|
Link
to us!!!
|
| ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
|
| 3 คีย์แมน "เคทีจีวาย" เปิดกลยุทธ์เจาะตลาด สถาปนิกไทยก้าวสู่ "รีจินอลคอมปะนี" |
|
กล่าวกันว่าอาชีพสถาปนิก นักออกแบบนั้นเปรียบเสมือน ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จึงไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่จะสร้างชื่อองค์กรให้ติดหูเปลี่ยนสถานะจากบริษัทเบื้องหลังมาเป็นองค์กร แถวหน้าที่ได้รับการยอมรับทั้งในและ ต่างประเทศ
แต่สำหรับ "เคทีจีวาย อินเตอร์ แอสโซซิเอทส์" เป็นบริษัทสถาปนิกที่ก้าวผ่านจุดนั้นมาแล้ว
โครงการบ้านเดี่ยวราคาแพงอย่าง "สิริทาวารา" และ "คริสตัลพาร์ค" รีสอร์ตดีไซน์เก๋ "เชอราตัน พัทยา รีสอร์ท" หรือ "อาคารสถานทูตไทยในบังกลาเทศ" คือผลงานบางส่วนของเคทีจีวาย ในฐานะ ผู้อยู่เบื้องหลังงานออกแบบ โดยมี "ฐนิตพงศ์ เฉลิมพันธุ์" "สุนันทพัฒน์ เฉลิมพันธุ์" และ "พีระยศ อมาตยกุล" 3 ผู้บริหารระดับคีย์แมนนำพาเคทีจีวาย ก้าวสู่ยุคการเป็น "รีจินอลคอมปะนี" แต่กว่าจะถึงวันนี้ได้ เคทีจีวายผ่านทั้งอุปสรรคขวากหนามและความสำเร็จ และนี่คือบางส่วนของประสบการณ์ที่สั่งสมมานาน
"เพราะวันนี้โลกเปลี่ยนแปลงเร็วมาก ไม่มีพรมแดนอีกต่อไป นโยบายของเราคือต้องปรับตัวให้เป็นรีจินอลคอมปะนีในภูมิภาคเอเชีย ต้องรับงานได้หมดทุกสไตล์ ไม่ใช่ลูกค้ามาหาเราเพราะถนัดงานออกแบบแนวนี้" 3 คีย์แมนของเคทีจีวายให้สัมภาษณ์ "ประชาชาติธุรกิจ" ที่ออฟฟิศย่านเอกมัยถึงแนวคิดการบริหารองค์กร
เพราะเคทีจีวายมีความเชื่อว่าจุดศูนย์กลางการตลาดของโลกเปลี่ยน ไปแล้ว โดยย้ายองศาจาก "โลกตะวันตก" มาเป็น "โลกตะวันออก" ซึ่งหมายถึงเอเชีย ยิ่งในอนาคตการเดินทางจากประเทศไทยไปจีนถูกต่อเชื่อมด้วยถนนอีกเส้นทางหนึ่ง จังหวัดหรือเมืองตามแนวชายแดนอย่างหนองคาย หลวงพระบาง เชียงแสน จะถูกพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง กลายเป็นโอกาสที่รออยู่ตรงหน้าของผู้ประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรม
อย่างไรก็ตามเคทีจีวายกำหนด เส้นทางการเติบโตขององค์กรชัดเจนว่าไม่จำเป็นต้องแตกสาขาในต่างประเทศเพื่อโต
"เราไม่คิดถึงการเปิดออฟฟิศใน ต่างประเทศ แม้ว่าทุกวันนี้บริษัทมีสัดส่วนงาน 60% จากกว่า 30 โครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ หลักๆ คือประเทศจีน อินเดีย และแถบตะวันออกกลาง เหตุผลหลักมี 2 ส่วนคือ 1) การเปิดออฟฟิศ มีอุปสรรคต่อการคุมคุณภาพงาน 2) เราต้องการนำงานกลับมาให้คนไทยทำ"
ถามถึงคีย์ซักเซสที่ผลักดันให้บริษัทก้าวมาถึงจุดที่ลูกค้าให้การยอมรับไม่มีอะไร ลึกซึ้งเกินไปกว่ากลยุทธ์ "ปากต่อปาก" อาจเป็นเพราะนับจากปี 1995 ถึง 2006 (ปี 2538-2549) เคทีจีวายกวาดรางวัลด้านการออกแบบมาแล้วมากมาย อาทิ รางวัลโกลด์นักเกตประเภท Special Award-International Housing Award จากงานออกแบบบ้านลดาวัลย์ลากูนในปี 1995 รางวัลโกลด์นักเกตแกรนด์อวอร์ด ประเภท Best International Commercial/Retial Project จากงานออกแบบเชอราตัน พัทยา รีสอร์ทในปี 2006 ฯลฯ
เวลานี้งานออกแบบในตลาด ต่างประเทศที่เคทีจีวายรับอยู่ กว่าครึ่งหนึ่งเป็นงานใน "จีน" และ "อินเดีย" ที่เศรษฐกิจเติบโตแรงต่อเนื่องมาหลายปี มีทั้งงานออกแบบโรงแรม รีสอร์ต คอมเมอร์เชียล และคอนโดมิเนียม
