Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
กลุ่ม เจริญ-เอไอเอ ชิงดำ อสังหาฯถอดใจทีโออาร์ฮับตลาดทุนเข้ม |
|
ไม่เหนือความคาดหมาย หลังตลาดทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ปิดรับซองประกวดราคาโครงการศูนย์ธุรกิจตลาดทุน (The Capital Market Center : CMC) แบบเงียบ ๆ เมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีเอกชนแค่ 1-2 รายที่สนใจยื่นข้อเสนอการพัฒนา จากที่ซื้อเอกสารไปทั้งหมด 15 ราย
สาเหตุ มาจากโครงการนี้นอกจากจะเป็นบิ๊กโปรเจ็กต์ต้องใช้เงินลงทุนก้อนโตแล้ว เงื่อนไขในการลงทุนยังไม่เปิดกว้าง ทำให้เอกชนมองว่าค่อนข้างจะสุ่มเสี่ยง
เพราะ เงื่อนไขทีโออาร์กำหนดให้ผู้สนใจพัฒนาที่ดินบนถนนรัชดาภิเษก พื้นที่ 9.66 ไร่ หรือ 3,864 ตร.ว. ซึ่งอยู่ในส่วนพื้นที่โซนที่ 2 เป็นอาคารสำนักงานเชิงพาณิชย์ ภายในประกอบด้วยอาคารสำนักงานให้เช่าเกรดเอสูง 38 ชั้น พร้อมพื้นที่ค้าปลีก และอาคารจอดรถ 1,000 คัน โดยให้เอกชนเสนอรูปแบบการลงทุนพัฒนาแบบขาย และให้เช่าระยะยาว 30 ปี แยกเป็นค่าที่ดินกว่า 1,400 ล้านบาท ค่าก่อสร้างอีกกว่า 4,000 ล้านบาท เบ็ดเสร็จมูลค่ารวม 5,000-6,000 ล้านบาท
ขณะ ที่ในมุมมองของเอกชนโดยเฉพาะผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ต้องการนำที่ดินมา พัฒนาโครงการอาคารชุดมากกว่า เพราะด้วยศักยภาพของที่ดินที่อยู่ในทำเลรถไฟฟ้าน่าจะสร้างมูลค่าเพิ่มได้ มากกว่า
เอไอเอ-กลุ่มเจริญชิงดำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการนี้แม้เปิดให้ยื่นซองตั้งแต่ปลายสัปดาห์ก่อน แต่ถึงขณะนี้ ตลท.ยังไม่เปิดเผยรายชื่อผู้ที่มา ยื่นเอกสาร อย่างไรก็ตามเบื้องต้นน่าจะมี ผู้ยื่นซองเอกสารประกวดราคาไม่เกิน 2 ราย ล้วนแต่เป็นรายใหญ่ โดยรายแรกคือ บจ.อเมริกัน อินเตอร์แนชชั่นแนล แอสชัวรันส์ (เอไอเอ) ขณะที่อีกรายน่าจะเป็น บจ.ทีซีซีแลนด์ของกลุ่มนายเจริญ สิริวัฒนภักดี ซึ่งทั้ง 2 รายล้วนมีฐานการเงินดี เพราะโครงการนี้ต้องใช้เม็ดเงินลงทุนจำนวนมาก
ส่วน รายอื่น ๆ ที่ซื้อเอกสารประกวดราคาแต่ไม่เข้ายื่นซอง อาทิ บมจ.อารียา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด, บจ.สินธรณี พร็อพ เพอร์ตี้ ในเครือกลุ่มไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์, บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท, บมจ.เอ็ม บี เค ผู้บริหารห้างสรรพสินค้ามาบุญครอง, บจ.นารายณ์พร็อพเพอร์ตี้, บจ.สยามพิวรรธน์, บมจ.โกลเด้นแลนด์ พร็อพ เพอร์ตี้ ดีเวลอปเมนต์, บจ.ฮ่องกงแลนด์, บจ.ซี.พี.แลนด์ เป็นต้น
ชี้เอกชนสนใจซื้อมากกว่า เช่า
