Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
เปิดเกมลุย ตปท.สเต็ปใหม่ "แสนสิริ" ทุ่ม 600 ล.เทกโอเวอร์อสังหาฯกลางกรุงลอนดอน |
|
ยุค เศรษฐกิจตกสะเก็ดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้งระบบอยู่ในช่วงขาลง แค่รอการฟื้นตัวก็ต้องลุ้นกันเหนื่อย อย่าว่าแต่คิดจะขยับขยายธุรกิจ เพราะแค่ประคองตัวพลิกกลยุทธ์การบริหารจัดการ พลิกตำราการตลาดปั้นยอดขายให้ได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ ก็เหนื่อยอยู่แล้ว
แต่ กับข่าวใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นหมาดๆ เมื่อบริษัทพัฒนาที่ดินยักษ์ใหญ่ที่ประกาศตัวขอนั่งแท่นเบอร์หนึ่งของวงการอ สังหาฯอย่าง "แสนสิริ" แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่องการตั้งบริษัทย่อย ในประเทศสิงคโปร์ "SANSIRI GLOBAL INVESTMENT PTE.,LTD." ทุนจดทะเบียน 50,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือคิดเป็นเงินไทยราว 1.1 ล้านบาทเศษ (อัตราแลกเปลี่ยน 23.64 บาท/ดอลลาร์สิงคโปร์) โดย "แสนสิริ" ถือหุ้น 100% วัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นฐานในการลงทุนในต่างประเทศ ถือเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ที่หลายคนคาดไม่ถึง
ขณะเดียวกันได้แจ้งมติ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 5/2552 เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา เรื่องการอนุมัติซื้อหุ้นสามัญ บริษัท เนชั่นแนล เอ็ดยูเคชั่น ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เจ้าของกิจการโรงเรียน "สาธิตพัฒนา" ย่านถนนปัญญารามอินทรา ทุนจดทะเบียน 40 ล้านบาท โดยเข้าถือหุ้นทั้งหมดในบริษัทดังกล่าว ตามราคาทุนของเงินลงทุน ได้แก่ เงินลงทุนในรูปของทุนจดทะเบียน 40 ล้านบาท และเงินกู้จากผู้ถือหุ้นอีก 125.6 ล้านบาทเศษ
เพื่อให้ได้รับรายได้จากกิจการโรงเรียนต่อเนื่อง รวมทั้งสร้างโอกาสในการขยายธุรกิจและสร้างผลประโยชน์ร่วมกับธุรกิจหลักคือ ธุรกิจอสังหาฯ เนื่องจากอยู่ใกล้ทำเลที่ตั้งโครงการที่อยู่อาศัยของ "แสนสิริ" หลายแห่ง
ถือเป็นการขยายธุรกิจอสังหาฯ ทั้งพัฒนาเพื่อขายและให้เช่าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในกิจการอื่นๆ ที่สามารถสร้างผลประโยชน์ตอบแทนให้กับกลุ่มแสนสิริอย่างสมน้ำสมเนื้อ
ถือ เป็นไพ่ใบใหม่ที่ "เสี่ยนิด" "เศรษฐา ทวีสิน" เอ็มดี "แสนสิริ" เปิดออกมาในช่วงจังหวะและเวลาที่มองว่าน่าจะเป็นไทมิ่งที่ดีที่สุด โดยเฉพาะการรุกขยายตลาดไปต่างประเทศหลังจากที่จดๆ จ้องๆ มานาน
ประเดิม ที่เกาะอังกฤษเป็นลำดับแรก โดยให้ "SANSIRI GLOBAL INVESTMENT PTE.,LTD." เข้าไปลงทุนในประเทศ Guernsey ซึ่งเป็นประเทศที่อยู่ในเครือจักรภพอังกฤษ ผ่านบริษัทย่อย "SANSIRI INVESTMENT (2009) LIMITED"ทุนจดทะเบียน 10,000 ปอนด์ หรือคิดเป็นเงินไทย 5.6 แสนบาทเศษ (อัตราแลกเปลี่ยน 56.43 บาท/ปอนด์) โดย "แสนสิริ" ถือหุ้นทั้ง 100%
"เศรษฐา" เปิดเผยกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ที่ผ่านมา "แสนสิริ" มองลู่ทางการลงทุนในตลาดต่างประเทศตลอด รอเพียงจังหวะและโอกาสมาถึง ที่ตัดสินใจช่วงนี้เป็นเพราะตลาดอสังหาฯในอังกฤษซบเซามาก เอื้อต่อการลงทุนเป็นอย่างยิ่ง
เป็นโอกาสของผู้ประกอบการที่มีกำลัง ทุน และเข้าใจในตลาด "เศรษฐา"ให้เหตุผลว่าสาเหตุที่เลือกลงทุนใจกลาง กรุงลอนดอนเป็นแห่งแรก มาจากความต้องการที่อยู่อาศัยชั้นดียังมีมาก ขณะที่โครงการที่เกิดใหม่มีน้อย ด้วยข้อจำกัด ทางกฎหมายของประเทศอังกฤษ
" เรามองเห็นช่องว่างทางการตลาด ตรงนี้ เลยตัดสินใจเข้าไปซื้อโครงการเก่ามาปรับปรุงก่อนจะขาย ที่สำคัญช่วงนี้มีปัจจัยเสริมอื่นๆ เอื้อต่อการลงทุนมาก ไม่ว่าจะเป็นอัตราแลกเปลี่ยนเงินสกุลปอนด์ของสหราชอาณาจักรที่มีมูลค่าลดลง"
โครงการ ที่เข้าไปซื้อ เป็นอาคารเก่า ในพื้นที่โซน Conservation Area ซึ่งเป็นพื้นที่อนุรักษ์ห้ามก่อสร้างอาคารใหม่ ย่าน High Street Kensington ใจกลางกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ มีห้องชุด 6 ยูนิต พื้นที่ใช้สอย 60-160 ตร.ม. จะนำมารีโนเวตใหม่ก่อนเปิดขาย ราคา เริ่มต้น 1.16-2.85 ล้านปอนด์ หรือ 60-160 ล้านบาท รวมมูลค่า 600 ล้านบาท
" ตอนนี้อยู่ระหว่างการรีโนเวตอาคารใหม่ทั้งหมดให้เข้ากับคอนเซ็ปต์ที่วางไว้ คาดว่าประมาณเดือนเมษายนปีหน้า (2553) จะเปิดขายได้ จากนั้นประมาณปลายปี 2553 แสนสิริจะได้รับผลตอบแทนเข้ามา กลุ่มลูกค้าเป้าหมายมีทั้งคนไทยที่อยู่ในอังกฤษและที่เมืองไทย"
"เศรษฐา" เชื่อว่า "โครงการนี้จะประสบความสำเร็จด้านยอดขาย เพราะศึกษาตลาดไว้ล่วงหน้าแล้ว มั่นใจว่าลูกค้าจะให้การตอบรับเป็นอย่างดี"
แม้ จะเป็นก้าวแรก และ "แสนสิริ" หวังผลด้านรายได้ระยะยาวมากกว่าระยะสั้น แต่หากสำเร็จก็จะมีการลงทุนแบบต่อยอดในโปรเจ็กต์อื่นๆ ตามมา ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่แค่อังกฤษเพียงประเทศเดียว เพราะหมายมั่นปั้นมือว่าในอนาคตรายได้จากการลงทุนในต่างประเทศจะสร้างรายได้ ให้ไม่ต่ำกว่า 5-10% ของรายได้รวมต่อปี
|
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 23-07-2552
|
|
|
|
|