"สัดส่วนลูกค้าในและนอกประเทศเปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์ ล่าสุดงานในประเทศเริ่มกลับเข้ามา ส่วนจะดีต่อเนื่องหรือไม่ตอบยาก และสังเกตว่าจากเดิมเราเคยมีงานออกแบบบ้าน แต่ตอนนี้กลายเป็นโรงแรม รีสอร์ต และไลฟ์สไตล์เซ็นเตอร์ ล่าสุดคือโรงแรมอัสรา หัวหิน ของกลุ่ม โอเชี่ยนพร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งเราจะส่งเข้า ประกวดรางวัลด้วย"
จากจุดนี้วิเคราะห์ว่าอาจเป็นเพราะตลาดบ้านราคาแพงผ่านจุดพีกไปแล้ว และในแง่โลเกชั่น เงินลงทุน ก็มีผู้ประกอบการในตลาดไม่กี่รายที่ทำได้ ทำให้เคทีจีวายต้องดึงเอาประสบการณ์งานออกแบบโครงการประเภทนี้ในต่างประเทศบางส่วนมาปรับใช้
ในแง่การบริหารจัดการภายในองค์กร พอร์ตงานในมือเฉลี่ยแต่ละช่วงประมาณกว่า 30 โครงการของเคทีจีวาย จะไม่มีการแบ่งแยกประเทศกันดูแลอย่างชัดเจนระหว่าง 3 ผู้บริหาร แต่เป็นลักษณะช่วยกันดูแล อย่างไรก็ตามด้วยความคุ้นเคยกับลูกค้า "ฐนิตพงศ์" จะดูแลงานส่วนใหญ่ในประเทศอินเดีย "สุนันทพัฒน์" ดูแล โปรเจ็กต์ในประเทศจีน และ "พีระยศ" ดูแลแถบตะวันออกกลาง โดยเฉพาะอินเดียช่วงนี้เป็นตลาดบูมมาก
อาจเป็นเพราะช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาอินเดียกลายเป็นประเทศที่มีคนสนใจเข้ามาลงทุนมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ทำให้เศรษฐกิจมีอัตราเติบโตต่อเนื่อง ผลที่ตามมาคือสัดส่วนประชากรที่มีฐานะระดับกลางในอินเดียมีจำนวนเพิ่มขึ้น ทำให้เศรษฐกิจยังมีโอกาสบูมต่อไปได้อีกอย่างน้อย 1-2 ปี
ปัจจุบันเคทีจีวายรับงานออกแบบโรงแรม รีสอร์ต ที่อยู่อาศัยในอินเดียอยู่กว่า 10 โครงการ อาทิ โรงแรมเชอราตัน เลอ เมอริเดียน นอกนั้นมีโครงการ คอนโดฯอีกหลายโครงการ ฯลฯ
"บางคนอาจเคยได้ยินกิตติศัพท์ถึงความยากในการเจรจาธุรกิจกับคนอินเดีย แต่ที่สัมผัสมาจริงๆ ก็ไม่ได้ยากเกินไป ลูกค้าบางรายค่อนข้างให้อิสระมากกว่าคนไทยด้วยซ้ำ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความ รับผิดชอบ คุณภาพ และความตรงต่อเวลา ว่าได้อย่างที่ตกลงหรือไม่"
ส่วนสไตล์งานออกแบบของอินเดียก็มีหลากหลายผสมผสานกันไปเหมือนเช่น ประเทศอื่นๆ ไม่ได้เจาะจงว่าต้องเป็นแนวอนุรักษนิยมยึดถือสถาปัตยกรรมแบบอินเดีย งานส่วนใหญ่ที่เคทีจีวายได้รับจึงเป็นแนวการออกแบบลักษณะผสมผสานไปในเชิง "อินเตอร์เนชั่นแนล" คือกึ่งๆ โมเดิร์นผสมกลิ่นไอเดีย
แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึงคือกฎระเบียบเกี่ยวกับงานออกแบบก่อสร้างอาคารที่ค่อนข้างเข้มงวดกว่าเมืองไทย โดยทั้ง "อินเดีย" และ "จีน" มีสิ่งที่เหมือนกันคือภายหลังออกแบบแล้วเสร็จจะต้องนำแบบเข้าสู่ขั้นตอนคล้ายๆ กับการทำ "ประชาพิจารณ์" เพื่ออธิบายแนวคิดให้คณะกรรมการซึ่งประกอบด้วยตัวแทนประชาชนในเมืองนั้นๆ อาทิ ผู้ทรงคุณวุฒิ สถาปนิกฟังเพื่อรับฟังคอมเมนต์ ถ้าไม่ผ่านก็ต้องนำกลับมาแก้ไขเพื่อให้โครงการที่ออกแบบมาเป็นไปตามแบบแผนการพัฒนาเมืองที่ภาครัฐกำหนด ต่างจากเมืองไทยเพียงแค่ออกแบบก่อสร้างให้ตรงตามกฎหมายก็สามารถขออนุญาตก่อสร้างได้แล้ว
3 คีย์แมนเคทีจีวายมั่นใจว่ามองกันด้านฝีมือแล้ว พูดได้เต็มปากว่าตอนนี้สถาปนิกไทยไม่เป็นรองต่างชาติ แต่สาเหตุที่ปัจจุบันมีบริษัทสถาปนิกไทยน้อยรายที่ได้งานในต่างประเทศ เพราะมีข้อจำกัดในเรื่องการใช้ภาษา ซึ่งหากสามารถแก้จุดอ่อนในเรื่องนี้ได้ โอกาสที่จะเจาะตลาดระดับอินเตอร์ก็คงไม่ไกลเกินเอื้อม |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 03-07-2551
|
|
|
|
|
