Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
ค่ายจัดสรรพลิกเกมชิงไหวชิงพริบคู่แข่ง งัด5กลยุทธ์มัดใจลูกค้า-ฝ่าด่านต้นทุน |
|
อดีตนายก ส.อสังหาฯชี้ตลาดบ้านปี"51 ยัง น่าห่วง แนะผู้ประกอบการเร่งปรับตัวทั้งในเชิงรุกและรับ สร้างความได้เปรียบคู่แข่งขัน ชู 5 กลยุทธ์เป็นสูตรสำเร็จฝ่ามรสุมกำลังซื้อ "โลเกชั่น โปรดักต์ สภาพแวดล้อม บริการหลังการขาย ซีเคียวริตี้" มัดใจลูกค้า-ลดต้นทุนค่าใช้จ่าย
นายกนก เดชาวาศน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮมเพลส ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด อดีตนายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย วิเคราะห์ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ว่า ถึงขณะนี้ยัง มองไม่เห็นแนวโน้มในทิศทางที่เป็นบวกมากนัก
แม้สถานการณ์ทางการเมืองจะคลี่คลายลง และรัฐบาลชุดใหม่กำลังจะเข้ามาบริหารประเทศผู้ประกอบการจึงต้องเร่งปรับตัวทั้งในเชิงรุกและรับ ให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วง เนื่องจากการแข่งขันในตลาดที่อยู่อาศัยเวลานี้มีหลายปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้า ประกอบด้วยทำเลหรือโลเกชั่นแบบบ้านหรือโปรดักต์ สภาพแวดล้อม การบริการหลังการขาย และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน จากเดิม ที่ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับทำเลเป็นหลัก
ผู้ประกอบการจึงต้องให้ความสำคัญในการพัฒนาตัวโปรดักต์ สภาพแวดล้อม การบริการ หลังการขาย ความปลอดภัยในการอยู่อาศัยในโครงการให้มีคุณภาพ และพยายามสร้างจุดยืนหรือจุดขายเพื่อให้สอดรับกับความต้องการของลูกค้า สิ่งเหล่านี้หากทำให้ลูกค้ามีความพึงพอใจได้นอกจากจะประสบความสำเร็จในด้านการตลาดและการขายแล้ว ยังช่วยประหยัดต้นทุนค่าใช้จ่ายหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายด้านการตลาด การจัดโปรโมชั่น รวมทั้งการบริการหลังการขาย
นายกนกกล่าวว่า 5 ปัจจัยข้างต้น ได้แก่ ทำเล โปรดักต์ สภาพแวดล้อมโครงการ การบริการ หลังการขาย และการให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย ถือได้ว่าเป็นสูตรสำเร็จ ที่ผู้ประกอบการหลายๆ บริษัทนำมาใช้เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน อย่างเช่น เรื่องสภาพแวดล้อมโครงการ เดิมคนส่วนใหญ่คิดว่าสภาพแวดล้อมที่ดินจะมีเฉพาะในโครงการบ้านจัดสรรระดับบนเท่านั้น แต่ปัจจุบันโครงการทั้งขนาดเล็กและกลางต่างให้ความสำคัญในจุดนี้ เนื่องจากมีผลต่อการตัดสินใจซื้อบ้านของผู้บริโภคมากขึ้นเรื่อยๆ
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการบริการหลังการขายเวลานี้หลายบริษัทพัฒนาระบบการบริการจัดการในเชิงรุก เช่น เมื่อลูกค้าตรวจสอบและ รับโอนบ้านเพื่อเข้าอยู่อาศัย เพียงแค่ 2-3 วัน หลังจากนั้นจะมีทีมบริการหลังการขายเข้าไปตรวจสอบรับฟังปัญหาและข้อคิดเห็น เพื่อจะได้ปรับปรุงแก้ไขปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นให้กับลูกค้า จากนั้นเมื่อครบ 1 เดือน 3 เดือน จนถึงช่วงใกล้สิ้นสุดระยะเวลารับประกัน ก็จะเข้าไปตรวจสอบซ้ำอย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องให้ลูกค้าร้องขอด้วยตัวเองเมื่อพบเจอปัญหาเกิดขึ้นในบ้าน ฯลฯ
"สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีการนำระบบการพัฒนาและควบคุมคุณภาพมาใช้ และเมื่อใดที่เริ่มทำงานได้เข้าใกล้จุดที่เรียกว่ามีคุณภาพ ก็สามารถจะประหยัดต้นทุนและค่าใช้จ่ายด้านการตลาด การบริการหลังการขายได้มาก"
ขณะเดียวกัน จะต้องบริหารจัดการเกี่ยวกับ สต๊อกบ้านให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เช่น อาจมีบ้านสร้างเสร็จในระดับที่ใกล้เคียงหรือเท่ากับ ยอดขายในเดือนต่อไป พร้อมๆ กับบริหารจัดการผู้รับเหมาให้ก่อสร้างบ้านเสร็จเร็วขึ้น ถือเป็นการบริหารจัดการความเสี่ยงให้มีน้อยที่สุด แม้ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันโครงการแนวราบจะมีความเสี่ยงน้อยกว่าแนวสูงหรือคอนโดฯ ขณะที่ดีมานด์ในตลาดขณะนี้ต้องยอมรับว่าคอนโดฯมาแรง และมียอดขายดีกว่าโครงการแนวราบไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 07-02-2551
|
|
|
|
|