|
Link
to us!!!
|
| ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
|
| 2551 ปีทองของคนอยากมีบ้าน |
|
คอลัมน์ home builder focus
โดย พันธุ์เทพ ทานชิติกุล นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน
"การสร้างบ้านในเวลานี้คือการลงทุนที่เหมาะสม และถูกเวลาที่สุด เพราะ ปี 2551 ถือเป็นปีทองของคนอยากมีบ้าน" (ในที่นี้ขอจำเพาะไว้ที่กลุ่มคนซึ่งต้องการสร้างบ้านบนที่ดินของตัวเอง) ที่ฟันธงไว้เช่นนี้ไม่ได้ต้องการบูมธุรกิจรับสร้างบ้าน เพียงแต่อยากให้ลองพิจารณาข้อมูลต่างๆ
ประการแรก ตลาดในส่วนของที่อยู่อาศัยหรือบ้านสร้างเสร็จพร้อมอยู่ในปัจจุบันมีแต่ประเภทคอนโดมิเนียมและทาวน์เฮาส์ ซึ่งไม่ตรงกับความต้องการของผู้ที่ต้องการบ้านเดี่ยว หรือบ้านที่ต้องการความพิเศษเป็นส่วนตัว และสามารถเลือกเสริมเติมแต่งในสิ่งที่ต้องการได้
อย่างไรก็ตามสำหรับตลาดบ้านเดี่ยว ที่อาจตอบสนองความต้องการเหล่านี้ได้บ้าง บางโครงการก็ไม่ได้อยู่ในทำเลที่ต้องการ ดังนั้นการเลือกใช้บริการของบริษัทรับสร้างบ้านจึงกลายเป็นทางเลือกของคนอยากมีบ้านในช่วงนี้ เพราะคนที่ต้องการบ้านเดี่ยวควรต้องปลูกสร้างบ้านบนที่ดินตนเองในทำเลที่ต้องการ
ประการที่สอง ปัจจัยเสริมในการ ตัดสินใจสร้างบ้านในช่วงปีนี้ก็คืออัตรา ดอกเบี้ยที่ต่ำมาก ทั้งอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และดอกเบี้ยเงินฝาก โดยเฉพาะเมื่ออัตราดอกเบี้ยเงินฝากในช่วงนี้ไม่กระตุ้นและสนับสนุนให้เกิดการออมเงิน
หากคิดเสียใหม่โดยนำเงินฝากมาลงทุนสร้างบ้านน่าจะคุ้มค่ากว่าการเก็บเงินไว้เฉยๆ เพราะบ้านที่สร้างโดยไม่ได้ใช้เงินกู้จากสถาบันการเงินหรือใช้เงินกู้เพียง บางส่วน สามารถประหยัดต้นทุนก่อสร้างได้มากทีเดียว และบางคนอาจใช้วงเงิน เท่าเดิมแต่สามารถมีอุปกรณ์ตกแต่งบ้านมากขึ้น
นอกจากนี้หากสร้างบ้านแล้วไม่ได้อาศัยอยู่เองก็สามารถนำมาให้เช่าได้ เท่ากับได้ผลลัพธ์สองต่อ ไม่ว่าจะมองในส่วนการได้เป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ หรือการลงทุนสร้างปล่อยเป็นบ้านเช่าต่อ เพราะหากคำนวณค่าตอบแทนจากค่าเช่าบ้านเทียบกับดอกเบี้ยที่จะได้รับหากว่าเก็บเงินก้อนนั้นไว้ในธนาคาร มันมีความแตกต่างกันมาก
ลองพิจารณาถึงอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปีด้วย โดยเฉพาะปีนี้มีแนวโน้มชัดเจนว่าอัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นอย่าง ต่อเนื่อง คิดง่ายๆ ว่าเงิน 100 บาทในปีนี้อาจจะเหลือค่าแค่ 95 บาทในปีต่อไป ตามอัตราเงินเฟ้อนั่นเอง แต่มูลค่าของอสังหาริมทรัพย์และค่าเช่ากลับปรับขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อ
ประการที่สาม การใช้บริการบริษัท รับสร้างบ้านในช่วงนี้ยังสามารถวางใจเรื่องการควบคุมต้นทุนค่าวัสดุก่อสร้างที่มีแนวโน้มจะปรับเพิ่มขึ้นไม่หยุดตามราคาน้ำมันในตลาดโลก รวมทั้งสามารถควบคุมต้นทุนอื่นๆ ได้อีกด้วย และประการสุดท้าย เมื่อคิดและตัดสินใจสร้างบ้านแล้ว การเลือกใช้บริษัทรับสร้างบ้าน (ไม่ใช่บริษัทรับเหมาก่อสร้าง) จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด
ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ?
