| freesplans.com | ศูนย์รวมแบบบ้าน และ ตกแต่ง หลากหลายสไตล์
ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป
: : g o  t o  m a i n p a g e : :
สถาปัตยกรรม | ตกแต่งภายใน | ดีไซน์-แกลอรี่ | แบบบ้านสวย | แนะนำ-ติชม | ถาม-ตอบ เรื่องบ้าน | ติดต่อเรา 
ขณะนี้มีผู้ชมอยู่ 84 ท่าน 
FreeSplanS MENU
Profession Search
+ งานสถาปัตยกรรม
+ งานวิศวกรรม
+ งานรับเหมาก่อสร้าง
+ งานรับเหมาเฉพาะด้าน
+ งานออกแบบ
+ งานอสังหาริมทรัพย์
+ งานบริการอาคาร
C a l c u l a t o r . . .
+ คำนวณปริมาณคอนกรีต
+ คำนวณปริมาณการใช้สี
+ คำนวณปริมาณกระเบี้องปูพื้นและผนัง
+ คำนวณปริมาณวอลเปเปอร์
+ คำนวณปริมาณ BTU แอร์
D o w n l o a d s . . .
+ Agreement & Forms
+ Program Utilities
+ Windows Font

 

Link to us!!!
Link to US!!!






ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง
 
กด Like เป็นกำลังใจให้เว็บด้วยนะค่ะ
| ข่าวทั้งหมด |

 fp 12-11-2552    อ่าน 11327
 6 ปีสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ดันตลาดรวมโต 1.1 หมื่นล้าน

11,000 ล้านบาท คือตัวเลขมูลค่าตลาดรวมธุรกิจรับสร้างบ้าน ในปี 2552 ที่ประมาณการโดยสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน จากงานแถลงข่าวล่าสุดที่เกิดขึ้นเมื่อปลายสัปดาห์ก่อน

ถือเป็นตัว เลขที่เป็นบวกมากขึ้น และเกินจากความคาดหมายเล็กน้อย จากต้นปีที่ผ่านมา สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านประมาณการมูลค่าตลาดรวมไว้ที่ 10,500 ล้านบาท

อาจกล่าว ได้ว่าการรวมตัวกันของผู้ประกอบการธุรกิจรับสร้างบ้าน โดยจัดตั้งขึ้นเป็นชมรมก่อนจะยกระดับเป็นสมาคมเมื่อ 6 ปีก่อน คือตัวแปรสำคัญที่ช่วย ผลักดันให้ธุรกิจนี้เติบโตอย่างต่อเนื่อง และได้รับการยอมรับจากลูกค้ามากขึ้นเรื่อย ๆ

ย้อนหลังกลับไปก่อนหน้านั้นช่วงสิ้น ปี 2547 ขณะนั้นธุรกิจรับสร้างบ้าน มีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 6,000 ล้านบาทเท่านั้น

สำหรับ ปี 2553 สมาคมวางเป้าหมายผลักดันภาพรวมธุรกิจให้มีอัตราเติบโตขึ้นในระดับ 9-10% หรือคิดเป็นมูลค่าตลาดรวม 12,000 ล้านบาท เพราะมองว่าภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจที่เริ่มมีทิศทางดีขึ้น ผู้บริโภคมีความมั่นใจมากขึ้น ย่อมมีโอกาสจะไปถึงเป้าหมายที่วางไว้ได้แน่

ประการ แรกคือพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป หันมาเลือกใช้บริษัท มืออาชีพสร้างบ้าน แทนการว่าจ้างผู้รับเหมารายย่อย ถัดมาคือการเข้าถึงสินเชื่อจากสถาบันการเงินที่ทำได้ง่ายขึ้น ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับสินเชื่อที่อยู่อาศัย ยังอยู่ในระดับที่ต่ำ ไม่นับรวมปัจจัยสนับสนุนอื่น ๆ อาทิ โครงการบ้านจัดสรรบางรายที่ใช้วิธีขายที่ดินเปล่าแทนการขายที่ดินพร้อมบ้าน จัดสรร การสร้างบ้านใหม่ทดแทนหลังเก่าบนที่ดินเดิม ฯลฯ



"จาก แบบสอบถามผู้เข้าชมงานรับสร้างบ้าน 2009 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีผู้เข้าชมงานเกือบ 50% ที่ระบุว่ามีความต้องการปลูกสร้างบ้านในปีหน้า ทำให้เรามั่นใจว่าจะสามารถ ผลักดันมูลค่าตลาดรวมให้เติบโตได้ ตามเป้า" พันธุ์เทพ ทานชิติกุล นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ย้ำอย่างมั่นใจ

