Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
แผนล้างหนี้ กทพ.แสนล้าน พิสูจน์กึ๋นผู้ว่าการ "ทวีสิน รักกตัญญู" |
|
นับ จากนี้ไปจนถึง 1 กรกฎาคม 2554 ทุกนาทีมีค่าสำหรับ "พ.ท.ทวีสิน รักกตัญญู" ในวัย 58 ปีกับบทบาทใหม่ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) คนที่ 11 ซึ่งถือเป็นผู้ว่าการคนที่ 2 ที่มาจากการสรรหา เพราะแม้วาระนั่งบริหารงาน จะสั้นแค่ 2 ปี (1 ก.ค.2552-1 ก.ค.2554) แต่มีภารกิจด่วนในมือยาวเหยียด
ด้วยภาระหนี้กว่า 1 แสนล้านบาท จึงไม่ง่ายที่จะบริหารจัดการ แต่ด้วยประสบการณ์ที่ทำงานใน กทพ.มานานถึง 18 ปี วิเคราะห์จุดอ่อน-จุดแข็งแล้ว แนวคิดการบริหารจัดการโดยอาศัยมืออาชีพเข้ามาช่วยวางมาสเตอร์แปลน เป็นงานแรกที่ผู้ว่าการ กทพ.คนใหม่จะเร่งดำเนินการเพื่อนำพา กทพ.ไปสู่การเปลี่ยนแปลงในอีก 2 ปีข้างหน้า พร้อมรับมือคู่แข่งในอนาคต
ปรับโครงสร้าง-เล็งตั้งบริษัทลูก
เริ่ม ด้วยการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ให้สอดคล้องกับงานด้านโครงสร้างและการบริการ โดยใช้หลัก put the right man in the right job ควบคู่ไปกับการเร่งสร้างขวัญ-กำลังใจพนักงานให้เกิดความรักและผูกพันกับ องค์กร เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
โดยให้บริษัทที่ปรึกษา ปรับปรุงโครงสร้างการบริหารใหม่ให้เป็นธุรกิจมากขึ้น ด้วยการจัดตั้งบริษัทลูกในลักษณะ holding company มี กทพ.ถือหุ้น 100% บริหารงานด้านต่างๆ เช่น บริษัทจัดเก็บ ค่าผ่านทาง บริษัทจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน บริษัทย่อยตามสายทางพิเศษ เป็นต้น
ชูโมเดล "กินซ่า" ปั๊มรายได้ที่ใต้ทางด่วน
กลยุทธ์ เพิ่มรายได้นอกเหนือรายได้หลักจากค่าผ่านทางและจากป้ายโฆษณาที่ "ทวีสิน" มองไว้ คือ การจัดประโยชน์ พื้นที่ใต้เขตทางที่มีอยู่กว่า 2 แสน ตร.ว. (ไม่รวม 3 แสน ตร.ว.ที่ให้หน่วยงานอื่นใช้ประโยชน์) ตั้งเป้ารายได้เพิ่มหลายร้อยล้านบาท/ปี จากปัจจุบันเฉลี่ยปีละ 100 ล้านบาท หากทำได้ กทพ.จะมีกำไรสุทธิกว่า 2,000 ล้านบาท/ปี เพื่อนำมาลงทุนใหม่และชำระหนี้
โดยให้มืออาชีพวางมาสเตอร์แปลนและแนว ทางการพัฒนาครบวงจร ซึ่ง กทพ. จะทำเองหรือให้เอกชนบริหารก็ได้ โดยแนวทางพัฒนาพื้นที่ใต้เขตทางมี 3 รูปแบบ คือ 1.มอบให้ กทม. ชุมชน ทำสวนหย่อม ลานกีฬา 2.ใช้แก้ไขปัญหาจราจร ให้เช่าทำที่จอดรถ (park & ride) เชื่อมรถไฟฟ้า บีทีเอส รถไฟฟ้าใต้ดิน และแอร์พอร์ตลิงก์ ใช้เป็นทางลัดระบายการจราจร 3.พัฒนา ในเชิงพาณิชย์ โดยยึดโมเดล "กินซ่า" จากญี่ปุ่นเป็นต้นแบบ พื้นที่ walking street บูทร้านค้า อาทิ สีลม สุขุมวิท ใต้ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ด่วนรามอินทรา-วงแหวนรอบนอก เป็นต้น
ตัดด่วนใหม่ "ศรีรัช-วงแหวนตะวันตก"
