Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
ขาลง "เวียดนาม" เสือตัวใหม่ วัสดุ-เฟอร์นิเจอร์ตั้งการ์ดรับความเสี่ยง |
|
ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัญหาฟองสบู่ อันเนื่องมาจากความร้อนแรงของเศรษฐกิจ "เวียดนาม" กลายเป็นประเด็นที่นักธุรกิจนักลงทุน ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจที่ เกี่ยวเนื่องของไทยกำลังจับตามอง เพราะหวั่นจะบานปลายถึงขั้นวิกฤตเหมือนกับที่ประเทศไทยเคยประสบเมื่อปี 2540
อาจเป็นเพราะช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา การเติบโตของเศรษฐกิจในเวียดนามมีแต่ภาพที่ออกมาในเชิงบวก สัญญาณอันตรายที่มีออกมาแบบฉับพลันโดยที่หลายๆ ฝ่ายตั้งตัวไม่ติดในครั้งนี้ จึงทำให้มีคำถามตามมาว่า ถึงที่สุดแล้วจะซ้ำรอยวิกฤตฟองสบู่ของไทยหรือไม่ !
ขณะที่กลุ่มผู้ประกอบการในธุรกิจ "เฟอร์นิเจอร์" และ "วัสดุก่อสร้าง" ของไทยบางรายที่เข้าไปลงทุนหรือเจาะตลาด ในเวียดนาม ต่างยอมรับว่าแม้สถานการณ์ยังไม่ไปไกลถึงขั้นนั้น แต่ขณะนี้ธุรกิจ ส่วนใหญ่ต่างตั้งการ์ดรับมือความเสี่ยง ล่วงหน้าไว้ระดับหนึ่งแล้ว
"โบฟาฯ-อินเด็กซ์" ปรับแผน
ในแวดวงธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ "โบฟา อินเตอร์เนชั่นแนล" เป็นผู้ประกอบการ อีกกลุ่มหนึ่งที่เพิ่งเข้าไปลงทุนและเปิดตัว "โรงงานประกอบ" เฟอร์นิเจอร์ประเภทโซฟาในเมืองโฮจิมินห์เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา หลังจากประสบปัญหาเงินบาทแข็งค่าขึ้น อย่างมากเมื่อปีก่อน ทำให้การผลิตสินค้า ในเมืองไทยเพื่อส่งออกไปจำหน่ายในตลาดต่างประเทศไม่คุ้มค่า ล่าสุด "ปราถนา จิโนรส" รองประธานของโบฟาฯ ก็เพิ่ง เดินทางกลับจากเวียดนามมาหมาดๆ
ภารกิจหลักของการเดินทางไปเวียดนามครั้งนี้ คือการเข้าไปเจรจากับพาร์ตเนอร์รายใหม่ที่สนใจเป็น "เอเย่นต์" ของโบฟาฯ
ถือเป็นการปรับแผนธุรกิจแบบฉับพลันด้วยการหันมารุกตลาดในประเทศเวียดนามแบบเต็มตัว จากเดิมที่วางเป้าใช้โรงงานประกอบเฟอร์นิเจอร์ในเวียดนามเป็นฐานการส่งออกไปอเมริกา และยุโรปเป็นหลัก สาเหตุมาจากปัญหาค่าเงิน "ด่อง" ของเวียดนามที่อ่อนตัวลงจาก 1.6 หมื่นด่องต่อดอลลาร์ เป็น 1.8 หมื่นด่องต่อดอลลาร์ ภายในเวลาแค่ 3-4 เดือน ธุรกิจส่งออกจะได้รับผลกระทบก่อนเป็นลำดับแรก
ประกอบกับสถานการณ์เงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ช่วงเวลา 2-3 เดือนที่ผ่านมา "โบฟาฯ" ต้องยอมปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำให้กับพนักงาน จากประมาณ 9 แสนด่องต่อเดือน (กว่า 1,800 บาท) เป็นกว่า 1 ล้านด่องต่อเดือน (2,500 บาท) ส่งผลให้ต้นทุนการประกอบเฟอร์นิเจอร์ในเวียดนามเพิ่มสูงขึ้นกว่าเดิมมาก
