| freesplans.com | ศูนย์รวมแบบบ้าน และ ตกแต่ง หลากหลายสไตล์
ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป
: : g o  t o  m a i n p a g e : :
สถาปัตยกรรม | ตกแต่งภายใน | ดีไซน์-แกลอรี่ | แบบบ้านสวย | แนะนำ-ติชม | ถาม-ตอบ เรื่องบ้าน | ติดต่อเรา 
ขณะนี้มีผู้ชมอยู่ 5 ท่าน 
FreeSplanS MENU
Profession Search
+ งานสถาปัตยกรรม
+ งานวิศวกรรม
+ งานรับเหมาก่อสร้าง
+ งานรับเหมาเฉพาะด้าน
+ งานออกแบบ
+ งานอสังหาริมทรัพย์
+ งานบริการอาคาร
C a l c u l a t o r . . .
+ คำนวณปริมาณคอนกรีต
+ คำนวณปริมาณการใช้สี
+ คำนวณปริมาณกระเบี้องปูพื้นและผนัง
+ คำนวณปริมาณวอลเปเปอร์
+ คำนวณปริมาณ BTU แอร์
D o w n l o a d s . . .
+ Agreement & Forms
+ Program Utilities
+ Windows Font

 

Link to us!!!
Link to US!!!






ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง
 
กด Like เป็นกำลังใจให้เว็บด้วยนะค่ะ
| ข่าวทั้งหมด |

 fp 15-09-2551    อ่าน 11670
 วิรัตน์ เอี้ยวอักษร กางโมเดลพลิกฟื้น KMC

สัมภาษณ์


แม้จะปฏิเสธว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับกลุ่มบริษัท กฤษดานคร จำกัด และนายวิชัย กฤษดาธานนท์ ฯลฯ ที่ถูกศาลล้มละลายกลางมีคำสั่ง พิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเมื่อกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา แต่กรณีที่เกิดขึ้นก็กระทบชิ่งถึงบริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) หรือ KMC อดีตยักษ์ใหญ่ในวงการพัฒนาที่ดิน ที่อยู่ระหว่างพลิกฟื้นสถานะองค์กรให้กลับมายืนอยู่ในระดับ แนวหน้าอีกครั้ง

เพื่อไขข้อข้องใจและสื่อให้ลูกค้า นักลงทุน ตลอดจนสาธารณชนทั่วไปได้ทราบเพื่ออัพเดตข้อมูลทั้งในส่วนของความคืบหน้าในการเจรจาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ และทิศทางที่จะก้าวไปในวันข้างหน้า "วิรัตน์ เอี้ยวอักษร" กรรมการและ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส KMC ชี้แจงผ่านทาง "ประชาชาติธุรกิจ"

- ข่าวคราว KMC เงียบหายไปนาน

เราโลว์โปรไฟล์ลงเพราะเหมือนคนมีแผลอยากจะเลียแผลให้หายดีเสียก่อน แต่จริงๆ แล้วภายในเราเคลื่อนไหวตลอด ทั้งแก้ปัญหาหนี้ ทั้งเดินหน้าธุรกิจหลักต่อเนื่อง

- เรื่องการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้

ถ้าถามว่าเราทำอะไรอยู่ ก็มีภารกิจ 2 เรื่องหลักๆ เรื่องแรก ก่อนวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 กล่าวได้ว่า KMC ติดอยู่ในท็อปทูท็อปทรีของวงการอสังหาฯ ช่วงนั้นเรามีแอสเซตค่อนข้างมาก เพราะตลาดหลักทรัพย์ฯให้ดีเวลอปเปอร์ต้องมีแอสเซต รอการพัฒนา ก็มีหนี้เพิ่มมากขึ้นด้วย หลังวิกฤตกว่าจะเดินหน้าเคลียร์หนี้ได้ ก็ปี 2545-2546 เพราะแบงก์เจ้าหนี้เองก็แย่

