Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
บิ๊ก ทาวน์เฮาส์-คอนโดฯ ส่งซิก ''พฤกษา'' บุกบ้านบีโอไอ 38 โครงการ ''LPN'' ปูพรมห้องชุด 1-3 ล้าน |
|
ถือ เป็นเซอร์ไพรส์เล็กๆ ในยุคเศรษฐกิจตกต่ำ เมื่อเจ้าตลาดโลว์คอสต์เฮาซิ่งอย่าง "พฤกษา เรียลเอสเตท" และ "แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์" สามารถกอดคอกันโต สร้างผลประกอบการช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมาได้อย่างน่าทึ่ง
เพราะคนในวงการอสังหาฯต่างประเมินว่า ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยปีนี้มีแนวโน้ม หดตัวลง 5-10% แต่สำหรับ "พฤกษา เรียลเอสเตท" ภายใต้การนำของ "ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์" ที่ควบตำแหน่งประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ กลับ "ทุบสถิติ" สร้างยอดขายช่วง ไตรมาส 2 ได้ถึง 5,000 ล้านบาทเศษ
ส่วนผลประกอบ การ 6 เดือนแรกของ ปีนี้มียอดรับรู้รายได้แล้ว 7,443 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 1,327 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 35% และ 41% ตามลำดับ
"พฤกษาฯ" บุกหนักบ้านบีโอไอ
ต้อง ยอมรับว่าการสร้างบ้านด้วยต้นทุนต่ำคือ "คีย์ซักเซส" ที่ทำให้พฤกษาฯมีอัตราเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะกับเซ็กเมนต์ "ทาวน์เฮาส์" ราคาต่ำ ที่เกือบจะไร้คู่แข่ง
โดยเฉพาะทาวน์เฮาส์ โปรดักต์หัวหอกตลอดกาลของพฤกษาฯนั้น ช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมา กวาดยอดขายไปแล้วกว่า 5,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนกว่าครึ่งของยอดขายรวม 9,000 ล้านบาทเศษ
ในแง่ ส่วนแบ่งตลาดโดยรวม จากสถิติศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ช่วง 5 เดือน แรกปีนี้ ในกลุ่ม "ทาวน์เฮาส์" มีสถิติ จดทะเบียนแล้วทั้งสิ้น 4,575 ยูนิต ในจำนวนนี้พฤกษาฯมีส่วนแบ่งตลาด 55% หรือ 2,539 ยูนิต
ว่ากันว่า วันนี้พฤกษาฯยังมีกระสุนเต็มกระเป๋า เพราะมีกระแสเงินสดในมือเหลืออีกกว่า 2,000 ล้านบาท บริษัทไม่ลังเล ที่จะปรับแผนพัฒนาโครงการใหม่ในปีนี้ จากเดิม 22 โครงการ เป็น 30 โครงการ
โดย คงเหลือโครงการใหม่จะพัฒนาในช่วง 5 เดือนสุดท้ายอีก 23 โครงการ แยกเป็น 1)ทาวน์เฮาส์ 10 โครงการ 2)บ้านเดี่ยว 9 โครงการ 3)คอนโดมิเนียม 3 โครงการ และ 4)โครงการในต่างประเทศ 1 โครงการ ปัจจุบันได้ซื้อที่ดิน ไว้แล้ว 11 โครงการ
โดยเฉพาะตลาด "ทาวน์เฮาส์ในเมือง" ราคาเฉลี่ย 2-3 ล้านบาทต่อยูนิต และ "บ้านบีโอไอ" ราคาไม่เกิน 1.2 ล้านบาทต่อยูนิต (ตามเกณฑ์ใหม่) เป็นเซ็กเมนต์ ที่พฤกษาฯจะบุกหนัก โดยอยู่ระหว่างยื่นขอส่งเสริมการลงทุน 38 โครงการ
ล่าสุด พฤกษาฯได้ขยายการลงทุน ในต่างประเทศ โดยจัดตั้งบริษัท พฤกษา เวียดนาม จำกัด (ถือหุ้น 85%) และบริษัท พฤกษา เวียดนาม คอนสตรัคชัน จำกัด (ถือหุ้น 100%) เพื่อรองรับการพัฒนาที่ดินและการก่อสร้างบ้านในประเทศเวียดนาม
โดย เตรียมเปิดขายบ้านโครงการแรก ในเมือง "ไฮฟง" (Haiphong) เมืองใหญ่อันดับ 3 ของเวียดนาม ราคาเฉลี่ย (เงินบาท) 1.5-1.8 ล้านบาทต่อยูนิต รวมมูลค่าโครงการประมาณ 1,000 ล้านบาท
LPN ลุยแบรนด์ "ลุมพินีวิลล์-เพลส"
ขณะ ที่ "แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์" ไปได้สวยกับผลประกอบการไตรมาส 2 โดยมีรายได้รวม 2,281.31 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่มีรายได้ 2,246.39 ล้านบาท เติบโต 1.6% ถือเป็นสถิติ "นิวไฮ" อีกครั้งของบริษัท
