|
Link
to us!!!
|
| ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
|
| โปรเจ็กต์ร้อน "ผู้ว่าการ ร.ฟ.ท." ธรรมาภิบาล-รถไฟฟ้า-แผนฟื้นฟู 6 หมื่น ล. |
|
28 กรกฎาคม 2551 ไม่เพียงแต่จะมีพิธีต้อนรับ "ยุทธนา ทัพเจริญ" ผู้ว่าการ ร.ฟ.ท.คนใหม่ หากแต่ยังมีการจัดแถลงข่าวประกาศทิศทางนโยบายบริหารรัฐวิสาหกิจอายุ มากกว่า 111 ปีในช่วงวาระ 4 ปีนับจากนี้ของเขาอีกด้วย
เป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปว่า "ผู้ว่าการยุทธนา" เป็นลูกหม้อการรถไฟฯคนหนึ่ง เคยผ่านการสรรหามาแล้วสมัย รมว.คมนาคม ชื่อพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล มีจุดเด่นด้านบุคลิกที่เป็นคนคล่อง เข้ากับคนง่าย และเป็นมือขวาของอดีต ผู้ว่าการ ร.ฟ.ท. (จิตต์สันติ ธนะโสภณ) หลังจากรอคอยด้วยความอดทนกว่า 2 ปี ที่ผ่านมา ในวันเปิดตัวนโยบายต่างๆ จึงถูกจัดระเบียบใหม่อีกครั้ง พร้อมกับคำมั่นสัญญา "วันนี้ ร.ฟ.ท.จะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม..."
ปรับปรุงบริการ-สานต่อจัดซื้อ
นโยบายหลักเร่งด่วนประการแรกที่ตั้งเป้าสร้างผลงานให้เห็นเป็นรูปธรรมภายใน 6 เดือนคือ ปรับปรุงการบริการ ตรงต่อเวลา สะอาด และปลอดภัย เพื่อดึงดูดลูกค้าให้กลับมาใช้บริการมากขึ้น หลังจากยอดดร็อปลงไปประมาณ 7% ในช่วงที่ ผ่านมา งานนี้ชูคำขวัญด้วยว่า "ชีวิตคือ การบริการ" หรือ My life is service.
ถัดจากงานบริการ ตามต่อด้วยนโยบายสานต่อแผนการจัดซื้อล้อเลื่อนและ หัวรถจักรใช้พลังงานทดแทน NGV จำนวน 20 คัน แคร่โบกี้ 39 คัน วงเงิน 3,000 กว่าล้านบาท ซึ่งผ่านการอนุมัติจาก คณะกรรมการ (บอร์ด) ร.ฟ.ท.และมี งบประมาณพร้อมแล้ว
สอง สร้างขวัญกำลังใจให้กับพนักงานการรถไฟฯทุกคน นับเป็นนโยบายซื้อใจกำลังพลโดยแท้ โดยจะลงพื้นที่และประสานกับสหภาพการรถไฟฯอย่างใกล้ชิดมากขึ้น โดยเฉพาะพนักงานระดับล่างจะต้องมีสวัสดิการที่ดีขึ้น รวมทั้งการดูแลเป็นพิเศษในกลุ่มพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
เร่งรัดแผนฟื้นฟู 6.2 หมื่นล้าน
สาม เร่งรัดแผนฟื้นฟูกิจการรถไฟหลังจากต้องล่าช้ามา 4 ปีเต็ม เพื่อลดภาระหนี้สินที่มีอยู่ 62,544 ล้านบาท คิดเป็นภาระดอกเบี้ยปีละ 2,165 ล้านบาท โดยจะเจรจากับกระทรวงการคลังให้รัฐรับ ภาระหนี้บางส่วนประมาณกว่า 1 หมื่นล้านบาท ตัดแยกบัญชีธุรกิจให้ชัดเจน
