Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
งานด่วน "คมนาคม" สานต่อ "โลจิสติกส์-รถไฟฟ้า" |
|
รายงาน
ปีเศษๆ ที่ผ่านมากระทรวงคมนาคม ภายใต้การบริหารของรัฐบาลขิงแก่ ยุค "พลเรือเอกธีระ ห้าวเจริญ" รมว.คมนาคม และ "สรรเสริญ วงศ์ชะอุ่ม" รมช.กระทรวงเดียวกัน อาจกล่าวได้ว่าเป็นช่วงระยะเวลาที่ผลงานไม่ค่อยออกสู่สายตาประชาชนมากนัก
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นทำให้ 2 รัฐมนตรีแห่งกระทรวงหูกวางกลายเป็นเป้าหมายของเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าคมนาคมพีเรียดนี้เป็นยุคทำงานแบบใส่เกียร์ว่าง
"ผลงานที่เด่นๆ ก็มีเช่น เปิดประมูลรถไฟรางคู่ ประหยัดงบฯรัฐไปได้กว่า 1 พันล้านบาท" เป็นความในใจเชิงตัดพ้อสังคมของ "รมต.สรรเสริญ" ฝากไว้กับ "ประชาชาติธุรกิจ"
อย่าลืมว่าดีกรีของ "สรรเสริญ" ที่มาจากอดีตเลขาธิการสภาพัฒน์ งานที่ถนัดจึงมักจะเป็นเรื่องการวางแผนยุทธศาสตร์เป็นด้านหลัก จะเห็นได้จากเนื้องานที่แถลงผลงานแต่ละครั้งจะย้ำวนเวียนเกี่ยวกับการวางกรอบการพัฒนาไว้ให้กับรัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามา "ให้ช่วยสานต่อ" โดยให้ความสำคัญกับเรื่องพลังงาน สิ่งแวดล้อมและการบริหารจัดการที่ดี
หนึ่งใน "งานค้าง" คือโปรเจ็กต์การพัฒนาระบบโลจิสติกส์และระบบขนส่งมวลชนระบบรางเพื่อทดแทนการใช้ถนน ที่แนวโน้มจะต้องลดบทบาทลงเรื่อยๆ ในอนาคต (ตามเป้าหมายแผนพัฒนาประเทศโดยรวม)
"ตอนนี้ระบบโลจิสติกส์เริ่มทำไปบ้างแล้ว คือ รถไฟฟ้ารางคู่ สายฉะเชิงเทรา-ศรีราชา-แหลมฉบัง ซึ่งกว่าจะใช้ได้ต้องรออีก 3-5 ปี แต่มีอีกหลายสายที่อยากให้รัฐบาลใหม่ช่วยสานต่อ เช่น สายขอนแก่น-โคราช-แหลมฉบัง ถ้าทำเสร็จจะช่วยเรื่องการขนส่งได้มากไม่ใช่แค่ประเทศเราประเทศเดียว ยังเป็นโครงข่ายไปถึงประเทศเพื่อนบ้านด้วย"
"งานด่วน" ที่รอการสานต่อจากรัฐบาลชุดใหม่ยังรวมถึงระบบขนส่งมวลชน โดยเน้นในเขตพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลเป็นหลัก พบว่าได้อนุมัติการลงทุนไปแล้ว 5 สาย มูลค่ารวมกว่า 1.65 แสนล้านบาท ประกอบด้วย สายสีแดงช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ช่วงบางซื่อ-รังสิต สายสีม่วง ช่วงบางซื่อ-บางใหญ่ สายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงบางซื่อ-ท่าพระ สายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ
1 ปีเศษของรัฐบาลสุรยุทธ์ จุลานนท์ กระทรวงคมนาคมผลักดันจนกระทั่งมีการเปิดประกวดราคาไปแล้ว 1 สาย คือ "สายสีแดง" ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ที่อยู่ระหว่างการเคาะราคา "สายสีม่วง" อยู่ระหว่างเตรียมประกาศขายเอกสาร ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างออกแบบ
จะเห็นว่าขั้นตอนยืดเยื้อในการประมูลเมกะ โปรเจ็กต์ของกระทรวงคมนาคม มีการ "ชง" ไว้ให้เกือบหมดแล้ว โดยเฉพาะขั้นตอนผลการศึกษาตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯเหลือแค่ผู้บริหารใหม่เข้ามารันการเปิดประมูลเท่านั้น
"การลงทุนโครงการขนาดใหญ่จะช่วยขับเคลื่อนภาวะเศรษฐกิจให้เดินต่อไปได้ เพราะเมื่อมีการก่อสร้างจะเกิดการสร้างงาน เมกะโปรเจ็กต์รถไฟฟ้าก็เป็นอีกความหวังหนึ่งในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งระบบ"
อย่างไรก็ตาม มรดกที่กระทรวงคมนาคมยุครัฐบาลเกียร์ว่างทิ้งไว้ให้ผู้บริหารรุ่นต่อไป ไม่ได้มีแต่การ "ชง" เรื่องประมูลรถไฟฟ้าเท่านั้น หากแต่ยังมี "เผือกร้อน" อีกสารพัดเรื่องที่ถือเป็นงานเร่งด่วนแทบทั้งสิ้น เพราะยังมีอีกหลายโครงการที่ติดขัดและล่าช้า อาทิ การชดเชยปัญหาเสียงจากสนามบินสุวรรณภูมิ การประมูลรถไฟฟ้า
รวมถึง "เผือกร้อนก้อนโต" ที่พร้อมจะกลายเป็นภาระหนักส่งต่อมายังรัฐบาลใหม่ โดยเฉพาะการปรับขึ้นค่าผ่านทางและภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) 7% ของระบบทางด่วนทั้งระบบ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อประชาชนโดยตรง |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 31-01-2551
|
|
|
|
|