ด้าน การแก้ไขปัญหาจราจรบนทางด่วน จะเร่งโครงการที่ยังสร้างไม่เสร็จให้เสร็จตามแผน สร้างทางเชื่อมวงแหวนอุตสาหกรรมกับวงแหวนด้านใต้ ระยะทาง 1 กิโลเมตร ค่าก่อสร้างกว่า 2,000 ล้านบาท ภายใน 2 ปีนี้
เพิ่มโครงข่ายใหม่ จากเดิม 7 สายทาง ระยะทางรวม 198.4 กิโลเมตร เพราะนอกจากช่วยปัญหาจราจรยังทำให้มีรายได้เพิ่ม ซึ่ง 11 สายทางในแผนแม่บทนั้น "ทวีสิน" จะก่อสร้าง "สายศรีรัช-วงแหวนรอบนอก" ระยะทาง 17 กิโลเมตร วงเงิน 18,000 ล้านบาทก่อน เพราะแบบเสร็จเรียบร้อยตั้งแท่นรออยู่แล้ว เพียงคณะกรรมการ (บอร์ด) กทพ. และคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติก็เดินหน้าได้ทันที โดยจะเสนอบอร์ดอนุมัติภายใน 6 เดือนนี้ คาดว่าปี 2554 จะเปิดให้บริการได้
เงิน ลงทุนก่อสร้างจะเสนอ 3 ทางเลือก คือ 1.เงินกู้โดยรัฐค้ำประกัน โดย กทพ.รับภาระเงินต้นและดอกเบี้ย 2.เงินงบประมาณของรัฐโดยออกพันธบัตร 3.ให้สัมปทานเอกชน นอกจากนี้ในอนาคตจะมีกองทุนสาธารณูปโภคหรือ infrastructure fund เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
เพิ่มทางขึ้น-ลง ผุดป้ายอัจฉริยะ
นอก จากนี้ จะปรับปรุงระบบเก็บค่า ผ่านทางใหม่เป็นระบบอัตโนมัติ (ETC) แก้ปัญหารถติดหน้าด่าน จัดทำ "ป้ายอัจฉริยะ" และเพิ่ม "ป้าย SMS" ที่หน้าด่านโดยจะหารายได้โฆษณาจากป้ายด้วย ขณะเดียวกันจะปรับปรุงทางขึ้น-ลง หลายจุด อาทิ ต่างระดับมักกะสันกับถนนจตุรทิศ ต่างระดับงามวงศ์วาน-แจ้งวัฒนะ ถนนกำแพงเพชร-หมอชิต 2 กับทางด่วนขั้นที่ 2 และต่างระดับอาจณรงค์
เร่งเจรจาสางข้อพิพาท BECL
ส่วน ข้อพิพาทที่ค้างคากับบริษัท BECL "ทวีสิน" คิดต่างจากผู้บริหารชุดที่ผ่านมามองว่า แนวทางแก้ไข คือ การบริหารตามสัญญาและตามข้อกฎหมาย ส่วนการเจรจาจะเป็นอีกทางเลือกที่จะใช้
"คดีในชั้นศาลให้ดำเนินต่อไป แต่ถ้ามีข้อพิพาทเกิดขึ้นต้องให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว มีทางไหนที่ตกลงกันได้ก่อนคดีไปถึงศาล"
เตรียมเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม
อีก ภารกิจที่ต้องสะสางคือการผลักภาระภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ (VAT 7%) ไปให้ผู้ใช้ทางรวมกับค่าผ่านทางด่วนขั้นที่ 1, 2 หลัง กทพ.รับภาระแทนมากว่า 10 ปี ปีละกว่า 7,000 ล้านบาท เฉลี่ยปีละ 700 ล้านบาท
"ทวีสิน" บอกว่า ในปี 2553 ระบบเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติจะแล้วเสร็จ จะเก็บค่าผ่านทางรวมกับแวตไปด้วย แต่ขึ้นอยู่กับนโยบายรัฐบาล และจะยุติปัญหาแบ่ง รายได้โครงการวงแหวนใต้กับกรมทางหลวง (ทล.) ให้ได้ภายใน 3 เดือนนี้
ทั้งหมดเป็น "มาสเตอร์แปลน" ที่ผู้ว่าการ กทพ.คนใหม่จะเร่งสปีด โดยเริ่มนับถอยหลังตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป
|
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 23-07-2552
|
|
|
|
|