| freesplans.com | ศูนย์รวมแบบบ้าน และ ตกแต่ง หลากหลายสไตล์
ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป
: : g o  t o  m a i n p a g e : :
สถาปัตยกรรม | ตกแต่งภายใน | ดีไซน์-แกลอรี่ | แบบบ้านสวย | แนะนำ-ติชม | ถาม-ตอบ เรื่องบ้าน | ติดต่อเรา 
ขณะนี้มีผู้ชมอยู่ 118 ท่าน 
FreeSplanS MENU
Profession Search
+ งานสถาปัตยกรรม
+ งานวิศวกรรม
+ งานรับเหมาก่อสร้าง
+ งานรับเหมาเฉพาะด้าน
+ งานออกแบบ
+ งานอสังหาริมทรัพย์
+ งานบริการอาคาร
C a l c u l a t o r . . .
+ คำนวณปริมาณคอนกรีต
+ คำนวณปริมาณการใช้สี
+ คำนวณปริมาณกระเบี้องปูพื้นและผนัง
+ คำนวณปริมาณวอลเปเปอร์
+ คำนวณปริมาณ BTU แอร์
D o w n l o a d s . . .
+ Agreement & Forms
+ Program Utilities
+ Windows Font

 

Link to us!!!
Link to US!!!






ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง
 
กด Like เป็นกำลังใจให้เว็บด้วยนะค่ะ
| ข่าวทั้งหมด |

 fp 14-12-2551    อ่าน 11507
  รับสร้างบ้านแห่ตุนยอดข้ามปี >ประเมินตลาดหด 10-20% ชี้กลุ่มลูกค้า 1-10 ล้านกระทบหนัก

3 บิ๊กธุรกิจรับสร้างบ้านฟันธงสถานการณ์ปี 52 ตลาดรวมหดตัวลง 10-20% เหตุธุรกิจส่งออก-ท่องเที่ยวทรุดหนัก กำลังซื้อบ้านระดับบน 15-30 ล้านบาทหาย /ตลาดล่างแบงก์ลดเครดิตปล่อยเพียง 50-85% พร้อมตุนยอดขายล่วงหน้าแล้วครึ่งปี ระบุขอแค่รักษายอดขายเดิมเอาไว้

นายปราโมทย์ ธีรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฟร์พัฒนา จำกัด เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่าจากปัญหาวิกฤติการเงินโลกที่จะส่งผลกระทบในหลายๆประเทศ ในตลาดรับสร้างบ้านของไทยเชื่อว่ากระทบพอสมควรโดยบ้านระดับราคา 1-6 ล้านบาท และ 5-10 ล้านบาท กำลังซื้อจะชะลอลงและบ้านราคา 1-3 ล้านบาท จะมีปัญหาทางด้านสินเชื่อเพราะแบงก์ประเมินคุณสมบัติผู้กู้ลดลงจากเดิมเคยให้ 85% ของหลักทรัพย์ค้ำประกันเหลือเพียง 70% และบางรายให้เพียง 50% และยังลงลึกพิจารณาไปถึงคุณสมบัติของครอบครัวลูกค้าด้วยซึ่งกลุ่มดังกล่าวบ้านระดับราคา 1-2 ล้านบาทมีสัดส่วนอยู่ในตลาดถึง 50% นอกจากนั้นแล้วบ้านระดับราคา 4 ล้านบาทที่ใช้ระบบก่อสร้างสำเร็จรูปจะมีการแข่งขันสูงเพราะต้องมียอดขายที่มากพอจึงจะทำให้ต้นทุนในการ..ชิ้นส่วนสำเร็จรูปต่ำ

อย่างไรก็ตาม ในปีหน้ามูลค่าตลาดรวม (เฉพาะสมาชิกในสมาคมรับสร้างบ้าน) บริษัทก็หวังว่าการใช้กลยุทธ์ตลาดเชิงรุกของสมาคมรับสร้างบ้านและปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่ยุติลงจะทำให้ตลาดมีแนวโน้มที่ดีขึ้นโดยในส่วนของโฟร์พัฒนาเองตั้งเป้ายอดขายปี 52 เท่ากับปีนี้คือ 505 ล้านบาท ซึ่งไม่หวังโตขอเพียงแค่ให้รักษายอดขายไว้เท่าเดิมเท่านั้น สำหรับยอดขายในปี 2551 นี้คาดว่าจะต่ำกว่าเป้า 2-4% หรืออยู่ที่ 490 ล้านบาท