ตอนนั้นคิดว่าอสังหาฯจะฟื้นตัวเร็ว แต่มาฟื้นตัวอีกทีปี 2544 จึงไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก เพราะไม่มีกำลัง ตอนนี้หนี้ส่วนใหญ่เคลียร์จบแล้ว มีเจ้าหนี้รายใหญ่แค่ 3 ราย คือ บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) กลุ่มธนชาต และหนี้ซินดิเคทโลน ล่าสุดมีหนี้เหลือราว 1.8-2 พันล้าน บาท อีกไม่กี่ปีจะเคลียร์ได้ทั้งหมด

- ในแง่การลงทุนและการรันธุรกิจ

ถือเป็นภารกิจที่ 2 คือเป็นการออนโกธุรกิจ ก็คิดว่าในช่วงที่กำลังเราน้อยก็ต้องค่อยๆ ขยายธุรกิจ มองหาธุรกิจใหม่ๆ อย่างการลงทุนในบริษัทย่อยอันไหนที่คิดว่าแนวโน้มไม่ค่อยดี ทำแล้วไม่มีกำไรก็ตัดขายทิ้งเพื่อปรับโครงสร้างทางการเงิน

- ที่ดินรอการพัฒนา

มีเหลืออยู่ แต่บางส่วนเราตีโอนชำระหนี้ให้เจ้าหนี้ไปแล้ว มีทั้งในเมืองและ ต่างจังหวัด ทั้งในโครงการจัดสรร สนามกอล์ฟ บางแปลงก็มีเงื่อนไขซื้อคืน ส่วนที่ดินที่เหลืออยู่จะทยอยนำมาพัฒนา

- แผนในการพัฒนาโครงการ

จะหันมาเจาะตลาดกลุ่มสินค้าที่เป็นที่ต้องการของลูกค้ามากขึ้น ที่ผ่านมาเราเน้นพัฒนาโครงการแนวราบเป็นหลัก แต่เวลานี้มีคู่แข่งเยอะก็หันไปพัฒนาคอนโดฯบ้าง แต่จะทำสูงไม่เกิน 8 ชั้น เกาะแนวรถไฟฟ้า อย่างคอนโดฯเดอะคริส รัชดา ที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 2546-2547 แถวรัชดาฯ 17 ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก ตรงนั้นมีที่ดิน 8 ไร่ ติดเป็นหลักประกันอยู่กับกลุ่มธนชาต แคชโฟลว์มีไม่มาก ค่อยๆ ทำไป ตอนนี้ ทำถึงตึก 3 แล้ว และยังเหลือที่ดินอีก 2 พัน ตร.ว. หรือ 5 ไร่ น่าจะทำได้อีก 5 ตึก

- โครงการแนวราบระหว่างการพัฒนา

มี 7 โครงการ แต่เราหันมาจับลูกค้าระดับกลาง-ล่างมากขึ้น จากเดิมที่เน้นระดับกลาง-บนเป็นหลัก เลยต้องปรับดีไซน์กันใหม่ให้สามารถตอบสนองความต้องการและกำลังเงินของลูกค้า เดิมราคาบ้านที่ขายอยู่ 8-20 ล้านบาทขึ้นไป ก็แยกเป็น Baab Krisda บ้านกฤษดา พร้อมกับออกแบบบ้านใหม่ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทอัพ ไปจนถึง 7-8 ล้านบาท ใช้เแบรนด์ The Pride ต่อไปก็จะทำขนาดเล็กลงมาอีก เป็นบ้านแฝด ทาวน์เฮาส์ จะใช้แบรนด์ The First

