|
Link
to us!!!
|
| ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
|
| วิวัฒน์ อิทธิรัตนะโกมล จาก "เจ้าพ่อต้นรักสตูดิโอ" สู่ดีเวลอปเปอร์ป้ายแดง |
|
สัมภาษณ์
ต้น รักสตูดิโอ 1 ใน 6 บริษัท ของเครือข่ายกิจการ "เครืออาคารต้นสัก" ที่มี "วิวัฒน์ อิทธิรัตนะโกมล" นักธุรกิจรุ่นใหญ่ วัย 68 ปี รั้งตำแหน่งทั้งเจ้าของ ผู้ก่อตั้ง ประธานกรรมการและผู้จัดการใหญ่บริษัทในเครืออาคารต้นสัก หลังจากประสบ ความสำเร็จจากทุกธุรกิจที่เข้าไปทำวันนี้ "วิวัฒน์" กระปรี้กระเปร่าอีกครั้ง เมื่อตัดสินใจเข้าสู่เส้นทางธุรกิจพัฒนาที่ดิน
- แนวคิดในการลงทุนอสังหาฯ
ผม ทำธุรกิจมาหลายอย่าง มีทั้งเวดดิ้งเซ็นเตอร์ จิวเวลรี่ โรงงานกรอบรูปทุกธุรกิจที่ทำวันนี้อยู่ตัวหมดแล้ว ผมเคยมีหนี้สิน ซึ่งผมก็ตั้งใจว่าจะเคลียร์หนี้ให้หมดทุกบาททุกสตางค์ภายในอายุ 60 ปี ก็ทำสำเร็จมาแล้ว ที่ผ่านมา ผมมีบทเรียนธุรกิจมากมาย ผมเชื่อว่าผมรู้จักวิธีบริหารจัดการธุรกิจจากการเรียนรู้ด้วยตนเอง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ผมชอบมาก เป็นอะไรที่อยู่ในใจผมมาตลอด วันนี้เมื่อมีความพร้อม จึงมั่นใจว่าทำได้ และจะทำให้ดีที่สุดด้วย
จริงๆ แล้ว เรื่องพัฒนาที่ดิน ผมไม่ได้เพิ่งเริ่มต้นวันนี้นะ แต่ผมทำมานาน 20-30 ปีแล้ว ทำมาตลอด แต่เป็นประสบการณ์จากการซื้อมาขายไป ที่ดินเปล่าบ้าง ลงทุนเป็นหุ้นส่วนในโครงการต่างๆ บ้าง เคยซื้อทาวน์เฮาส์ริมเจ้าพระยา ราคา 15 ล้านบาท ปล่อยต่อได้กำไร 5 ล้าน ภายในเวลา 5 เดือน
ที่ดินแปลง แรกๆ ที่ผมจับ สมัยโค้งอโศก เมื่อ 30 ปีก่อน ผมซื้อมาวาละ 7.5 พันบาท ตั้งใจจะปลูกบ้านของตัวเอง แต่มีคนให้ราคา 1.5 หมื่นบาท ก็เลยขายดีกว่า ทีนี้ก็ติดใจทำธุรกรรมซื้อมาขายไปเรื่อยมา เรียกว่าทุกๆ ครั้งจะมีกำไรมาตลอด คือ ทำอยู่เบื้องหลังมากกว่า วันนี้คิดว่าถึงเวลา ที่น่าจะออกมายืนอยู่เบื้องหน้าได้แล้ว
เมื่อตัดสินใจอย่างนั้นจึง ตั้งบริษัทใหม่ ขึ้นมา ชื่อบริษัท ต้นสัก แลนด์ แอนด์ โฮม จำกัด สำหรับลงทุนอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะ ถือเป็นกิจการน้องใหม่ในเครืออาคารต้นสัก เราลงทุนโครงการแรกที่พัทยา ชื่อโครงการ "สยามโอเรียนเต็ล พัทยา" ทำเลพัทยากลาง เป็นบ้านเดี่ยวระดับไฮเอนด์ สไตล์โมเดิร์นโอเรียนทอล
แนวคิดในการ พัฒนาที่ดินจะเน้นรองรับตลาดกลาง-บน ซึ่งเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อและไม่ค่อยกระทบกับภาวะเศรษฐกิจ ตลาดระดับราคายูนิตละ 1-3 ล้าน เป็นตลาดของคนเริ่มทำงาน แต่ตลาดบน จะเป็นลูกค้าระดับผู้บริหาร ผมเชื่อว่าผมมีความถนัดตลาดบนมากกว่า