สำหรับแผนปีหน้าจะรุกตลาดในกลุ่มบ้านระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไปที่บริษัทมีบริการออกแบบบ้านให้เฉพาะหลัง เพราะที่ผ่านมาได้รับการตอบรับที่ดี ลูกค้าใช้เงินกู้เพียง 10% เท่านั้น และรุกตลาดแบบบ้านใน 4 ซีรีส์ ที่เป็นบ้านออกแบบใหม่พร้อมอยู่แบบเบ็ดเสร็จที่นำสัญญา 3 ส่วนทั้งออกแบบ ตกแต่ง และก่อสร้าง มารวมเป็นแพ็กเกจอยู่ในสัญญาเดียวกันทำให้ลดระยะเวลาในการก่อสร้างลง 6 เดือนและประหยัดค่าใช้จ่ายลง 10% อีกทั้งจะใช้จ่ายงบอย่างระมัดระวังพร้อมสร้างความน่าเชื่อถือให้กับองค์กร อย่างไรก็ดี ในปีนี้บริษัทได้ตุนยอดขายเอาไว้แล้ว 200 ล้านบาท ยังเหลือยอดที่ต้องทำในปีหน้าอีก 300 ล้านบาทซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

ด้านนายสุธี เกตุศิริ กรรมการผู้จัดการ กลุ่ม บิวท์ทูบิวด์ กล่าวว่า เชื่อว่าผู้ประกอบการที่มีแบรนด์จะมีความได้เปรียบเพราะผู้บริโภคกลัวว่าผู้รับเหมาทั่วไปจะทิ้งงาน แต่ภาพลักษณ์ของบริษัทรับสร้างบ้านอาจเสียได้หากในปีหน้ามีการทำสงครามราคาเพราะจะได้งานก่อสร้างที่ไม่มีคุณภาพซึ่งขณะนี้มีผู้ประกอบการหลายรายนำเรื่องราคามาเป็นกลยุทธ์ในการแข่งขัน สำหรับกลุ่มบิวท์ทูบิวด์ในปีมียอดขาย 650 ล้านบาท และปีหน้าได้วางยอดขายไว้ที่ 700 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นยอดขายของบิวท์ทูบิวด์ 350 ล้านบาท เทียบเท่ากับปีนี้ และบางกอกเฮ้าส์ บิวเดอร์ ตั้งไว้ที่ 350 ล้านบาทจากยอดขาย 300 ล้านบาทในปี 2551 โดยในปี 2552 จะเน้นตลาดในบ้านราคา 3-5 ล้านบาทที่บางกอกเฮ้าส์ทำตลาดอยู่ ส่วนตลาดรับสร้างบ้านระดับราคา 5 ล้านบาทขึ้นไปที่บิวท์ ทำตลาดอยู่เชื่อว่าตลาดจะหดตัวลงตามกำลังซื้อที่ได้รับผลกระทบในปีหน้า ซึ่งแผนธุรกิจที่บริษัทต้องตั้งรับในปีหน้าคือการปรับสินค้าให้มีความสอดคล้องกับกำลังซื้อของปี 2552 , หาช่องว่างตลาดที่ยังขาดอยู่และยังมีโอกาสทางการตลาด, ใช้งบประมาณในการทำตลาดให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด , ตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น, พัฒนาบุคลากร และสินค้า

ขณะที่นายศักดา โควิสุทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท รอแยลเฮ้าส์ จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านของสมาคมน่าจะหดตัวลง 20% ซึ่งบริษัทได้เตรียมรับมือในสองเรื่องคือให้พนักงานของบริษัททำหน้าที่เป็นฝ่ายขายด้วย และตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น โดยกลุ่มที่ยังมีกำลังซื้อดีอยู่คือ 7-15 ล้านบาทขึ้นไป เพราะระดับกลาง-บนได้รับผลกระทบน้อย ส่วนระดับล่าง-ไฮเอนด์ได้รับผลกระทบมากหน่อยเพราะเป็นเจ้าของธุรกิจส่งออกและกลุ่มระดับล่างเป็นกลุ่มที่ต้องขอสินเชื่อแบงก์ ทั้งนี้เชื่อว่าในปีหน้าผู้บริโภคจะหันมาสร้างบ้านกับบริษัทรับสร้างบ้านมากขึ้น