- ทิศทางธุรกิจข้างหน้า

จะพยายามปรับสัดส่วนการพัฒนา ปรับสัดส่วนรายได้ จากเดิมก่อนผมเข้ามาโครงการส่วนใหญ่จะเป็นแนวราบ 80% ส่วนตึกสูงมีแค่ 20% แต่ปี 2555 ตามแผนสัดส่วนรายได้จะมาจากคอนโดฯโลว์ไรส์ 60% ส่วนโครงการแนวราบ 3 แบรนด์ จะมีเพียง 40% จะขอเป็น "สมอลแอนด์บิวตี้ฟูล" ดีกว่า และจะไม่แข่งกับใครจนกว่า จะแข็งแรงกว่านี้

- ผลประกอบการเป็นอย่างไรบ้าง

ครึ่งปีที่ผ่านมายอดขาย 600-700 ล้านบาท เรามาดูหลังลดไซต์ ถ้ามียอดขายถึง 1.2 พันล้านบาทจะมีกำไรเล็กน้อย ปีนี้ก็ใกล้เคียงตามเป้าที่ตั้งไว้แล้ว ควอเตอร์แรกมีกำไร 1 ล้านบาท จริงๆ กำไรจากการพัฒนา 20 ล้านบาท แต่โดนหักสำรอง บางส่วน ควอเตอร์ 2 หลังตัดขายบริษัทย่อยมีกำไร 30 กว่าล้านบาท

- กรณีถูกโยงกับกลุ่มกฤษดานคร

กับคุณวิชัย ผมไม่เคยรู้จักกับท่านมาก่อน แต่รู้ว่า KMC เป็นบริษัทพัฒนาที่ดินยักษ์ใหญ่ในตลาดรายหนึ่ง ผมทำงานอยู่แบงก์ไทยพาณิชย์มา 20 ปี จนได้เป็น ผู้บริหารระดับผู้จัดการฝ่าย จากนั้นก็ไปอยู่ที่ไอทีเอฟ ได้รู้จักคุณวิชัยเพราะตอนนั้นท่านเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในไอทีเอฟ แต่ไม่ได้บริหาร ต่อมาก็รู้จักคุณรัชดา (กฤษดา ธานนท์) หลังไครซิสก็ออกจากไอทีเอฟ แล้วคุณรัชดาชวนมาเป็นกรรมการอิสระที่ KMC ประมาณปี 2542-2543 แล้วไปอยู่ธนชาต จนถึงปี 2548 ก็มาร่วมงานที่ KMC อย่างเป็นทางการ

คุณวิชัยไม่ได้บริหารและไม่ได้เป็นกรรมการใน KMC มานานแล้ว แต่ก็ยังห่วงที่นี่ในฐานะผู้ก่อตั้ง หลายๆ เรื่องท่านมีเจตนาดี อยากจะช่วยให้ KMC ดีขึ้น อย่างเรื่องที่ดิน 4 พันกว่าไร่ที่สุวรรณภูมิ ของบริษัทอินดัสเทรียล เทคโนโลยีฯ ที่ติดอยู่กับแบงก์กรุงไทย และท่านมีแผนจะพัฒนาให้เป็นสุวรรณภูมิเซ็นเตอร์ ก็จะให้ KMC เข้าไปบริหารให้เพื่อจะได้มีรายได้เพิ่มอีกทางหนึ่ง ก็ถูกโยงว่าเกี่ยวข้องกับ KMC เพราะคนมองภาพว่า KMC คือคุณวิชัย เนื่องจากท่านผู้ก่อตั้งมากับมือ

- จะกลับมาเป็นบิ๊กพัฒนาที่ดินเหมือนเดิม

เราต้องจัดการปัดกวาดบ้านตัวเองก่อน ยอมรับว่าเมื่อยังมีหนี้อยู่ ยังเคลียร์ไม่จบ การหาผู้ร่วมทุนก็ยาก เคลียร์หนี้หมดเมื่อไรคิดว่าใครก็อยากจะเข้ามา เพราะแบรนด์เราติดตลาด ขายได้
  
ที่มา
[ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 15-09-2551 

ค้นหาข่าวด้วยรหัส

รหัส








webmaster คลิกที่นี่

Copyright 2002 freesplans Design solution, Inc.