สยาม โอเรียนเต็ล พัทยา มูลค่าโครงการประมาณ 800 ล้านบาท มีแค่ 72 ยูนิต ราคา 7.95-11.95 ล้านบาท บนที่ดินมาตรฐาน 82-105 ตารางวา แต่แปลงใหญ่สุดของเรา ลูกค้าซื้อที่ดินเพิ่มเป็น 280 ตารางวา ผลตอบรับน่าพอใจมาก ผมตั้งใจว่าจะทำบ้านสร้างเสร็จก่อนขาย 20 ยูนิต ที่เหลือเป็นบ้านสั่งสร้าง ตามแผนธุรกิจ เราคาดว่าจะปิดการขายได้ภายในสองปี ทำโครงการนี้เสร็จ ผมจะส่งต่อให้ลูกๆ ทั้ง 6 คน
- ทำไมเลือกทำบ้านทรงไทย
เป็น ความตั้งใจ สไตล์โมเดิร์น โอเรียนทอล ถ้าให้เฉพาะเจาะจงลงไปจริงๆ ก็คือสไตล์ไทยล้านนาประยุกต์ เพราะบ้านทรงไทยเป็นรูปแบบที่มีเสน่ห์เป็นเอกลักษณ์ อยู่ได้ตลอดชีวิต ไม่มีเบื่อ อาคารต้นสัก ที่เป็นสำนักงานใหญ่ของเราก็เป็นอาคาร หลังแรกในซอยทองหล่อที่ก่อสร้างเป็นบ้านทรงไทยใช้ไม้สักทั้งหลังเป็น แลนด์มาร์กของซอยทองหล่อ ผู้ว่าฯ กทม. เคยทำหนังสือเกียรติบัตรมามอบให้กับผม ขอบคุณผมในฐานะสร้างเอกลักษณ์ บ้านไทยให้กับซอยทองหล่อ
เรื่องแบบบ้านผมพัฒนาแบบและสำรวจตลาด 2 ปีเต็มวนเวียนเดินทางเข้าเชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา พบว่าบ้านที่มีลักษณะของอารยธรรมจะได้รับการตอบรับดีมาก แต่ที่มีการพัฒนาโครงการส่วนใหญ่จะเน้นบ้านทรงบาหลีเป็นหลัก ขณะที่บ้านทรงไทยยังเป็นช่องว่างของตลาด เหมาะกับภูมิอากาศบ้านเราด้วย เพราะอากาศเข้าได้ 4 ทิศ กลุ่มเป้าหมายเรารองรับได้ทั้งคนต่างชาติและคนไทยอย่างละครึ่ง
ลักษณะ เด่นของโครงการเรา ตัวบ้าน จะเป็นรูปทรงบ้านไทย หลังคาทรงสวย ยกเนินทุกหลังสูงเกือบ 80 ซ.ม. ยกให้สูงกว่าระดับถนน ทำให้เน้นตัวบ้านเด่น ขึ้นไปอีก ความละเอียดที่เราใส่ใจ คือบ้านทรงไทยสูง โปร่งโล่งสบาย ประตูทรงสูง 2.2 เมตร เพดานในบ้าน 2.8 เมตร
แม้แต่พื้นที่ส่วนกลาง ต้นไม้ทุกต้น ผมช็อปเองกับมือ ต้นทุนค่าต้นไม้อย่างเดียว 2 ล้านกว่าบาทแล้ว ยังไม่พอครับ ยังต้องเติมเข้าไปอีก เพราะยังมีไม้อีกหลายพันธุ์ที่ผมคิดไว้ในใจ แต่ยังหาซื้อไม่ได้
- สะสมแลนด์แบงก์หรือเปล่า
ผม มีแลนด์แบงก์พอสมควร สะสมไว้ ตั้งนานแล้ว ถ้าแผนธุรกิจบอกว่ามีความเป็นไปได้ ก็พร้อมจะลงทุน เพราะจะได้เปรียบค่าที่ดิน โครงการสยามโอเรียนเต็ล พัทยา ตัดที่ดินมา 29 ไร่ ยังมีพื้นที่ใกล้โครงการอีก 45 ไร่ ทำเลดีมากอยู่ใจกลางพัทยากลาง ในพัทยาเองมีอีก 3-4 แปลง เชียงใหม่มี 100 กว่าไร่ ถนนบางนา-ตราดก็มีอีกแปลง 50-60 ไร่
- ปรัชญาการทำธุรกิจ
ผม มีสโลแกนประจำตัว "ก้าวช้าๆ แต่ไม่พลาด" ทำอะไรแต่พอเพียง ถ้าจะลงทุน 100 ล้าน ก็ต้องทำแต่พอเพียงของ 100 ล้าน โครงการนี้ผมกลัวดอกเบี้ย เพราะฉะนั้นจะเป็นเงินลงทุนตัวเองร้อยเปอร์เซ็นต์ สไตล์ทำธุรกิจของผม เกือบทุกอย่าง เอาตังค์ครึ่งหนึ่ง เอาชื่อเสียงอีกครึ่งหนึ่งเสมอ |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 21-09-2552
|
|
|
|
|
