Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
''ก่อสร้าง-อสังหาฯ'' บุก ตปท. ก้าวที่ท้าทาย 5 สมาคมวิชาชีพ |
|
เป็น ครั้งแรกที่ 5 วิชาชีพ ประกอบด้วย สมาคมวิศวกรที่ปรึกษาแห่งประเทศไทย สมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ สมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย และสมาคมช่างเหมาไฟฟ้าและเครื่องกลไทย จับมือผนึกกำลังบุกตลาดต่างประเทศ
ครั้ง นี้ได้แรงหนุนจากสำนักงานผู้แทนการค้า มีนายเกียรติ สิทธิอมร ประธาน ผู้แทนการค้า เป็นหัวเรือใหญ่ช่วยผลักดัน จนเป็นที่มาการจัดงาน "A.E.C. Thailand" (Architects+Engineers+Contractors) เมื่อ 5 พฤศจิกายน 2552 ที่ผ่านมา โดย 5 สมาคมได้ลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกัน (MOU) กับสถาบันการเงินของรัฐ 3 แห่ง คือ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) ในการสนับสนุนแหล่งเงินทุน โดยมี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เปิดงาน และร่วมเป็นสักขีพยาน
ถือเป็นก้าวแรกของความร่วม มือในการส่งเสริมอุตสาหกรรมก่อสร้างและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไทยให้ก้าวไกล และแข่งขันกับต่างประเทศได้ เบื้องต้นทั้ง 5 สมาคม มีจะนำร่อง 6 ประเทศ คือ ลิเบีย อินเดีย บาห์เรน กาตาร์ เวียดนาม และบรูไน
"มาร์ค" หนุนเต็มที่-อีก 6 เดือนเห็นผล
โดย นายกฯ พร้อมจะสนับสนุนธุรกิจที่ปรึกษา ออกแบบและก่อสร้างไทยในต่างประเทศเต็มที่ โดยระบุว่าจากมูลค่างานก่อสร้างทั่วโลก 150 ล้านล้านบาท ประมาณ 70 ล้านล้านบาทอยู่ในแอฟริกา อเมริกาใต้ และตะวันออกกลาง ซึ่งผู้ประกอบการไทยมีโอกาสจะเข้าไปรับงานได้ เพราะหลายประเทศกำลังเร่งการพัฒนา ต้องการที่อยู่อาศัย แต่ขาดแคลนแรงงาน ที่ปรึกษาออกแบบ และแรงงานเฉพาะด้าน
ทั้งนี้ จากนี้ไปจะต้องวางระบบในการรุกตลาดต่างประเทศ โดยจะมอบหมายให้ ผู้แทนการค้าไทยเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินการ เพื่อให้เป็นเอกภาพและเป็นระบบมากขึ้น
ขณะเดียวกันการก่อสร้างใน ประเทศก็จะไม่ลดความสำคัญลงไป ยังมีแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 1.43 ล้านล้านบาท ที่จะใช้ในอีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งมี 7 แสนล้านบาทที่ลงทุนในอุตสาหกรรมก่อสร้าง เกิดการจ้างงาน 1.5 ล้านอัตรา เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
ด้านนายเกียรติกล่าวว่า นับจากนี้ไปจะมีการหารือเรื่องการบุกตลาดต่างประเทศมากขึ้น โดยจะมีการปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบยังมีปัญหาอยู่ สิ่งที่ท้าทายคือการทำให้เป็นรูปธรรมในอีก 6 เดือนข้างหน้า
จี้รัฐตั้งองค์กรรองรับ
ด้าน เอกชนแม้ทุกองค์กรจะขานรับการดำเนินนโยบายดังกล่าวของภาครัฐ แต่มองว่ายังมีปัญหาอุปสรรคหลายเรื่องที่ต้องแก้ไข โดยนายพิสิฐ พุฒิไพโรจน์ นายกสมาคมวิศวกรที่ปรึกษากล่าวว่า ในส่วนของธุรกิจวิศวกรที่ปรึกษา ซึ่งเป็นธุรกิจต้นน้ำ แม้ทั่วโลกมีมูลค่าตลาดเพียงแค่ 5,000 ล้านบาท และวิศวกรไทยมีโอกาสที่จะไป รับงาน แต่มีปัญหาหลัก ๆ ที่ประสบในการไปรับงานต่างประเทศคือ ไม่มีองค์กรรองรับเหมือนวิศวกรที่ปรึกษาในต่างประเทศ จึงอยากให้รัฐตั้งเป็นโมเดลขึ้นมา โดยที่ไม่ผูกติดไปกับกรมส่งเสริมการ ส่งออก นอกจากนี้ต้องมีความรู้ด้านภาษา การเงิน และเน็ตเวิร์ก
เช่น เดียวกับความเห็นของ นายสถิรัตน์ ตัณฑนันทน์ อุปนายกสมาคมสถาปนิกสยามฯ และ นายฉัตรชัย มงคลวิเศษไกวัล อุปนายกฝ่ายการค้าและกฎระเบียบ สมาคมช่างเหมาไฟฟ้าฯ ที่ต้องการให้รัฐพัฒนาโมเดลการบุกตลาดต่างประเทศให้ชัดเจนและต้องสนับสนุน การบุกตลาดต่างประเทศอย่างเต็มที่
ลดภาษีซ้ำซ้อน
ขณะ ที่ นายอังสุรัสมิ์ อารีกุล อุปนายกสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยต้องการให้รัฐช่วยเหลือโดยเป็นศูนย์กลาง ข้อมูลด้านต่าง ๆ ในการไปรับงานในต่างประเทศ ผลักดันให้รัฐและบริษัทเอกชนในต่างประเทศยอมรับตราสารทางการเงินที่ออกโดย ธนาคารไทย ลดอัตราภาษีต่าง ๆ วัตถุดิบ อะไหล่ ที่ส่งออกจากเมืองไทย เพื่อนำไปใช้ในโครงการต่างประเทศ
นอกจากนี้ให้ภาครัฐช่วยเจรจากับ รัฐบาลต่างประเทศให้ลดภาษีให้กับผู้ประกอบการไทยที่เข้าไปรับงาน พร้อมกับให้ยกเว้นเงื่อนไขการวางแบงก์การันตี แก้ไขข้อจำกัดในการโอนเงินไป และกลับจากประเทศที่ไปรับงาน การหาแหล่งเงินกู้สำหรับการรับงานต่างประเทศในอัตรา ดอกเบี้ยต่ำ เป็นต้น
ทั้งหมดนี้แม้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถ้าทุกฝ่ายผนึกกำลังกันอย่างจริงจัง ก็คงจะ ไม่เหลือบ่ากว่าแรงเกินไป |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 12-11-2552
|
|
|
|
|