|
Link
to us!!!
|
| ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
|
| ''ข่าวดี'' บีทีเอสในรอบ 10 ปี จ่ายปันผล 1.3 พันล้าน ออกหุ้นกู้ 1.2 หมื่นล้าน |
|
" ตอนนี้ผมพร้อมและมั่นใจมากขึ้น" เป็นประโยคสั้นๆ แต่มีความหมายที่ "คีรี กาญจนพาสน์" ซีอีโอ กลุ่มบีทีเอสซี เจ้าของรถไฟฟ้า BTS ชอบพูดอยู่บ่อยๆ ในช่วงนี้
ช่วงที่บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ได้ออกจาก แผนฟื้นฟูกิจการมาแล้วพักใหญ่ ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2551 ที่ผ่านมา
จนถึงวันนี้ วันที่กิจการของ BTSC เติบโตขึ้นมากอย่างดีวันดีคืน มีรายได้ (เงินสด) ต่อวันนับสิบล้านบาท หรือตกปีละ 2,000-3,000 ล้านบาท
นี่กระมังที่เป็น "เหตุผล" หนึ่งของความมั่นใจและความพร้อมของมังกร รุ่นสองอย่างนายคีรี
ด้วย สถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ทำให้เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2552 ในที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2552 ของบริษัท จึงมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผล เป็นเงินจำนวนถึง 1,300 ล้านบาท
ถือ เป็น "ข่าวดี" ของบีทีเอสในรอบหลายปี เพราะเป็นการจ่ายเงินปันผล ครั้งแรกในรอบ 10 ปี นับตั้งแต่บริษัทเปิดให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอสปีแรกเมื่อปี 2542
" ได้แล้วต้องบอก มีแล้วต้องแบ่ง" นี่อาจเป็นม็อตโต้ประจำตัวของนายคีรีไปแล้ว เพราะการจ่ายปันผลก็มาจากผลกำไรจากผลประกอบการ (EBITDA) จำนวน 2,107 ล้านบาท รวมกับกำไรจากการฟื้นฟูกิจการ ทำให้มีกำไรสุทธิถึง 21,911 ล้านบาท รวมทั้งอนุมัติการจัดสรรทุนสำรองตามกฎหมายอีก 1,100 ล้านบาท
ล่าสุด ในวันที่ 17-20 สิงหาคม 2552 ที่จะถึงนี้ บีทีเอสซีจะออกหุ้นกู้ประเภทหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ์ ไม่มีประกัน มูลค่า 12,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้เป็นระดับ A แนวโน้มคงที่
หุ้นกู้จะถูกแบ่งออกเป็น 5 ชุด แต่ละชุดมีอายุตั้งแต่ 3-7 ปี ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่หลากหลาย
แยกเป็นหุ้นกู้อายุ 3 ปี 4.75% ต่อปี อายุ 4 ปี 5.25% ต่อปี อายุ 5 ปี 5.5% ต่อปี อายุ 6 ปี 6.25% ต่อปี และอายุ 7 ปี 6.75% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือน โดยจะชำระเงินต้นทั้งจำนวนในวันครบกำหนดไถ่ถอน (bullet payment)
บริษัทได้แต่งตั้งให้ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) เป็น ผู้จัดการการจัดจำหน่าย เงื่อนไขการจอง ซื้อขั้นต่ำคือ 1 แสนบาท และทวีคูณของ 100,000 บาท
เมื่อมองกิจการของบริษัทนี้ในฐานะ ผู้รับสัมปทานจากกรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่ผ่านมาถือเป็นผู้ประกอบกิจการระบบรถไฟฟ้าบีทีเอส หรือเจ้าของรถไฟฟ้าโครงการแรกทั้ง 2 สายในเมืองไทยคือ สายสุขุมวิทและสายสีลมรวมระยะทาง 23.5 กิโลเมตร
จากข้อมูลระบุว่า มีผู้โดยสารเฉลี่ย 372,438 เที่ยวคนต่อวัน รายได้หลักมาจากค่าโดยสารและรายได้ตามสัญญาในการให้สิทธิบริหารพื้นที่เชิง พาณิชย์บริเวณสถานีรถไฟฟ้าในทุกๆ สถานี
ที่จับตามองคือบีทีเอสซี ยังเป็นผู้ได้รับโอกาสในการเจรจากับ กทม. ถึงโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายอื่นๆ โดยเฉพาะ "สายสีเขียว" หมอชิต-พหลโยธิน-สะพานใหม่
รวมทั้งได้ขยายการลงทุนเพื่อการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์บนเส้นทางรถไฟฟ้า บีทีเอสและการร่วมลงทุนจัดทำบัตรโดยสารอัจฉริยะ
หุ้น กู้บีทีเอสนั้นถือเป็นทางเลือกหนึ่งในการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่เหมาะสม ซึ่งทริสฯได้จัดอันดับหุ้นกู้บีทีเอสว่ามีความเสี่ยงในระดับต่ำ แนวโน้มคงที่
ที่สำคัญหุ้นกู้ประเภทนี้ถือเป็นหุ้นกู้ในธุรกิจ สาธารณูปโภคที่ไม่ค่อยมีใครทำ หรือเขียนด้วยภาษาทางการก็หมายถึง "หุ้นกู้ที่มีอยู่อย่างจำกัดในท้องตลาด" นั่นเอง
|
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 10-08-2552
|
|
|
|
|