ตอนนี้บริษัทมีสภาพ คล่องรวม 1,859.34 ล้านบาท โดยภาวะสภาพคล่องสูงกว่าหนี้สินที่มีดอกเบี้ยติดต่อกัน 2 ไตรมาส และอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนลดลงจาก 0.97 : 1 เหลือ 0.72 : 1
เบ็ด เสร็จผลงานที่ผ่านมา "แอล.พี.เอ็น.ฯ" มีรายได้รวมครึ่งปีแรก ของปี 2552 เท่ากับ 4,318.73 ล้านบาท โดยประมาณการรับรู้รายได้ช่วงครึ่งปีหลังแบบตัวเลขกลมๆ อีกประมาณ 4,000 ล้านบาท จากสองโครงการหลัก คือลุมพินีวิลล์ รามคำแหง 26 กับลุมพินีเพลส พระราม 8
ฝ่าย R&D ของบริษัทคลิกตัวเลขสถิติจดทะเบียนคอนโดฯในเขตกรุงเทพฯและ ปริมณฑลในช่วง 5 เดือนแรก มีจำนวน 10,949 ยูนิต (ไม่รวมบ้านเอื้ออาทร) ในจำนวนนี้เป็นห้องชุดจดทะเบียนของแอล.พี.เอ็น.ฯ 3,454 ยูนิต คิดเป็น ส่วนแบ่งตลาด 32% ของตลาดรวม
นี่คือเหตุผลที่ทำให้คนในวงการให้ฉายาว่าเป็น "เจ้าพ่อคอนโดฯ"
ปี นี้บริษัทเปิดตัวโครงการใหม่ช่วงครึ่งปีแรก 3 โครงการ คือลุมพินีเพลส รามอินทรา, ลุมพินีคอนโดทาวน์ รามอินทรา-นวมินทร์ และลุมพินีวิลล์ ราษฎร์บูรณะ-ริเวอร์วิว
จากความสำเร็จของยอดพรีเซล 2 โครงการที่สร้างปรากฏการณ์ขายดีแบบ เทน้ำเทท่า ได้แก่ลุมพินีคอนโดทาวน์ รามอินทรา-นวมินทร์ ที่ลูกค้าให้กำลังใจจองกระดาษหมดเกลี้ยง 1,088 ยูนิต ภายใน 10 ชั่วโมง กับยอดพรีเซล ลุมพินีวิลล์ ราษฎร์บูรณะ-ริเวอร์วิว ที่ห้องชุดถูกจองเกลี้ยง 500 ยูนิต ภายใน 3 ชั่วโมง
"โอภาส ศรีพยัคฆ์" กรรมการผู้จัดการของแอล.พี.เอ็น.ฯ ส่งสัญญาณว่า เวลาอีก 5 เดือนที่เหลือนี้ บริษัทเตรียมทยอยเปิดตัวอีก 3 โครงการต่อทันที ประกอบด้วยลุมพินีวิลล์ ปิ่นเกล้า, ลุมพินีเพลส พระราม 9 เฟสสอง และลุมพินีวิลล์ อีก 1 โครงการ
จะเห็นได้ว่า "ตัวบุก" ครึ่งปีหลังของแอล.พี.เอ็น.ฯขยับแบรนด์สูงขึ้นเป็น "ลุมพินีวิลล์-ลุมพินีเพลส" ระดับราคา 1-3 ล้านบาท/ยูนิต เปรียบเทียบกับ แบรนด์ "คอนโดทาวน์" ที่เคยเป็นตัวทำรายได้หลักให้บริษัทในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา มีระดับราคาเฉลี่ย 7-9 แสนบาท/ยูนิต ปีนี้เปิดตัวเพียง 1 โครงการ
ที่น่าสนใจคือ "ทิศทาง" ของห้องชุด แบรนด์ลุมพินี พบว่ามีนัยสำคัญคือ 1.รีไซซ์ห้องชุด โดยล่าสุดประสบความสำเร็จจากการลอนช์ห้องชุด 1 ห้องนอน ด้วยไซซ์เพียง 25 ตารางเมตร ภายใต้แบรนด์ "ลุมพินีคอนโดทาวน์" และประกาศว่า จะไม่ทำห้องชุดแบบสตูดิโออีกต่อไป
นอกจากนี้ มีการขยายผลไปยังแบรนด์ "ลุมพินีวิลล์" ที่รีไซซ์ห้องชุด 1 ห้องนอน จาก 32 ตารางเมตร เหลือ 26 ตารางเมตร ในโครงการลุมพินีวิลล์ ราษฎร์บูรณะ-ริเวอร์วิว
2.ดาต้าเบสว่าด้วยเรื่องการสำรวจพฤติกรรม ผู้บริโภค พบว่าต้องการความ ยืดหยุ่นสูงสำหรับการเลือกซื้อห้องชุดแบบ 1 นอน และ 2 นอน ทำให้บริษัททดลองตลาดด้วยการพัฒนาห้องชุดแบบ 1 ห้องนอนเพียงอย่างเดียวทั้งโครงการ แต่มี ออปชั่นให้ลูกค้าเลือก ถ้าต้องการห้องใหญ่ก็สามารถรวม 2 ยูนิตเล็กเป็น 1 ยูนิตใหญ่ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มแต่อย่างใด
"ห้องชุด 25 ตารางเมตร 1 ห้องนอน คิดว่าตลาดยังตอบรับได้อีกพอสมควร เพราะฉะนั้นตอนนี้เราคงไม่ได้ดูเรื่องจะรีไซซ์ให้ขนาดเล็กลงไปกว่านี้อีก แต่จะหันมาเน้นเทรนด์อนุรักษ์พลังงานและรักษ์สิ่งแวดล้อมให้เข้มข้นขึ้นไป อีก" ข้อมูลในเชิงนโยบายจาก "โอภาส" |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 13-08-2552
|
|
|
|
|