| freesplans.com | ศูนย์รวมแบบบ้าน และ ตกแต่ง หลากหลายสไตล์
ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป
: : g o  t o  m a i n p a g e : :
สถาปัตยกรรม | ตกแต่งภายใน | ดีไซน์-แกลอรี่ | แบบบ้านสวย | แนะนำ-ติชม | ถาม-ตอบ เรื่องบ้าน | ติดต่อเรา 
ขณะนี้มีผู้ชมอยู่ 63 ท่าน 
FreeSplanS MENU
Profession Search
+ งานสถาปัตยกรรม
+ งานวิศวกรรม
+ งานรับเหมาก่อสร้าง
+ งานรับเหมาเฉพาะด้าน
+ งานออกแบบ
+ งานอสังหาริมทรัพย์
+ งานบริการอาคาร
C a l c u l a t o r . . .
+ คำนวณปริมาณคอนกรีต
+ คำนวณปริมาณการใช้สี
+ คำนวณปริมาณกระเบี้องปูพื้นและผนัง
+ คำนวณปริมาณวอลเปเปอร์
+ คำนวณปริมาณ BTU แอร์
D o w n l o a d s . . .
+ Agreement & Forms
+ Program Utilities
+ Windows Font

 

Link to us!!!
Link to US!!!






ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง
 
กด Like เป็นกำลังใจให้เว็บด้วยนะค่ะ
| ข่าวทั้งหมด |

 fp 07-01-2552    อ่าน 11499
 โอกาสทองของผู้ซื้อ ''บ้าน''

ท่ามกลางปัจจัยรุมเร้าเศรษฐกิจไทยรอบด้าน และต่อเนื่องตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ภาคธุรกิจเกือบทุกเซ็กเตอร์ได้รับผลกระทบดังกล่าวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริม ทรัพย์ มียอดตัวเลขบ้านจดทะเบียนใหม่ลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยปี 2550 มีบ้านจดทะเบียนใหม่เขตกทม.และปริมณฑล จำนวน 74,221 หน่วย ขณะที่ปี 2551 มีบ้านจดทะเบียนใหม่เพียง 56,690 หน่วย ลดลงไปกว่า 20%

อย่างไรก็ดีท่ามกลางวิกฤติดังกล่าว หากมองกลับกันในปี 2552 นี้กลับมีปัจจัยบวกต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หลากหลาย ทั้งเรื่องของอัตราดอกเบี้ย, ราคาน้ำมัน, วัสดุก่อสร้าง และแรงงาน มีทิศทางเกื้อหนุนต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ นับเป็นโอกาสทองของผู้บริโภคที่มีความต้องการที่จะซื้อที่อยู่อาศัยอย่างแท้จริง



ชูอสังหาฯขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

ทั้งนี้หากย้อนไปในปี 2540 ที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจหรือที่เรียกว่า "ต้มยำกุ้ง" รัฐบาลเมื่อครั้งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ใช้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการออกมาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมซื้อขายอสังหาริมทรัพย์เข้ามาช่วย ได้แก่ ลดหย่อนค่าธรรมเนียมในการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยจากปกติเรียกเก็บในอัตราร้อยละ 2 ของมูลค่าซื้อขาย ปรับลดลงเพียงร้อยละ 0.01 ค่าธรรมเนียมในการจดจำนองร้อยละ 1 เหลือร้อยละ 0.01 และค่าภาษีธุรกิจเฉพาะจากปกติร้อยละ 3.3 เหลือร้อยละ 0.1 ซึ่งก็ส่งผลให้เศรษฐกิจในปี 2545 ฟื้นขึ้นทันตา!