สำหรับนายสุรัตน์ชัย อึงฮะกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดิเอ็มเพอเร่อร์ จำกัด กล่าวถึงตลาดรับสร้างบ้านระดับไฮเอนด์ว่า กำลังซื้อบ้านระดับ 15-30 ล้านบาทอาจจะหายไปเพราะเป็นกลุ่มที่ทำธุรกิจส่งออก แต่ระดับราคา 30 ล้านบาทขึ้นไปเป็นกลุ่มที่มีเงินเย็นมากพอที่จะสร้างได้ นอกจากนั้นยังมีกลุ่มเจ้าของธุรกิจเกี่ยวกับคอนซูเมอร์ที่พึ่งพาการบริโภคภายในประเทศด้วย โดยกำลังซื้อจะหดตัวในตลาดระดับล่าง ทั้งนี้เชื่อว่ามูลค่าตลาดรวม 53,000 ล้านบาท (รวมรับเหมาก่อสร้างรายย่อย) จะหดตัวลง 10-15% ลงมาเหลืออยู่ที่ 40,000 บาท ส่วนมูลค่าเฉพาะบริษัทรับสร้างบ้านน่าจะประคองตัว 8,500 ล้านบาทหรือไม่เกิน 10% แต่ทั้งนี้หากบริษัทรับสร้างบ้านสามารถเข้าไปกินส่วนแบ่งตลาดของผู้รับเหมาสร้างบ้านรายย่อยได้ก็จะทำให้มูลค่าตลาดของกลุ่มรับสร้างบ้านไม่หดตัวลงและมีสิทธิ์เติบโตได้อีกด้วย

สำหรับบริษัท ขณะนี้จับตลาดกลุ่มลูกค้าที่ทำธุรกิจคอนซูเมอร์และพึ่งพาการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งล่าสุดมีเจ้าของฟาร์มไข่มาให้บริษัทสร้างบ้านให้ โดยในปีหน้าบริษัทก็คงเหมือนกับผู้ประกอบการรายอื่นๆคือประคองยอดขายเดิมเอาไว้ซึ่งปีนี้บริษัททำยอดขายได้ที่ 250 ล้านบาท โดยขณะนี้บริษัทได้กำลังจะมียอดขายเข้ามาในมือรองรับไว้ปีหน้า 200 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากยอดขาย 3-4 ราย

อนึ่งฝ่ายวิจัยและพัฒนา บริษัท ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป จำกัด หรือ พีดีเฮ้าส์ ประเมินว่าปี 2552 บ้านสร้างเองประเภทบ้านเดี่ยวจดทะเบียนใหม่คาดว่าจะลดลงประมาณ 10% หรือคิดเป็นจำนวนประมาณ 16,900 หน่วยเศษ เมื่อเปรียบเทียบสัดส่วนกับปี 2551 สำหรับปริมาณหรือส่วนแบ่งตลาดรับสร้างบ้าน คาดว่าจะชะลอตัวเป็นไปในทิศทางเดียวกัน แต่อาจจะไม่ลดลงในสัดส่วนเดียวกับภาพรวมของบ้านสร้างเอง เนื่องจากประเมินว่าผู้ประกอบการรับสร้างบ้านจะมีการปรับตัวและสร้างการยอมรับแก่ผู้บริโภคดีขึ้น ทั้งนี้เพื่อหวังแชร์ส่วนแบ่งตลาดและแข่งขันกับกลุ่มผู้รับเหมาทั่วไป รวมถึงมีการขยายตลาดหรือหากำลังซื้อใหม่ๆมาชดเชยตลาดหรือกำลังซื้อที่หดหายไป

อย่างไรก็ดี ประเมินว่าปริมาณและมูลค่าตลาดรับสร้างบ้าน ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลและจังหวัดใกล้เคียงปี 2552 คาดว่าน่าจะลดลงเฉลี่ยประมาณ 8-10% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2551 ที่ประเมินมูลค่าตลาดรับสร้างบ้านไว้ประมาณ 7,800 ล้านบาทเศษหรือคิดเป็นจำนวนประมาณ 3,000 หน่วยเศษ
  
ที่มา
[ ฐานเศรษฐกิจ ] วันที่ 14-12-2551 

ค้นหาข่าวด้วยรหัส

รหัส








webmaster คลิกที่นี่

Copyright 2002 freesplans Design solution, Inc.