อย่างไรก็ตาม "โบฟาฯ" เชื่อว่าแม้ปัญหาในเวียดนามจะมาเร็วแบบไม่ทันตั้งตัว แต่สถานการณ์ยังไม่ถึงขั้นเลวร้ายนัก เนื่องจากกำลังซื้อในประเทศยังเป็นปกติ ไม่ได้หยุดชะงัก แต่ก็มีบ้างที่การจับจ่ายใช้สอยน้อยลง
ยกเว้นเซ็กเตอร์อสังหาฯที่เริ่มมีปัญหาลูกค้าทิ้งเงินจอง-เงินมัดจำ ซึ่งน่าจะมาจากภาวะการเก็งกำไรจากราคาที่ดินที่ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ส่วนค่าย "อินเด็กซ์" ที่เพิ่งเปิดตัว อินเด็กซ์ลิฟวิ่งมอลล์สาขาใหม่ที่จังหวัดชลบุรี หลังจากช่วงก่อนหน้านี้ "กิจจา ปัทมสัตยาสนธิ" เอ็มดีของบริษัทได้หารือกับพาร์ตเนอร์ท้องถิ่นในประเทศเวียดนาม เพื่อเตรียมขายแฟรนไชส์เปิดสาขา อินเด็กซ์ลิฟวิ่งมอลล์ ล่าสุดได้ตัดสินใจชะลอแผนการลงทุนออกไปจนกว่าสถานการณ์เศรษฐกิจของเวียดนามจะกลับสู่ภาวะปกติ พร้อมกับมองว่าปัญหาที่เกิดขึ้นน่าจะมาจากการเก็งกำไรในตลาดหุ้นและอสังหาฯ
สะท้อนจากดัชนีหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯที่ดิ่งลงอย่างรวดเร็วจากกว่า 1,000 จุด เหลือเพียง 300-400 จุดในปัจจุบัน ดังนั้นในการแก้ไขปัญหาคงต้องอาศัยเวลาอีกระยะหนึ่ง อย่างไรก็ตาม จากบทเรียนวิกฤตเศรษฐกิจเอเชียในปี 2540 เชื่อว่า ที่สุดแล้วเวียดนามจะแก้ไขปัญหาได้ก่อนที่ฟองสบู่จะแตก
"นวพลาสติกฯ" สกรีนลูกค้าเข้ม
ในกลุ่มวัสดุ "นวพลาสติกอุตสาหกรรม" ผู้ผลิตประตูหน้าต่างไวนิลแบรนด์ "วินเซอร์" เป็นผู้ประกอบการอีกรายที่เข้าไปรุกตลาดเวียดนามตั้งแต่ปี 2549 ภายใต้การนำของ "ปรเมศวร์ นิสากรเสน" เอ็มดีนวพลาสติกฯ โดยร่วมทุนกับพาร์ตเนอร์ท้องถิ่นตั้งโรงงาน ประกอบประตูหน้าต่างไวนิลในเมือง โฮจิมินห์ ในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังเติบโต เพื่อเจาะตลาดงานโครงการและลูกค้า รายย่อย
และจากปัญหาเศรษฐกิจ ทำให้ นวพลาสติกฯต้องปรับตัวโดยสกรีนประวัติลูกค้าอย่างเข้มงวดขึ้น เพื่อป้องกันหนี้สูญ หลังจากช่วงที่ผ่านมาเริ่มมีลูกค้าโครงการบางรายชะลอการลงทุนพัฒนาโครงการออกไปเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 3-6 เดือน เพื่อขอดูสถานการณ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงความมั่นใจในการลงทุน
เช่นเดียวกับค่ายปูนใหญ่ที่ขยายฐานธุรกิจวัสดุก่อสร้างไปเวียดนามช่วงก่อนหน้านี้ เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจอสังหาฯ และมองว่าแม้ขณะนี้กำลังเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้ออย่างหนัก แต่ถึงที่สุดแล้วรัฐบาลเวียดนามน่าจะแก้ไขเยียวยา และผลักดันให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตอย่างมีเสถียรภาพได้ |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 26-06-2551
|
|
|
|
|