ไฮไลต์แผนฟื้นฟูกิจการจะมีการทยอยจัดตั้งบริษัทลูก 3 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท การเดินรถขนส่งสายตะวันออก จำกัด, บริษัท ร.ฟ.ท.พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด และบริษัท การเดินรถไฟฟ้า จำกัด เพื่อรองรับแผนพลิกฟื้นผลประกอบการให้มีกำไรใกล้เคียงกับรัฐวิสาหกิจอื่นๆ ภายใน 4 ปีนี้
แน่นอนว่า แหล่งรายได้หลักจะมาจากการบริหารจัดการสัญญาเช่าที่ดิน และการนำที่ดินมาเปิดประมูลพัฒนาหารายได้มากขึ้น
เดินหน้าเมกะโปรเจ็กต์เก่า-ใหม่
สี่ เร่งสร้างโครงการเมกะโปรเจ็กต์ สะสางปัญหาโครงการที่ตกค้างให้เสร็จ เช่น โครงการแอร์พอร์ตเรลลิงก์ จะเร่งเปิดให้บริการโดยเร็ว ระหว่างรอตั้งบริษัทลูกจะจ้างที่ปรึกษาฝึกอบรมให้กับพนักงานการรถไฟฯดำเนินการไปก่อน
โครงการรถไฟสายสีแดง บางซื่อ-ตลิ่งชัน จะเร่งเซ็นสัญญา หลังจากล่าช้ามาแรมปี ล่าสุดเตรียมเรียกผู้รับเหมาที่ชนะประมูล คือ กลุ่มยูนิคฯ มาเสนอราคาในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า
ที่เหลือจะเป็นโครงการเมกะโปรเจ็กต์ในอนาคตตามกรอบเวลาของรัฐบาลกำหนดไว้ ทั้งรถไฟสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต มูลค่า 7 หมื่นกว่าล้านบาท รถไฟรางคู่ รถไฟความเร็วสูง ทางสนับสนุนระบบโลจิสติกส์ โครงการมักกะสัน คอมเพล็กซ์ โครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณพหลโยธิน ที่ดินริมแม่น้ำ เป็นต้น
ชูธรรมาภิบาลเรียกศรัทธา
ห้า นโยบายบริหารจัดการที่มุ่งสู่การผลักดันให้ ร.ฟ.ท.เป็นรัฐวิสาหกิจธรรมา ภิบาล โปร่งใส ตรวจสอบได้ มีความเที่ยงธรรมและยุติธรรม โดยเดินไปในทิศทางเดียวกันกับสหภาพการรถไฟฯ ท่ามกลางข้อวิตกเกี่ยวกับการโยกย้ายภายในองค์กร ที่ว่ากันว่า "มีลุ้น" ใครจะถูกหวยกันบ้าง เนื่องจากมีตำแหน่งระนาบ "รองผู้ว่าการ" ว่างลงถึง 3 ตำแหน่ง ได้แก่ รองฝ่ายบริหารทรัพย์สิน ฝ่ายบุคคล และฝ่ายกิจการพิเศษ
เรื่องแบบนี้คนเงี่ยหูฟังกันเยอะ จึงต้องขอเวลา 1 เดือน "เพื่อความเหมาะสม" ถึงตอนนั้นจะได้พิสูจน์กันอีกครั้งว่า องค์กรนี้มีการแบ่งพรรคแบ่งขั้วกันจริงหรือไม่
ทั้งนี้ทั้งนั้น สิ่งที่น่าสนใจที่สุดก็คือ "ผู้ว่าการยุทธนา" เปิดไอเดียเรื่องการบริหารทรัพยากรบุคคลไว้ว่า "เพื่อให้งานเดินและเห็นผลโดยเร็ว ผมอยากจะได้ คนข้างนอก ที่มีความเชี่ยวชาญด้านวิศวกร การเงิน การธนาคาร พัฒนาที่ดิน มาเติมเต็มสิ่งที่ ร.ฟ.ท.ขาดหายไป"
นั่นหมายความว่า ผู้ว่าการ ร.ฟ.ท. คนใหม่ ชูนโยบายธรรมาภิบาลเดิมพัน กับชื่อเสียงและภาพลักษณ์สั่งสม |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 31-07-2551
|
|
|
|
|
