|
Link
to us!!!
|
| ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
|
| แฟรนไชส์รับสร้างบ้าน "พีดีเฮ้าส์" มุมมองธุรกิจ พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส |
|
ภาย ใต้วิกฤตมักจะเป็นจังหวะเริ่มต้นของคนที่มองเห็นโอกาสทางธุรกิจได้เสมอ เรากำลัง พูดถึงบริษัทรับสร้างบ้านภายใต้แบรนด์ "พีดีเฮ้าส์" หรือชื่อเต็มๆ ที่รู้จักกันดีในวงการว่า "ปทุมดีไซน์" ภายใต้ผู้บริหาร และผู้ก่อตั้ง "สิทธิพร-มาลี สุวรรณสุต" ที่ยืนหยัดองค์กรมานานกว่า 18 ปี
วันนี้ ธรรมดาที่ไม่ธรรมดาของพีดีเฮ้าส์ ก็คือการนำเสนอความเป็น "แห่งแรกในประเทศไทย" ให้กับวงการ ด้วยการเตรียมเปิดตัวเป็นทางการสำหรับธุรกิจ "แฟรนไชส์รับสร้างบ้าน" โดยมุ่งเป้าไปที่ตลาดต่างจังหวัดเป็นด้านหลัก
"ปีที่แล้วมียอดขาย 270 ล้านบาท แต่เป็นรายได้จำนวน 200 ล้านบาท เพราะมีงานก่อสร้างที่รอส่งมอบอีกจำนวนหนึ่ง สำหรับปีนี้มองทิศทางไว้แบบตั้งรับ คือ รายได้ลดมากหรือน้อย ถ้ารายได้ลด น้อยสุดคือ 20% ก็เป็นจุดที่พอใจแล้ว..."
ข้อมูลที่มากไปกว่านั้น คือรายได้ของ พีดีเฮ้าส์มาจากตลาดในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล เทียบกับตลาดต่างจังหวัดมีสัดส่วนอย่างละครึ่งต่อครึ่ง ในขณะที่การแข่งขันดุเดือดทั้งการแข่งราคาและคุณภาพจะมาจากตลาดในกรุงเทพฯ เป็นหลัก เพราะเป็นพื้นที่ศูนย์รวมมังกรซ่อนพยัคฆ์ ทิศทางรายได้ของบริษัทจึงฝากอัตราเติบโตไว้ที่ตลาดต่างจังหวัดโดยปริยาย
ปุจฉา คือ จะมีจิ๊กซอว์ตัวไหนมาต่อยอดแผนการปลุกปั้นตลาดรับสร้างบ้านใน ต่างจังหวัด คำตอบคือ "...ผมจะเริ่ม การตลาดใหม่ด้วยระบบแฟรนไชส์" ถ้อยแถลงของ "พี่ป๋อง" สิทธิพร สุวรรณสุต ซีอีโอแห่งพีดีเฮ้าส์
แน่ นอนว่า การเข้าสู่ธุรกิจแฟรนไชส์ พีดีเฮ้าส์ย่อมไม่สามารถเปิดกว้างโดยไร้ขีดจำกัด หากแต่มีจุดเริ่มต้นตั้งแต่คุณสมบัติ ผู้สมัคร "กลุ่มหลัก" ได้แก่สถาปนิก ผู้รับเหมา วิศวกร ซึ่งเป็นกลุ่มวิชาชีพ ทางตรง มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับธุรกิจรับสร้างบ้านระดับหนึ่ง กับ "กลุ่มรอง" ได้แก่นักลงทุนทั่วไปที่อยู่นอกวงการ
ทั้งสองกลุ่มนี้จะต้องผ่านกระบวนการกรอกใบสมัคร สัมมนา สอบสัมภาษณ์ และแจ้งผล ใช้เวลา 1-2 เดือนรู้ผล
งบ ประมาณลงทุนตก 2-2.5 ล้านบาทต่อสาขา (รวมค่าธรรมเนียมแรกเข้า 4 แสนบาท และเงินทุนหมุนเวียน 3-5 แสนบาท) ประมาณการระยะเวลาคืนทุนภายใน 2 ปี ภายใต้ยอดขายขั้นต่ำเดือนละ 1 ล้าน หรือปีละ 12 ล้านบาท อายุสัญญา 15 ปี แบ่งเป็น 5+5+5 ปี
ทุกวันนี้ บริษัทมีสาขาทั้งหมด 11 สาขา ล่าสุดได้เริ่มต้นทดลองเปิดสาขาในระบบแฟรนไชส์แล้ว 2 แห่ง คือสระบุรีกับอุดรธานี ตามแผนที่วางไว้ ภายในปี 2552-2556 จะเปิดเพิ่มอีก 39 สาขา เมื่อถึง ตอนนั้นจะทำให้แบรนด์รับสร้างบ้าน "พีดีเฮ้าส์" มีสาขารวม 50 สาขา
ในแง่ "พื้นที่เป้าหมาย" ภาคอีสาน ประกอบด้วยบุรีรัมย์ อุดรธานี ร้อยเอ็ด อุบลฯ ภาคเหนือ มองไปที่พิษณุโลก ลำปาง เชียงใหม่ เชียงราย ภาคกลาง หนีไม่พ้นราชบุรี สระบุรี สิงห์บุรี นครสวรรค์ เป็นต้น ส่วนภาคใต้ อยู่ในแผนประเมินและทบทวนเพื่อความเหมาะสม
สิ่ง ที่บริษัทจะได้จากแฟรนไชซีคือรายได้ค่าธรรมเนียมในสัดส่วน "ร้อยชักห้า" หรือ 5% กับค่าธรรมเนียมแรกเข้าจ่ายครั้งเดียวรายละ 4 แสนบาท
ในทางกลับกัน สิ่งที่แฟรนไชซีจะได้จากบริษัท คือแพ็กเกจธุรกิจรับสร้างบ้านแบบสำเร็จรูป ทั้ง "แบรนด์-โนว์ฮาว และทีม"
ทุก วันนี้ "สิทธิพร" บอกว่า ภายใน สิ้นปีนี้จะมีสาขารวม 15 สาขา ซึ่งมาก เพียงพอรองรับพื้นที่การตลาดได้ 40 จังหวัดทั่วประเทศไทย ลองช่วยกันหลับตานึกภาพ ภายในปี 2556 ถ้าบริษัทสามารถขยาย 50 สาขาทั่วประเทศได้จริง จะเป็น "บิ๊กวอลุ่ม" ขนาดไหน ทั้งในแง่ยอดขายจนถึงการบริหารต้นทุนหลังร้าน
ยอดขายยิ่งสูง อำนาจต่อรองในการสั่งซื้อสินค้าย่อม "เสียงดัง" กว่าออร์เดอร์สั่งซื้อแบบเบี้ยหัวแตกอย่างไม่ต้องสงสัย นี่คือข้อมูลแบบคร่าวๆ ของแฟรนไชส์ตัวใหม่
ถ้าหากทำได้สำเร็จ "แฟรนไชส์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์" จะกลายเป็นกรณีศึกษาวิธีการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส อีกครั้งในอนาคต |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 13-04-2552
|
|
|
|
|