ขณะเดียวกัน หลังจากรัฐบาลชุดนายสมัคร สุนทรเวช เข้ามาบริหารประเทศเมื่อช่วงต้นปี 2551 ที่ผ่านมา ได้ดำเนินนโยบายกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยใช้มาตรการเรื่องของภาษีเข้ามาแก้กระตุ้นเศรษฐกิจอีกครั้ง มีผลบังคับใช้เป็นเวลา 1 ปี เริ่มตั้งแต่เมื่อวันที่ 28 มี.ค. 2551 และไปสิ้นสุดในเดือนมี.ค. ปี 2552 แต่ที่ผ่านมาไม่ได้ผลเท่าที่ควรเพราะค่าครองชีพที่สูงขึ้นจากปัญหาเงินเฟ้อส่งผลให้ความสามารถในการซื้อบ้านของผู้บริโภคลดลงจนรัฐบาลสมัคร ต้องออก 6 มาตรการออกมาเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน!ของประชาชน

นอกจากนั้นแล้วจากปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศถึงขั้นที่มีการปิดสนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมืองซึ่งเปรียบเสมือนอู่ข้าวอู่น้ำของประเทศ ทำให้รัฐบาลชุดใหม่ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ต้องรีบออกมาตรการต่างๆ มาฟื้นฟูเศรษฐกิจเป็นการเร่งด่วนซึ่งก็คงหนีไม่พ้นการใช้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพราะเคยใช้ได้ผลดีมาแล้วทุกครั้ง

ปีทองของคนยากมีบ้าน

ดังนั้นในปี 2552 จึงถือเป็นช่วงจังหวะที่ดีของผู้ที่ต้องการซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัยอย่างแท้จริง ด้วยจะมีมาตรการต่างๆ เข้ามาเอื้อประโยชน์ให้กับผู้บริโภค อย่างแรกคือการต่ออายุมาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการซื้อขายบ้านออกไปอีก 1 ปี จากรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ (นายกรัฐมนตรีคนที่ 26 ต่อจากนายสมัคร สุนทรเวช) โดยจะมีระยะเวลาได้รับสิทธิ์จนถึงเดือนมีนาคม 2553 ซึ่งก็จะช่วยให้ผู้บริโภคที่ซื้อบ้านประหยัดค่าใช้จ่ายในการโอนและจดจำนองลงไปรวมกันเหลือร้อยละ 0.02 จากเดิมที่ต้องเสียประมาณร้อยละ 2

ประการที่สองจากปัญหาวิกฤติการส่งออกและท่องเที่ยวของไทยจากการปิดสนามบิน ผนวกกับมรสุมการเงินโลกลูกใหม่ที่กำลังถาโถมเข้ามาในปี 52 ทำให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย ต้องใช้ยาแรงด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (อาร์/พี) ลง 1% จากที่ก่อนหน้านี้หากจะมีการปรับลดลงก็เพียง 0.25 ต่อครั้งเท่านั้นเพราะกลัวว่าเศรษฐกิจในปีหน้าจะถึงกับเข้าขั้นโคม่า และก็มีแนวโน้มว่าอัตราดอกเบี้ยอาร์/พีในปีหน้าอาจจะลดลงอีกเพื่อให้ธนาคารพาณิชย์ลดดอกเบี้ยลงตามซึ่งจะเป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการผ่อนบ้านให้กับผู้บริโภคและมีสภาพคล่องในการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น



ปชป.ต่อยอดมาตรการกระตุ้น

ล่าสุด เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2551 ที่ผ่านมา นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) มีนโยบายกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยผู้บริโภคที่ซื้อบ้านใหม่ในปี 2552 จะสามารถนำภาระดอกเบี้ยจากการผ่อนชำระบ้านมาหักลดหย่อนภาษีได้มากขึ้นจากเดิมที่กรมสรรพากรให้นำมาหักได้วงเงินไม่เกิน 100,000 บาทต่อปีเพิ่มเป็นมากกว่า 200,000 บาทต่อปี โดยเน้นไปที่บ้านราคาต่ำกว่า 8 ล้านบาทลงมา และได้สั่งการให้ธนาคารของรัฐทุกแห่งเตรียมปล่อยสินเชื่อให้ประชาชนและผู้ประกอบการมากขึ้นซึ่งก็เป็นสัญญาณที่ดีว่าภาครัฐเข้าใจความสำคัญของธุรกิจอสังหาฯ นอกจากนี้ ผลจากการที่ราคาน้ำมันปรับตัวลงมามาก ยังทำให้ต้นทุนค่าก่อสร้างของผู้ประกอบการอสังหาฯต่ำลงกว่าในปี 2551

โดยนายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมอาคารชุดไทย และรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เป็นโอกาสของผู้บริโภคที่จะได้ซื้อบ้านเดี่ยว 2 ชั้นในราคาไม่ถึง 2 ล้านบาท ซึ่งในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาในตลาดแทบจะไม่ได้เห็นราคาบ้านเดี่ยว 2 ชั้นราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาทเลย นอกจากนั้นแล้ว ผู้บริโภคยังได้รับของแถมและส่วนลดต่างๆ มากมายจากการแข่งขันของผู้ประกอบการรายใหญ่ ซึ่งหากเป็นช่วงที่ดีมานด์มากกว่าซัพพลาย แคมเปญโปรโมชันต่างๆ เหล่านี้แทบจะไม่เห็นกันเลย

สำหรับอาคารชุดนั้นในปีหน้าจะมีห้องชุดที่นำกลับมารีเซลล์ใหม่อีกครั้ง เชื่อว่าหากเป็นทำเลที่ไม่ได้อยู่ตามแนวรถไฟฟ้าเมื่อนำกลับมาขายอีกครั้งจะมีราคาที่ถูกกว่าเมื่อตอนเปิดตัวขายในครั้งแรก ส่วนโครงการใหม่ก็มีแนวโน้มราคาห้องชุดจะถูกลงเพราะต้นทุนค่าก่อสร้างที่ลดลงตามราคาน้ำมัน โดยห้องชุดของศุภาลัยที่จะออกสู่ตลาดในปีหน้าก็จะถูกกว่าปี 2551 ประมาณ 5-10%

ขณะที่นายธำรง ปัญญาสกุลวงศ์ อุปนายกสมาคมอาคารชุดไทยกล่าวว่า ทาง 3 สมาคมบ้านอันประกอบไปด้วยสมาคมอาคารชุดไทย สมาคมบ้านจัดสรร สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย จะเข้าไปพบกับรองนายกรัฐมนตรี นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เพื่อเข้าไปเสนอแนะเกี่ยวกับเรื่องการใช้อัตราดอกเบี้ยกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งจะทำให้ภาคอสังหาฯ ฟื้นทั้งระบบ เพราะอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำจะช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อบ้านของผู้บริโภคด้วย

ทั้งนี้ ผู้บริโภคหลายท่านอาจจะสงสัยว่า ทำไมรัฐบาลต้องใช้ธุรกิจอสังหาฯเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่เป็นเช่นนี้เพราะธุรกิจอสังหาฯ มีความเกี่ยวเนื่องกับสินค้าอื่นๆ มากมาย เช่น เมื่อมีการซื้อบ้านก็ต้องมีการซื้อเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ของตกแต่งบ้าน มีการบริโภคอิฐ หิน ดิน ทราย ปูนซีเมนต์ เหล็ก สุขภัณฑ์ สี เพื่อใช้ในการก่อสร้างและก่อให้เกิดการจ้างงานในอุตสาหกรรมก่อสร้างและอุตสาหกรรมอื่นๆ ตามมา เมื่อประชาชนมีงานทำมีรายได้ก็กลับกลายมาเป็นเม็ดเงินในการอุปโภคบริโภคกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศอีกที

อย่างไรก็ดี สำหรับทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2552 หากรัฐบาลไม่มีมาตรการที่ชัดเจนมากระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวและฟื้นความมั่นใจให้กับผู้บริโภค เชื่อว่าปีหน้าจะเป็นอีกปีหนึ่งที่ธุรกิจอสังหาฯต้องประสบกับภาวะวิกฤติกำลังซื้อชะลอตัวอย่างแน่นอนแต่จะแย่หรือดีกว่าปี 2540 หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับนโยบายการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลซึ่งก็ได้แต่หวังว่าให้ปัญหาการเมืองภายในประเทศจะนิ่งเสียที!!!
  
ที่มา
[ ฐานเศรษฐกิจ ] วันที่ 07-01-2552 

ค้นหาข่าวด้วยรหัส

รหัส








webmaster คลิกที่นี่

Copyright 2002 freesplans Design solution, Inc.