อย่างไรก็ตามหากแบ่ง แยกความต้องการปลูกสร้างบ้านตามระดับราคา สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านสรุปว่า กลุ่มบ้านระดับราคา 5 ล้านบาทขึ้นไป คือเซ็กเมนต์ที่น่าจะมาแรง ! ในปี 2553

ข้อมูล ที่มาสนับสนุนสมมติฐานคือสถิติ ที่มีการสุ่มสำรวจความต้องการสร้างบ้าน ในช่วงที่มีการจัดงานรับสร้างบ้าน ในปี 2550 และ 2551 พบว่ากลุ่มบ้านระดับราคา 5 ล้านบาทขึ้นไป เป็นกลุ่มผู้มีที่ดินและต้องการสร้างบ้านบนที่ดิน ของตนเองสนใจมากที่สุด โดยในปี 2550 และ 2551 ที่ผ่านมา ความต้องการก่อสร้างบ้านระดับราคาดังกล่าวมีจำนวนเท่ากัน คือเกือบ 70 ยูนิต แต่ในปี 2552 ปรากฏว่าความต้องการกลับเพิ่มขึ้นเท่าตัว เป็น 138 ยูนิต

สอดรับกับสถิติ "ราคาเฉลี่ย" ต่อยูนิต ที่มีการจองในงานรับสร้างบ้านปี 2552 ซึ่งปรับเพิ่มสูงขึ้นจาก 4.2 ล้านบาท เป็น 4.7 ล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผล มาจากต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น

ส่วน ความต้องการปลูกสร้างบ้านระดับราคา 1-2 ล้านบาท ในงานรับสร้างบ้านปี 2550 และ 2551 มีความต้องการ 96 ยูนิต และ 121 ยูนิต ตามลำดับ แต่ในงานรับสร้างบ้านปี 2552 ความต้องการลดลงเหลือ 108 ยูนิต

วิเคราะห์ กันว่า สาเหตุที่กลุ่มบ้าน ระดับราคา 5 ล้านบาทขึ้นไปได้รับการ ตอบรับ ในระดับที่ดี เป็นเพราะมี ผู้ประกอบการหลายรายหันมาพัฒนา แบบบ้านจับกลุ่มลูกค้าระดับบนออกสู่ตลาด ทำให้ลูกค้ามีแบบบ้านรุ่นใหม่ ๆ เป็น ทางเลือกเพิ่มขึ้น

"ผมคิดว่าเป็นหลักการของซัพพลายกระตุ้นดี มานด์ เมื่อมีแบบบ้านรุ่นใหม่ออกมามาก ก็ทำให้กลุ่มบ้านราคา 5 ล้านบาทขึ้นไปขยายตัว และคิดว่าในปีหน้าจะได้เห็นผู้ประกอบการหันมาพัฒนาบ้านราคา 5 ล้านบาทขึ้นไปออกสู่ตลาดมากขึ้นอีก ส่วนกลุ่มบ้านระดับราคา 1-2 ล้านบาท เชื่อว่ายังคงได้รับความนิยมต่อเนื่อง แต่ปัญหาของผู้ประกอบการคือการควบคุมต้นทุนให้ขายบ้านได้ในราคาเท่าเดิม"สุ รัตน์ชัย กึงฮะกิจ อุปนายกสมาคมธุรกิจ รับสร้างบ้าน สรุป

กับแนวโน้ม ราคาบ้านในปี 2553 สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านไม่กล้าฟันธงว่า มีโอกาสจะปรับสูงขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์ เพียงแต่บอกเป็นนัย ๆ ว่า ที่ผ่านมาราคาบ้านมีแต่จะแพงขึ้น ไม่เคยถูกลง

อย่างไรก็ตามตัวแปร สำคัญคือราคา วัสดุก่อสร้างที่เป็นต้นทุนหลัก ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่า หากราคาซื้อขายน้ำมันในตลาดโลกขยับขึ้นไปแตะ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จากปัจจุบันอยู่ในระดับกว่า 70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ต้นทุนวัสดุก่อสร้างก็คงขยับสูงขึ้น

เมื่อนั้นค่าก่อสร้างบ้านก็คงมีการ ปรับราคา เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนที่เปลี่ยนแปลงไป
  
ที่มา
[ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 12-11-2552 

ค้นหาข่าวด้วยรหัส

รหัส








webmaster คลิกที่นี่

Copyright 2002 freesplans Design solution, Inc.