เหตุผลคือ บริษัทรับสร้างบ้านถือเป็นมืออาชีพที่รู้จริงเรื่องการสร้างบ้าน สามารถออกแบบบ้านบนที่ดินของลูกค้าได้ตรงตามความต้องการภายในระยะเวลาที่ตกลงกันตามสัญญา ทั้งยังให้บริการครบวงจรตั้งแต่การออกแบบ ก่อสร้าง ควบคุมงาน เก็บรายละเอียด ตกแต่งภายใน ฯลฯ รวมทั้งบริการหลังการขาย อาทิ การติดต่อกับหน่วยงานราชการ (ขอเลขที่บ้าน การขอใช้ไฟฟ้า ประปา) นอกจากนี้บริษัท รับสร้างบ้านที่ดีบางแห่งยังช่วยลูกค้าประเมินงบประมาณลูกค้าและขอกู้เงิน จากธนาคารอีกด้วย
แต่ปัญหาโดยทั่วไปก็คือผู้บริโภคมีทัศนคติและการรับรู้ในทางลบต่อ ผู้ประกอบการมืออาชีพเหล่านี้มากกว่า ทางบวก เนื่องจากข่าวคราวที่มักปรากฏทางหน้าหนังสือพิมพ์มักจะมีแต่ปัญหาการสร้างบ้านที่เกิดจากผู้ประกอบการทิ้งงาน สร้างบ้านไม่เสร็จทั้งที่รับเงินจากลูกค้า ไปแล้ว ฯลฯ
ถ้าลงลึกรายละเอียดจะพบว่าเป็นปัญหาที่เกิดจากบริษัทขนาดเล็กที่ไม่ได้มาตรฐานเข้ามาทำธุรกิจแบบฉาบฉวย ไม่มีเงินทุนมากพอ และไม่ม ีความจริงใจในการทำธุรกิจ อาจเรียกว่าผู้ประกอบการน้ำเสียที่ทำให้ชื่อเสียงของ ผู้ประกอบการน้ำดีที่มีคุณภาพพลอยได้รับความเสียหายไปด้วย
ในฐานะคลุกคลีอยู่ในวงการธุรกิจ รับสร้างบ้านมานานเกือบ 20 ปี และ รับผิดชอบอยู่ในตำแหน่งนายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน สมาคมวิชาชีพของผู้ดำเนินธุรกิจรับสร้างบ้านที่มีบทบาทในการดูแลสมาชิกและลูกค้าที่ใช้บริการมากขึ้น ปัญหาที่เคยเกิดขึ้นหรือเป็นความกังวลของลูกค้าก็ได้รับการดูแลแก้ไข โดยยืนยันด้วยประสบการณ์ตรงว่า ปัจจุบันผู้ประกอบการในธุรกิจรับสร้างบ้านมีมาตรฐานและคุณภาพมาก ทุกบริษัทที่เป็นสมาชิกสมาคมฯยึดหลักธรรมาภิบาลมาบริหารจัดการองค์กรและบริการลูกค้า
ที่สำคัญบริษัทรับสร้างบ้านยุคใหม่ ล้วนมีระบบบริหารจัดการที่ดี มีประสิทธิภาพมากขึ้น มีจรรยาบรรณและดูแลลูกค้าได้ทั่วถึงครบวงจร ทำให้ลูกค้าสามารถวางใจได้ โดยสามารถตรวจสอบข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ก่อนตัดสินใจเลือกใช้บริการได้โดยตรงที่สมาคมฯ
ทิ้งท้ายไว้ให้คิดกันสักหน่อยครับว่า การสร้างบ้านล่าช้าไปอีก 1-2 ปีย่อม หมายถึงต้นทุนที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นถ้ามีความพร้อมทั้งเงินงบประมาณและที่ดิน การตัดสินใจสร้างบ้านปีนี้ ย่อมถือว่าถูกต้องและคุ้มค่ามากทีเดียว
|
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 05-06-2551
|
|
|
|
|
