|
Link
to us!!!
|
| ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
|
| ยกเครื่อง ขสมก. ล้างหนี้ พลิกฟื้นองค์กรฝ่าวิกฤต |
|
ตลอดระยะเวลายาวนานร่วม 31 ปี ที่มีการจัดตั้งองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ขึ้น เพื่อให้บริการระบบขนส่งมวลชนให้กับคนกรุงเทพฯ ปรากฏว่าประสบปัญหาขาดทุนจากการเดินรถสะสมต่อเนื่อง ถึงปัจจุบันมีหนี้อยู่ราว 69,000 ล้านบาท ยิ่งเกิดวิกฤตการณ์น้ำมันแพง ทำให้ ขสมก. ต้องแบกรับภาระต้นทุนการเดินรถสูงขึ้นอีก 27% ของโครงสร้างค่าใช้จ่าย หรือคิดเป็น 52% ของรายได้ทั้งหมด ก็ยิ่งทำให้องค์กรแห่งนี้ต้องเผชิญปัญหาอย่างหนัก
ประกอบกับสภาพรถที่ให้บริการ ทรุดโทรมและขาดประสิทธิภาพ ให้บริการได้แค่ 87% จากทั้งหมด 3,535 คัน หรือวิ่งเฉลี่ย 3,103 คันต่อวัน ขณะเดียวกันการบริการที่ยังใช้พนักงานเก็บค่าโดยสารทำให้มีค่าใช้จ่ายสูง นอกจากนี้ขอบข่าย ให้บริการก็ยังไม่สามารถสนองผู้ใช้บริการได้เพียงพอ และขาดการเชื่อมต่อกับระบบขนส่งมวลชน ทั้งหมดนี้กดดันให้ ขสมก. ต้องเร่งฟื้นฟูสถานะองค์กรและฐานะทางการเงินโดยเร่งด่วน
วันที่ 10 มิถุนายนนี้ กระทรวงคมนาคมจะนำแผนฟื้นฟู ขสมก.เสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติแผน ระยะยาว 10 ปี ด้วยการปรับเปลี่ยนวิธี การบริหารจัดการใหม่แบบยกกระบิ จากเคยซื้อรถมาเป็นการเช่ารถโดยสารปรับอากาศใช้ก๊าซธรรมชาติจำนวน 6,000 คัน ไม่เกี่ยวกับรถร่วมเอกชน โดยจะขายรถเก่าที่มีอยู่ทั้งหมดทิ้ง คาดว่าจะได้เงินมาเป็นทุนหมุนเวียนประมาณ 1,000 ล้านบาท
จากนั้นจะเปิดประมูลหาเอกชนที่ให้บริการรถเช่า พร้อมค่าซ่อมบำรุงรักษา ค่าภาษี ค่าประกันภัย และจัดหาสถานที่รวมทั้งระบบงานต่างๆ เช่น อู่จอดรถ สถานที่ทำการ ระบบโดยจะนำเทคโนโลยี ที่ทันสมัยมาใช้ ประกอบด้วย ระบบบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ (E-ticket) พร้อม clearing house ระบบตรวจสอบและปฏิบัติการเดินรถ (GPS และ GPRS) การจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการ การจัดสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้โดยสาร ซึ่งประกอบด้วย ป้ายอัจฉริยะบอกสายรถที่กำลังมาถึงป้าย ตู้ขายตั๋วอัตโนมัติ ตู้แลกเหรียญ ฯลฯ
ทั้งนี้จะมีรถโดยสารเข้าวิ่งในเส้นทางทั้งหมด 145 เส้นทาง เป็นของ ขสมก. 109 เส้นทาง จำนวนรถ 4,715 คัน และ รถร่วม 36 เส้นทาง จำนวนรถ 1,285 คัน ประมาณการค่าเช่าคันละ 5,100 บาทต่อวัน หรือวันละ 30.60 ล้านบาท เดือนละ 918 ล้านบาท ปีละ 11,169 ล้านบาท ตลอด 10 ปี รวมเป็นเงิน 111,169 ล้านบาท
สำหรับ ขสมก.สิ่งที่จะต้องดำเนินการ คือ การปรับและจัดสรรเส้นทางรถโดยสาร การปรับโครงสร้างการบริหารจัดการและอัตรากำลัง กำหนดจำนวนพนักงานและจำนวนเงินที่จะใช้ในโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด เป็นต้น ซึ่งในส่วนนี้ ขสมก. จะขอให้รัฐสนับสนุนทางการเงิน
โดยให้สำนักงบประมาณจัดสรรเงินโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนดเป็นเงิน 6,200 ล้านบาท กระทรวงการคลังให้ยืมเงินทุนหมุนเวียนช่วงเปลี่ยนผ่านในปี 2552 เป็นเงิน 3,500 ล้านบาท แล้วให้ ขสมก.จ่ายคืนให้ปีละ 500 ล้านบาท ขอรับการสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนจำนวน 3,500 ล้านบาท ในปีงบประมาณ 2552 โดยจะชำระคืนปีละ 500 ล้านบาท ตั้งแต่ ปี 2553-2559
ขอให้สถาบันการเงินของรัฐสนับสนุนเงินกู้รายย่อยให้กับพนักงานที่มีหนี้สินกับสหกรณ์ออมทรัพย์จำนวน 2,000 ล้านบาท เฉลี่ยคนละ 2 แสนบาท และขอให้กระทรวงการคลังรับหนี้สะสมถึงสิ้นเดือนเมษายน 2552 จำนวน 69,500 ล้านบาท
หาก ครม.อนุมัติและประกวดราคาหา ผู้ให้เช่าภายในเดือนกรกฎาคมนี้ ภายในเดือนพฤษภาคม 2552 ขสมก.จะได้รับ มอบรถลอตแรกจำนวน 3,000 คัน
หากทุกอย่างเดินไปตามแผนที่ ขสมก.วางไว้ คือ เพิ่มสัดส่วนจำนวนรถในตลาดจาก 24% เป็น 35% หรือจาก 3,535 คันเป็น 6,000 คัน ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วกรุงเทพฯและปริมณฑล และเพิ่มส่วนแบ่งลูกค้าจากเดิม 26% เป็น 66% หรือจาก 0.7 ล้านคน เป็น 1.8 ล้านคน จากผู้โดยสารทั้งหมด 2.7 ล้านคน โดยใช้ระบบโครงสร้างอัตราค่าโดยสารเพื่อส่งเสริมการขายที่ 15 บาทต่อเที่ยว 30 บาทต่อวัน และ 900 บาทต่อเดือน พร้อมกับนำอุปกรณ์และเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ เพื่อลดสัดส่วนการใช้พนักงานต่อรถ 1 คันลง จากปัจจุบัน 5 คนต่อ 1 คัน เป็น 2.4 คนต่อ 1 คัน และลดค่าเชื้อเพลิงจากการใช้น้ำมันดีเซลเป็นก๊าซธรรมชาติไม่น้อยกว่า 50% ขสมก.ก็น่าจะพลิกฟื้นจากวิกฤตได้สำเร็จ
ถ้าแผนการดำเนินงานทั้งหมดถูกเบรก โดย ครม.ไม่ไฟเขียวทุกอย่างก็จะจบเห่ ตรงกันข้ามถ้าทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น อีกไม่นานตำนานขาดทุนของ ขสมก.มีมายาวนาน 31 ปี ก็จะปิดฉากลงเสียที |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 12-06-2551
|
|
|
|
|
