|
Link
to us!!!
|
| ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
|
| "รับสร้างบ้าน" ตั้งการ์ดรับความเสี่ยง ยุคเศรษฐกิจไร้ปัจจัยบวกหนุน |
|
คอลัมน์ Home Builder Focus
ภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบันที่มีผลกระทบจากปัจจัยลบรุมเร้าทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ ทุกคนต่างรับรู้ว่าแนวโน้มธุรกิจในปีหน้าคงไม่สดใส การตั้งรับหรือวางแผนรับมือกับภาวะเศรษฐกิจที่ไร้ปัจจัยบวกจึงถือเป็นสิ่งสำคัญ ไม่เว้นแม้แต่ธุรกิจรับสร้างบ้าน ที่ว่ากันว่าลูกค้ามีความมั่นคงทางรายได้สูง
เพราะไม่มีใครคาดเดาได้ว่า "ปัจจัยภายใน" ท่ามกลางภาวะการเมืองผันผวน หรือ "ปัจจัยภายนอก" จากเศรษฐกิจโลกที่อาจได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ จะส่งผลต่อภาคธุรกิจอย่างไรบ้าง ดังนั้นถ้าหากสูตรสำเร็จในการทำธุรกิจนับจากนี้คือต้องทำแบบประคองตัว แต่ก็ยังมีคำถามตามมาอีกว่า ประคองตัวอย่างไรให้อยู่รอดได้จริงๆ
หัวใจอยู่ที่ทีมงาน
กับความเห็นของ "ศักดา โควิสุทธิ์" กรรมการกิตติมศักดิ์และอดีตนายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ให้มุมมองว่า การ ปรับตัวของธุรกิจรับสร้างบ้านเป็นสิ่งจำเป็น และต้องไม่รอให้สถานการณ์เศรษฐกิจชะลอตัวจึงค่อยคิดวางแผน หากแต่ต้องลงมือทำตลอดเวลา โดยเฉพาะการพัฒนา "บุคลากร" ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญ
"ศักดา" เปรียบเทียบกับภาคการผลิต "ทีมช่าง" ก็เปรียบได้กับเครื่องจักรที่ใช้ผลิตสินค้า ถ้ามีการฝึกอบรมพัฒนาประสิทธิภาพอยู่ตลอดเวลาก็สามารถสร้างบ้านซึ่งเปรียบได้กับสินค้าชิ้นหนึ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีจุดบกพร่องน้อยหรือไม่มีเลย ถ้าบริษัทรับสร้างบ้านรายนั้นๆ สร้างบ้านที่มีคุณภาพ ก็ย่อมเป็นตัวเลือกแรกๆ ที่ลูกค้านึกถึง
ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจในปีหน้า การประเมินสถานการณ์ระหว่าง "ทรงตัว" กับ "แย่ลง" อดีตนายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านยังไม่กล้าฟันธง อย่างไรก็ตามจากประสบการณ์ที่เคยผ่านการทำธุรกิจรับสร้างบ้านช่วงวิกฤตปี 2540 เมื่อผ่านมาได้แล้ว ก็คงไม่มีสถานการณ์ที่แย่ไปกว่าช่วงนั้นอีกแล้ว
ต้องรักษาวินัยการเงิน
ส่วน "ปราโมทย์ ธีรกุล" กรรมการ ผู้จัดการบริษัท "โฟร์พัฒนา" และอดีตนายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านคนแรกที่อยู่ในวงการนี้มานานเกือบ 30 ปี แนะนำว่า การตั้งการ์ดรับความเสี่ยงเศรษฐกิจที่ขาดปัจจัยบวกมีอยู่ 2 ข้อ 1)ต้องมีวินัยทางการเงิน และ 2)อย่ารับงานเกินตัวเพราะอาจมีความเสี่ยงเมื่อราคาวัสดุผันผวน
ถึงแม้ปัจจุบันสถานการณ์ราคาน้ำมันและวัสดุเริ่มนิ่ง โดยจากการเก็บข้อมูลพบว่าดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างหลักในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ปรับขึ้นเพียง 0.2% เท่านั้น แต่ก็คงไม่สามารถประเมินได้ว่าใน ปีหน้าราคาวัสดุจะทรงตัวต่อเนื่องหรือไม่
ส่วนการออกบูทตามศูนย์การค้าเพื่อเข้าหากลุ่มลูกค้า ซึ่งโฟร์พัฒนานับเป็นบริษัทรับสร้างบ้านรายแรกๆ ที่ทำกิจกรรมลักษณะนี้ จำเป็นต้องจัดเตรียมงบประมาณพอสมควร โดยปีนี้โฟร์พัฒนาได้ออกบูท 2 ครั้ง ในช่วงกลางปีที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลลาดพร้าวและปิ่นเกล้า เบ็ดเสร็จใช้งบประมาณ 4 ล้านบาท แต่สามารถปิดการขายลูกค้าได้ประมาณ 100 ล้านบาท เพราะฉะนั้น เคล็ด (ไม่) ลับ ก็คือต้องมีงบฯโฆษณาประชาสัมพันธ์เตรียมไว้ส่วนหนึ่งด้วย
โฟกัสกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
ด้าน "สุธี เกตุศิริ" บิ๊กบอสของบริษัทรับสร้างบ้าน "บิวท์ ทู บิวด์" ชี้ว่า สถานการณ์การเมืองภายหลังได้นายกรัฐมนตรีคงดีขึ้นบ้าง แต่ก็คงไม่ถึงกับคลี่คลายลงทั้งหมด บวกกับการล้มละลายของกลุ่มเลห์แมนฯในประเทศอเมริกาน่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก ดังนั้น นับตั้งแต่ปลายปีนี้ภาคธุรกิจคงต้องเจองานหนักมากขึ้น
สำหรับทางออกของธุรกิจรับสร้างบ้านในภาวะไร้ปัจจัยบวกสนับสนุน ประกอบด้วย 1)ต้องโฟกัสเฉพาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของตัวเอง 2)พัฒนาแบบบ้าน ให้ตรงกับความต้องการกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และ 3)เลือกใช้สื่อให้ตรงกับกลุ่มลูกค้า
ขณะที่ "สิทธิพร สุวรรณสุต" ซีอีโอของบริษัท "ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป" ที่กำลังไปได้ดีกับการขยายตลาดรับสร้างบ้านในต่างจังหวัด ให้ความเห็นว่า ตลาดรับสร้างบ้านในกรุงเทพฯค่อนข้างอ่อนไหวกับสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น เนื่องจากรับรู้ข้อมูลข่าวสารตลอดเวลา ต่างจากตลาด รับสร้างบ้านต่างจังหวัดหลังจากบุกตลาด มานานหลายปี
ตัวอย่างล่าสุดจากการไปออกบูทเพื่อประชาสัมพันธ์การขยายธุรกิจของบริษัทในรูปแบบแฟรนไชส์ในจังหวัดอุบลราชธานี ปรากฏว่ามีลูกค้าที่มีความต้องการปลูกสร้างบ้านเข้ามาสอบถามมากกว่า 10 ราย
สะท้อนว่ากำลังซื้อยังมี แต่ต้องโฟกัสกลุ่มลูกค้าให้ถูกต้องนั่นเอง |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 02-10-2551
|
|
|
|
|
