|
Link
to us!!!
|
| ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
|
| อสังหาฯไทยโกอินเตอร์ "พฤกษาฯ-แสนสิริ-โรจนะ" หัวหอกบุก |
|
การ ขยายพอร์ตลงทุนในตลาดต่างประเทศของบริษัทพัฒนาที่ดินสายพันธุ์ไทยกลับมาฮอต อีกครั้งหลังเงียบหายไปนาน เริ่มจากการจุดพลุของค่ายอสังหาริมทรัพย์ดาวรุ่งอย่าง พฤกษา เรียลเอสเตทที่วาดแผนพัฒนาโครงการในเมืองเมื่อ 2 ปีก่อน และเริ่มเป็นรูปเป็นร่างชัดเจน เมื่อปี 2551 ที่ผ่านมา จากนั้นดีเวลอปเปอร์รายอื่น ๆ อีกหลายรายก็แห่ไปขุดทอง ในสมรภูมิอสังหาฯต่างแดน ซึ่งมีทั้งคืบหน้าและอยู่ระหว่างการเจรจา
เป้า หมายเพื่อสร้างรายได้เพิ่มเสริมรายได้หลักที่ได้จากการพัฒนาโครงการภายใน ประเทศที่นับวันการแข่งขันจะยิ่งรุนแรง เนื่องจากส่วนแบ่งตลาดมีอยู่จำกัด ที่สำคัญข้อมูลในมือที่ชี้ให้เห็นว่าในอนาคตตลาดอสังหาฯภายในประเทศจะเติบโต เฉลี่ยในระดับคงที่ไม่เกิน 7-10% ต่อปี ผลักดันให้บริษัทพัฒนาที่ดินที่ต้องการเติบโตจำเป็นต้องมองหาช่องทางลงทุน ใหม่ ๆ โอกาสในตลาดต่างแดนจึงเป็นหนทางหนึ่งที่ถูกเลือก ไม่ต่างไปจากช่วงก่อนวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 ที่ครั้งนั้นอสังหาฯระดับแนวหน้าหลายบริษัทเคย ข้ามน้ำข้ามทะเลไปลงทุนแต่ส่วนใหญ่ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก
โฟกัส บริษัทพัฒนาที่ดินที่วาดแผนลงทุนด้วยการขยายฐานไปต่างประเทศรอบใหม่เวลานี้ นอกจากพฤกษา เรียลเอสเตท, แสนสิริ, เรดโลตัส พร็อพเพอร์ตี้, สวนอุตสาหกรรมโรจนะ และกลุ่ม ซี.พี.แล้ว ดีเวลอปเปอร์อีกจำนวนไม่น้อยที่ซุ่มศึกษา เพียงแต่ขอรอดูจังหวะเวลาที่เหมาะสม อาทิ ศุภาลัย, ปริญสิริ, ควอลิตี้ เฮ้าส์, แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น เป็นต้น
"รัตน์ พานิชพันธ์" ซีอีโอและเอ็มดี ควอลิตี้ เฮ้าส์ฯ บอกกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า บริษัทจะโฟกัสการลงทุนในตลาดในประเทศเป็นหลักก่อน เพราะมองว่ายังขยายตัวได้อีกมาก ส่วนตลาด ต่างประเทศแม้เคยศึกษาตลาดเวียดนามมาระยะหนึ่งแต่ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน คิดว่ายังเสี่ยงจึงยังไม่เดินหน้า
สอดคล้องกับ "ประทีป ตั้งมติธรรม" ซีอีโอศุภาลัยที่ย้ำว่า ไม่ปิดกั้นโอกาสการลงทุนในต่างประเทศเพียงแต่ต้องขอเวลาศึกษาอีกระยะ ความมั่นใจอย่างเร็วก็อีก 2-3 ปีข้างหน้า
สำหรับกลุ่ม ซี.พี.ที่มีฐานการลงทุน ในธุรกิจและอุตสาหกรรมหลากหลายสาขาในต่างประเทศครอบคลุมทั่วโลก ในส่วนของธุรกิจอสังหาฯจีนถือเป็นตลาดใหญ่อีกแห่งหนึ่งของกลุ่มนี้ เห็นได้จากมีการลงทุนทั้งห้างค้าปลีก โรงแรม ตลอดจนโครงการประเภทที่อยู่อาศัยอย่างโครงการหมู่บ้านเกษตรกรรมที่ทันสมัยใน มณฑลจี๋ หลินในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ขณะที่พฤกษา เรียลเอสเตท เร่งสปีดเจาะตลาดทั้งในอินเดียและเวียดนาม หลังจากตั้งบริษัท พฤกษา โอเวอร์ซีส์ จำกัด วัตถุประสงค์เพื่อก่อสร้างและพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในต่างประเทศ ทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท โดยพฤกษาฯถือหุ้นใหญ่ 99.97% อีก 0.03% เป็น ผู้ถือหุ้นรายย่อย
