลอร์ที่เมืองโฮจิมินห์อีก 20 ราย เพราะฉะนั้นช่องทางค้าปลีกถือว่าอยู่ตัว แล้ว ตอนนี้กำลังมาเน้นเจาะตลาดงานโครงการ
มองโอกาสทางธุรกิจในการขยาย ตลาดต่างประเทศ เวียดนามต้องยอมรับว่า บูมจริง ๆ จากที่ได้ไปมาล่าสุดก็เห็นว่าประเทศเขาเปลี่ยนแปลงทุกเดือน อย่างถนนสายหลักก็ทยอยเอาเสาไฟฟ้าลงดิน แต่ปัญหาก็มีบ้างเพราะเขาลดค่าเงิน 2 รอบแล้ว ส่วนแผนระยะยาวเราคงโฟกัสเฉพาะประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก่อน เพราะโอกาสยังมีอีกเยอะ
- เป้าหมายยอดขายปีนี้
ที่ผ่านมาเรา ทำได้ 800 ล้านบาท เท่ากับปี"51 เป้าปีนี้ก็น่าจะได้เกือบ 900 ล้านบาท แต่ภายใต้สมมติฐานว่าปัญหาการเมืองต้องจบ ส่วนเรื่องขยายกำลังผลิตกำลังเสนอบอร์ดบริหารอยู่ อยากจะขยายเพิ่มอีก 1 ไลน์ ซึ่งจะทำให้มีกำลังผลิตเพิ่มขึ้นอีก 4.5 หมื่นตันต่อปี หรือเพิ่มเป็น 1.35 แสนตันต่อปี สถานะปัจจุบันโรงงานของเราเดินกำลังผลิตอยู่กว่า 90% ของคาพาซิตี้รวม |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 03-05-2553
|
|
|
|
|