แหล่งข่าวจากบริษัทพัฒนาที่ดินรายหนึ่งที่ถอนตัวไม่ยื่นซอง โครงการนี้เปิดเผยว่า เท่าที่ทราบขณะนี้ ตลท.กำลังพิจารณา ซองเอกสาร 3 ซอง ที่เอกชนยื่นเสนอ คือ 1.ซองข้อเสนอด้านคุณสมบัติของผู้เสนอราคา จะเป็นในนามนิติบุคคล กิจการ ร่วมค้า บริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชน แต่ต้องมีทุนจดทะเบียนไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท
2.ซองข้อเสนอแนวทาง ในการพัฒนาโครงการซึ่งจะต้องสอดคล้องกับผังแม่บทของโครงการ ทั้งผังบริเวณ แบบแปลน รูปด้าน รูปตัด ทัศนียภาพ ประมาณการมูลค่าลงทุน บทวิเคราะห์ทางการเงิน และผลตอบแทน แผนการดำเนินโครงการ และ 3.ซองข้อเสนอด้านราคา จากนั้นจะประกาศผลผู้ชนะการประมูลวันที่ 24 พฤษภาคมนี้
"เบื้องต้นคาดว่าทั้ง 2 รายน่าจะเสนอรูปแบบการซื้อที่ดินมากกว่าเช่า เพราะมีแค่ 2 รายเท่านั้นที่แข่งขันกัน ส่วนราคาที่เสนอสำหรับราคาที่ดินน่าจะอยู่ในขั้นที่ไม่ต่ำกว่า 400,000 บาท/ตร.ว. ซึ่งต้องใช้เงินลงทุนซื้อที่ดินขั้นต่ำที่กว่า 1,400 ล้านบาท เพราะถ้าเสนอราคาต่ำกว่านี้จะถูกปรับตก"
ติดเงื่อนไขพัฒนา-อสัง หาฯถอย
แหล่งข่าวกล่าวว่า สาเหตุที่เอกชนยื่น ข้อเสนอน้อยรายเป็นเพราะเงื่อนไขทีโออาร์ให้พัฒนาแค่อาคารสำนักงานประหยัด พลังงานเกรดเอ และพื้นที่เชิงพาณิชย์บางส่วนเท่านั้น ภายใต้คอนเซ็ปต์อาคารสีเขียว หรือ Green Building ขณะที่ผู้ประกอบการที่มาซื้อเอกสารล้วนถนัดพัฒนาที่อยู่อาศัยเป็นหลัก จึงได้รับความสนใจน้อย
"ผู้ประกอบการอสังหาฯที่ซื้อเอกสารส่วนใหญ่ เป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ แต่อยากจะได้ที่ดินมาทำคอนโดฯ เพราะทำเลดีมาก ใกล้รถไฟฟ้าใต้ดิน แหล่งงาน ศูนย์การค้า บังเอิญเงื่อนไขของตลาดหลักทรัพย์ฯให้ทำเฉพาะสำนักงาน เลยไม่ค่อยมีใครยื่นซอง"
"ประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต" กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตทฯ กล่าวว่า สนใจโครงการนี้จริง แต่หลังศึกษารายละเอียดทีโออาร์แล้ว ตัดสินใจไม่ยื่นซองเพราะมองว่าไม่อยู่ในสโคปธุรกิจของบริษัทที่มีนโยบาย ชัดเจนว่าจะเน้นพัฒนาเฉพาะที่อยู่อาศัยเป็นหลัก
เช่นเดียวกับแหล่ง ข่าวจาก บจ.สินธรณี พร็อพเพอร์ตี้ ที่เปิดเผยในทำนองเดียวกันว่า วิเคราะห์ความเป็นไปได้ในแง่การลงทุนแล้วมองว่าทีโออาร์ที่ ตลท.กำหนดแล้วเป็นโจทย์ที่ทำยากมาก เพราะต้องเป็นอาคารสำนักงานเกรดเอ ประหยัดพลังงาน และไม่ใช่ธุรกิจในไลน์ของบริษัท จึงตัดสินใจ ไม่ยื่นซอง
|
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 01-04-2553
|
|
|
|
|