Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
วัดฟีดแบ็กมาตรการก๊อก 2 ยอดแวะไซต์กระเตื้อง-อสังหา |
|
มาตรการ กระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่รัฐบาลประกาศออกมาเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจกำลัง ถูกจับตามองว่าจะช่วยผลักดันให้ตัวเลขยอดขายบ้านและคอนโดฯ ขยายตัวได้ตามที่คาดหมายไว้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ว่าผลกระทบในด้านบวกเริ่มจะมีให้เห็นแล้ว อย่างน้อยก็ช่วยให้บรรยากาศในตลาดอสังหาฯคึกคักขึ้นในแง่จำนวนลูกค้า ที่วอล์กอินเข้าเยี่ยมชมโครงการ
"ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์" ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) มองว่าบริษัทน่าจะได้รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ทำให้สามารถขายบ้านและคอนโดฯได้เพิ่มขึ้น เชื่อว่าเป้าหมายยอดขายในปีนี้ที่ตั้งไว้ 1.7 หมื่นล้านบาท ประมาณ 2-3% ของยอดขายรวมจะมาจากการกระตุ้นโดยมาตรการดังกล่าว แต่แม้จะมีมาตรการต่างๆ ออกมา การขยายตัวของธุรกิจนี้ก็ยังต้องอาศัยอีกหลายปัจจัยมาเป็นตัวประกอบ เช่น การขยายตัวทางเศรษฐกิจ รวมทั้งปัจจัยภายนอกที่มี ผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ ฯลฯ
"เชื่อว่ามาตรการกระตุ้นด้วยการหักลด หย่อนภาษีรอบนี้จะช่วยระบายบ้านในสต๊อกของผู้ประกอบการได้มาก โดยเฉพาะคอนโดฯในเมืองราคา 1-2 ล้านบาท"
ขณะที่ "ประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต" กรรมการและรองกรรมการ ผู้จัดการ บมจ.พฤกษาฯ กล่าวว่า มาตรการลดหย่อนภาษีกระตุ้นภาคอสังหาฯได้อย่างมาก เพราะเหมือนกับรัฐบาลลดราคาที่อยู่อาศัยให้ผู้ซื้อผ่านมาตรการภาษีของรัฐหาก คิดคำนวณส่วนลดที่ลูกค้าจะได้รับ จากมาตรการ นำค่าซื้อบ้านและดอกเบี้ย ซื้อบ้านไปหักลดหย่อนภาษี น่าจะอยู่ที่ ระดับ 1-5% ของราคาบ้าน แต่ขึ้นอยู่กับโครงสร้างรายได้และภาษีที่ผู้ซื้อจะต้อง จ่ายด้วย
เช่น เดียวกับมุมมองของ "อิสระ บุญยัง" กรรมการผู้จัดการ บริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ที่บอกว่านับตั้งแต่มาตรการกระตุ้นอสังหาฯออกมาส่งผลกระทบด้านบวกต่อธุรกิจ อสังหาฯ ในแง่ของจำนวนผู้เยี่ยมชมโครงการที่เพิ่มสูงขึ้นจากช่วงก่อนหน้านี้ 10-20% แต่ยอดขายยังไม่ได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากติดวันหยุดช่วงเทศกาลตรุษจีน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า 1-2 สัปดาห์จากนี้เป็นต้นไปผู้ประกอบการทุกรายจะเริ่มยิงแคมเปญกระตุ้นการขาย โดยส่วนใหญ่จะหยิบเอามาตรการกระตุ้นมาใช้ ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ที่จะได้เห็นมากที่สุดคือการลดแลกแจกแถมโดยการนำส่วนลดด้านภาษีที่ได้จากภาค รัฐมาใช้ทำแคมเปญกระตุ้นการขาย
"แม้จะมีมาตรการกระตุ้นแต่เรายังเน้น การลงทุนแบบคอนเซอร์เวทีฟ ไม่บุ่มบ่าม เพราะปีนี้จะไม่เน้นเติบโต แต่ตั้งเป้ายอดขายไว้เท่าปี"51 ที่ 800 ล้านบาท และขยายโครงการใหม่เพิ่มเพียง 2 โครงการเท่านั้น เนื่องจากต้องการรอดูสถานการณ์ก่อน"
"ไพโรจน์ สุขจั่น" ประธานและกรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัทบัวทอง พร็อพเพอร์ตี้ มองว่าสถานการณ์โดยรวมเริ่มดีขึ้นเป็นลำดับแล้ว โดยเฉพาะจำนวนลูกค้าที่เข้าเยี่ยมชมแต่ละโครงการที่เพิ่มขึ้น มาจากความเชื่อมั่นที่เริ่มกลับคืนมา หลังสถานการณ์การเมืองคลี่คลายลง ส่วนยอดขายช่วงนี้ยังไม่สามารถประเมินตัวเลขได้ แต่น่ากระเตื้องขึ้นระดับหนึ่ง ไม่ถึงกับหวือหวามากนัก เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมไม่ดีนัก หากภาพรวม เป็นอย่างนี้ต่อไป ยังพอประคับประคองธุรกิจให้อยู่รอดและผ่านพ้นวิกฤตได้ อย่าให้มีปัญหาด้านการเมืองเข้ามาซ้ำเติม ก็พอ เพราะในสายตาการเมืองจะกระทบธุรกิจหลายเด้ง
ขณะที่ "สุนทร สถาพร" กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฉลิมนคร จำกัด ผู้พัฒนาโครงการบ้านสถาพร รังสิต คลอง 3 กล่าวในทำนองเดียวกันว่า มาตรการลดหย่อนภาษีได้รับการตอบสนองจากประชาชนที่เตรียมหรืออยู่ระหว่าง ตัดสินใจซื้อบ้านดีพอสมควร สังเกตจากในวันรุ่งขึ้นหลังรัฐบาลประกาศใช้มาตรการ มีจำนวนลูกค้าแวะเยี่ยมชมบ้านตัวอย่างในไซต์โครงการเพิ่มขึ้นจากปกติ 2-3 ราย ที่โทรศัพท์เข้าไปสอบถามก็มีมากเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินผลว่ามาตรการช่วยกระตุ้นให้แต่ละบริษัทมี ยอดขายบ้านเพิ่มขึ้นหรือไม่ เพราะนอกจากภาวะเศรษฐกิจแล้ว ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อบ้านยังรวมถึงความมั่นคงในหน้าที่การงานและ รายได้ จึงต้องรอดูผลตอบรับในงานมหกรรมบ้านและคอนโดที่จะจัดขึ้นช่วงเดือน กุมภาพันธ์นี้ด้วยว่าจะมียอดจองบ้านในงานคึกคักหรือไม่
"เบื้องต้น ผมมองว่ามาตรการใหม่ที่ออกมาน่าจะเป็นยากระตุ้นอสังหาฯที่ดี เชื่อว่าเร็วๆ นี้ผู้ประกอบการน่าจะมี แคมเปญใหม่ๆ ออกมาเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ ส่วนหนึ่งเพื่อเป็นการระบายบ้านพร้อมอยู่ในสต๊อกที่ค้างจากช่วงปลายปีที่ ผ่านมา" |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 29-01-2552
|
|
|
|
|