Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
รัตน ชัย ผาตินาวิน กางโรดแมปปั้น "อีสเทอร์นสตาร์" ขยายพอร์ตอสังหาฯ 5 ปี 2 หมื่น |
|
สัมภาษณ์
ขณะที่ดี เวลอปเปอร์บิ๊กแบรนด์หลายค่ายเร่งสปีดสร้างยอดขาย แต่ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ดูเหมือนบริษัทพัฒนาที่ดินรายกลางอย่าง "อีสเทอร์นสตาร์ เรียลเอสเตท" ไม่ได้ ใส่เกียร์เดินหน้าธุรกิจในเชิงรุกมากนัก ส่วนหนึ่งมาจากอยู่ระหว่างการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารจัดการ หลังดึงมืออาชีพ "รัตนชัย ผาตินาวิน" เข้ามานั่ง ในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ
ถึงตอนนี้ทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง และพร้อมจะบุกตลาดตามโรดแมปที่วางไว้ คือการก้าวสู่บริษัทพัฒนาที่ดินที่มีโครงการทั้งแนวราบและแนวสูง มูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท และมียอดรับรู้รายได้ไม่ต่ำกว่า 4,000-5,000 ล้านบาทต่อปี ภายใน 5 ปีข้างหน้า ถือเป็นงานที่ความท้าทายความสามารถไม่น้อย
"รัตน ชัย" ให้สัมภาษณ์พิเศษ "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงสเต็ปการก้าวไปสู่เป้าหมาย ทั้งในเรื่องของการบริหารจัดการภายในองค์กร การลงทุน ตลอดจนแผนงานด้านการตลาดและการขาย ซึ่งทั้งหมดถือเป็นงานที่ ท้าทายความสามารถอย่างยิ่ง
เขาบอกว่างานใหญ่ชิ้นแรกที่ถือเป็นงาน เร่งด่วนและเริ่มเดินหน้ามาระยะหนึ่งแล้ว คือการปรับภาพลักษณ์องค์กรผ่านตัวสินค้า ซึ่งถือเป็น investment ที่สำคัญ เพราะมองว่าหากภาพลักษณ์องค์กร รวมทั้งภาพลักษณ์ของตัวสินค้าดี จะเป็นสิ่งที่มีค่า มากที่สุด เพราะสร้าง value ให้กับองค์กรได้อย่างยั่งยืน
ในส่วนของตัวสินค้า "อีสเทอร์นสตาร์" หลัก ๆ ที่ปรับเปลี่ยน คือได้ขยายไลน์โปรดักต์ให้มีขนาดเล็กลง แต่ยังคงความหรูหรา เป้าหมายเพื่อให้สามารถจับต้องได้ง่ายขึ้น เป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น สอดรับกับกำลังซื้อของคนรุ่นใหม่ ที่เป็นฐานลูกค้าที่มากที่สุดในตลาดอสังหาฯ เวลานี้ จากเดิมที่ภาพลักษณ์องค์กรของอีสเทอร์นสตาร์ดูเป็นผู้ใหญ่ที่เคร่งขรึม โครงการทั้งบ้าน และคอนโดฯจะมีราคาค่อนข้างแพง
เช่น โครงการบ้านเดี่ยว ระดับราคาขายเริ่มต้นที่ 15-35 ล้านบาท ส่วนคอนโดฯ เคาะขายที่ระดับ 10-25 ล้านบาท ขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 200 ตร.ม.ขึ้นไป เป็นต้น แต่จากนี้ไปจะปรับให้เหลือขนาดพื้นที่ใช้สอยเพียง 71-72 ตร.ม. ในห้องชุดที่ขนาดใหญ่สุด ขณะที่ราคาขายก็จะเหลือเพียง 6-7 บาทเท่านั้น ส่วนบ้านเดี่ยว ราคาขายจะอยู่ที่ระดับ 3-8 ล้านบาท
"รัตนชัย" บอกว่า นอกจากสร้าง แบรนด์แล้ว สิ่งที่จะต้องทำควบคู่กับไป คือการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจในทุก ๆ ด้านด้วยความตั้งใจ ไม่ว่าจะเป็นธนาคร ผู้สนับสนุนด้านการเงิน ซัพพลายเออร์ ฯลฯ ซึ่งเป็นหัวใจหลักในการขยายธุรกิจ เพราะเขาเชื่อว่า ถ้าอะไรที่ทำด้วยใจ จะเป็นธรรมชาติ และดีกว่าต่างคนต่างทำ