เป้าหมายแรกในต่างประเทศเป็นการลงทุนที่เมือง บังคาลอร์ โดยบริษัท พฤกษา โอเวอร์ซีส์ฯร่วมลงทุนในรูปแบบ joint venture กับดีเวลอปเปอร์เจ้าถิ่นในสัดส่วน 50 : 50% เม็ดเงินลงทุนก้อนแรก 200 ล้านบาท โปรเจ็กต์นำร่องเป็นทาวน์เฮาส์บนที่ดิน 40-50 ไร่ จำนวน 400-500 ยูนิต มูลค่าโครงการ 800-1,000 ล้านบาท ตั้งราคาขายที่ 2 ล้านรูปี หรือ 1.6 ล้านบาท/ยูนิต
จากนั้นก็เดินหน้าลุยเวียดนามต่อ โดยตั้งบริษัทลูก บริษัท พฤกษา อินเตอร์ เนชั่นแนลฯ เข้าลงทุนในบริษัท พฤกษา เวียดนามฯที่ร่วมทุนกับนักลงทุนเวียดนามในสัดส่วน 85 : 15% ใช้เงินลงทุน 297 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียน 10 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 350 ล้านบาท พัฒนา ทาวน์เฮาส์ที่เมืองไฮฟง ห่างจากกรุงฮานอยราว 100 กิโลเมตร ราคาขายยูนิตละ 1.5-1.8 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท โดยได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากรัฐบาลเวียดนาม ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 28%
ส่วนแสนสิริเข้าไปลงทุน ในประเทศอังกฤษผ่านบริษัทย่อยในสิงคโปร์ชื่อ SANSIRI GLOBAL INVESTMENT PTE., LTD. ทุนจดทะเบียน 50,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ จากนั้นเข้าไปลงทุนในประเทศ Guernsey ประเทศในเครือจักรภพอังกฤษ ผ่านบริษัทย่อย "SANSIRI INVESTMENT (2009) LIMITED" ทุนจดทะเบียน 10,000 ปอนด์ เพื่อเทกโอเวอร์อาคารเก่าย่าน High Street Kensington ซึ่งอยู่ในโซนอนุรักษ์ใจกลางกรุงลอนดอน จำนวน 6 ยูนิต นำมารีโนเวตก่อนเปิดขาย ราคาขายเริ่มต้น 60-160 ล้านบาท/ยูนิต มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท และมีแผนจะเข้าไปลงทุน ในสิงคโปร์ มาเลเซีย สหรัฐอเมริกา จีน เวียดนาม อินเดีย ฯลฯ
เช่นเดียวกับบริษัท เรดโลตัส พร็อพเพอร์ตี้ในเครือแสนสิริ ที่เน้นพัฒนาอสังหาฯ ขายชาวต่างชาติโดยเฉพาะที่มีแผนจะขยายการลงทุนในมาเลเซียและเวียดนาม โดยได้ตั้งงบฯลงทุน 1,000 ล้านบาทเป็นประเดิม โดยจะเริ่มที่เวียดนามก่อน เพราะศึกษาตลาดมาระยะหนึ่งแล้ว
ที่เปิดตัวล่าสุด คือ "สวนอุตสาหกรรมโรจนะ" ที่ทุ่มงบฯ 3.6 พันล้านบาท ลงทุนโครงการอสังหาฯในจีนภายใต้ชื่อ "ไคนา บิสสิเนส พลาซ่า" ที่เมืองฉางโจว มณฑลเจียงซู ประกอบด้วยคอนโดฯหรูสูง 53 ชั้น ปัจจุบันมียอดขาย 70% โรงแรมหรูระดับ 5 ดาว สูง 13 ชั้น และกำลังจะเปิดตัวโครงการ "ไคนา โอเวอร์ซีส์ ไชนิส ซิตี้" บนที่ดิน 11 ไร่ มูลค่าการพัฒนา 3,600 ล้านบาทอีกโครงการหนึ่ง
ถือเป็นอีกก้าวย่างที่น่าจับตามองอย่างยิ่งว่าจะสามารถพลิกประวัติศาสตร์ได้สำเร็จหรือไม่ |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 15-10-2552
|
|
|
|
|