"เป้า หมายตอนนี้จะเน้นสร้างแบรนด์ขององค์กรเป็นหลัก ส่วนแบรนด์ของโปรดักต์จะเป็นอีกชอตหนึ่ง เพราะตอนนี้โครงการเราไม่เยอะมาก เราต้องเน้นไปที่ชื่อบริษัท แต่ในอนาคต ถ้าเรามีโครงการเยอะมาก เรียกว่า 20-25 โครงการ เราก็แบ่งเป็นโปรดักต์ไลน์ได้ ตอนนี้ จะเน้นโปรโมตแบรนด์ก่อน"
ขณะเดียวกัน พยายามล้างการขาดทุนสะสมที่มีอยู่กว่า 330 ล้านบาท ให้ได้ภายใน 2-3 ปี ซึ่งเป็นความท้าทายอีก อย่างหนึ่งที่ต้องทำให้สำเร็จ จากปัจจุบันตัวเลขขาดทุนสะสมลดเหลือเพียงแค่ 170 ล้านบาท ขณะที่มีกระแสเงินสดในมือสูงถึง 700 ล้านบาท
"รัตนชัย" บอกว่า ในสเต็ปต่อไป หลังจากนี้ คือการเร่งสร้างรายได้อย่างจริงจัง ด้วยการเปิดตัวโครงการใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น เป้าหมายคือภายใน 3 ปีข้างหน้า บริษัทต้องมียอดขายรอรับรู้รายได้ อยู่ไม่น้อยกว่า 2 หมื่นล้านบาท เพื่อจะได้ทยอยรับรู้รายได้ปีละ 4,000-5,000 ล้านบาท ซึ่งต้องมีโครงการในมือไม่ต่ำกว่า 20-25 โครงการ
นี่คือแผน งานที่ได้หารือกับคณะกรรมการบริษัทเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ควบคู่ไปกับการปูพื้นฐานทีมงานให้แข้มแข็ง มีความแข็งแกร่ง พร้อมสู้ในตลาด จากนั้น เมื่อโครงการมีมากขึ้น ก็อาจจะต้องขยายทีมงานขึ้นมารองรับกับการขยายตัวของธุรกิจ และทีมงานที่เข้ามาร่วมงาน ก็ต้องพร้อมจะทำงานทันทีแบบมืออาชีพ
แผน การดำเนินงานของบริษัทในปี 2553 บอร์ดไฟเขียวให้ลอนช์โครงการใหม่ 4 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งไตรมาสแรกปีนี้ เปิดตัวโครงการใหม่ไปแล้ว 2 โครงการ ได้แก่โครงการเดอะบรีซ (The Breeze) ย่านถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ตรงข้ามโรงเบียร์เยอรมัน บนพื้นที่ 2 ไร่ เป็นอาคารสูง 37 ชั้น ขนาดเนื้อที่ใช้สอย 45-85 ตร.ม. ราคาขายเริ่มต้นที่ 9 หมื่นบาท/ตร.ม. 294 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 1,400 ล้านบาท และโครงการเวนเทจ (Vantage) รัชวิภา บนพื้นที่ 3 ไร่ เป็นอาคารสูง 32 ชั้น 322 ยูนิต ขนาดเริ่มต้น 30-65 ตร.ม. ราคาขายเริ่มต้นที่ 7 หมื่นบาท/ ตร.ม. มูลค่าโครงการ 1,100 ล้านบาท
ส่วนครึ่งปีหลัง เตรียมเปิดตัวอีก 2 โครงการ เป็นคอนโดฯ 1 โครงการ และโครงการแนวราบหนึ่งแห่ง บนที่ดิน 35 ไร่ ย่านอ่อนนุช อาจพัฒนาเป็นบ้านเดี่ยว หรือทาวน์เฮาส์ มีไลฟ์สไตล์มอลล์อยู่ด้านหน้า นอกจากนี้ ได้เตรียมเม็ดเงินประมาณ 1,000 ล้านบาท สำหรับซื้อที่ดินรองรับการพัฒนา โดยจะเน้นทำเลที่เป็นไพรมแอเรีย และเซกันด์ไพรมแอเรีย
ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ปีนี้ "รัตนชัย" มองว่า เศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวจากวิกฤตมายืนอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งตามการฟื้นตัว ของเศรษฐกิจโลก และการขับเคลื่อนของธุรกิจในประเทศส่วนใหญ่จะมาจากภาคเอกชนเป็นหลัก ที่น่ากังวล คือปัจจัยลบทางการเมือง ซึ่งอาจเป็นตัวถ่วงการขยายตัวของธุรกิจในอนาคต ถ้าหากยังไม่มีทางออกที่ชัดเจน |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 15-04-2553
|
|
|
|
|