Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
อสังหาฯขยาดการเมืองรอลุ้นครึ่งปีหลัง บิ๊กในตลาดหุ้นกัดฟันลุยโปรเจ็กต์ ใหม่ |
|
อสังหาฯรอลุ้นนโยบายรัฐบาลใหม่ "ประสงค์ เอาฬาร" หัวเรือใหญ่กลุ่มธุรกิจอสังหาฯ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ชี้แนวโน้มผู้ประกอบการจะเทน้ำหนักลงทุนเปิดตัวโครงการใหม่ไปในช่วงครึ่งปีหลัง ขอรอดูความชัดเจนทีมเศรษฐกิจและนโยบายก่อน ส่วนปริมาณจดทะเบียนบ้านใหม่ปีนี้คาดจะกลับมาอยู่ในระดับ 7.8 หมื่นหน่วย ใกล้เคียงปี"49 หลังจากปีที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากการเมืองและเศรษฐกิจซบเซาจนตลาดหดตัวลง ส่วนค่ายจัดสรร-คอนโดฯ ในตลาดหุ้นเคลื่อนไหวคึกคักกัดฟันชูธงแผนลงทุนแบบวัดดวงไม่หวั่นความเสี่ยง
นายประสงค์ เอาฬาร ประธานกรรมการธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และนายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยว่า หลังการเลือกตั้งผ่านพ้นไป ขณะนี้ภาคธุรกิจกำลังจับตาดูความเคลื่อนไหวการจัดตั้งรัฐบาล การวางตัวรัฐมนตรี รวมถึงนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่จะเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับคืนมาอีกครั้ง ดังนั้นมีความเป็นไปได้ว่าในช่วง 3-5 เดือนแรกของปีนี้ ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะไม่มีการลงทุนเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มขึ้นมากนัก อาจเป็นการเปิดขายบ้านในโครงการเก่าที่มีอยู่ไปก่อน แต่จะไปเร่งลงทุนมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง เพราะต้องการรอดูความชัดเจนของนโยบายภาครัฐก่อน
"ประเมินว่าการลงทุนเปิดตัวโครงการใหม่ของบริษัทพัฒนาที่ดินในปีนี้ จะให้น้ำหนักไปที่ช่วง ครึ่งปีหลังมากกว่า สัดส่วนน่าจะอยู่ที่ 60 : 40 เพราะถ้าทุกอย่างชัดเจนขึ้นนั่นคือช่วงเวลาที่เหมาะสมในการลงทุน"
แนวโน้มดังกล่าวน่าจะคล้ายๆ กับสถานการณ์ในปี 2550 ที่ผ่านมา โดยในช่วง 6 เดือนแรกบริษัทพัฒนาที่ดินต่างไม่เร่งรีบลงทุนเปิดตัวโครงการใหม่ เพราะเพิ่งผ่านพ้นการปฏิวัติรัฐประหารได้ไม่นาน จนเริ่มเห็นความชัดเจนจากการประกาศกำหนดวันเลือกตั้ง ผู้ประกอบการส่วนใหญ่จึงเริ่มหันมาเปิดตัวโครงการใหม่กันมากขึ้น
นายประสงค์กล่าวต่อว่า สำหรับแนวโน้มธุรกิจอสังหาฯในปีนี้ หากการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ราบรื่นและสามารถดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจได้ตามที่ประกาศไว้ คาดว่าปริมาณการจดทะเบียนบ้านใหม่ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล จะกลับมาอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปี 2549 อีกครั้ง หรือประมาณ 7.8 หมื่นหน่วย หลังจากปี 2550 ภาพรวมธุรกิจอสังหาฯได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจซบเซา โดยประมาณการว่ามีปริมาณจดทะเบียนบ้านใหม่หดตัวลง 6-7% หรือลดลงเหลือ 7.5-7.6 หมื่นหน่วย
โดยการพัฒนาโครงการในปีที่ผ่านมา บ้านเดี่ยวยังมีสัดส่วนสูงที่สุดประมาณ 50% รองลงมาคือทาวน์เฮาส์และคอนโดมิเนียมอย่างละ 25% ถือว่าเป็นสัดส่วนที่เหมาะสม อย่างไรก็ตามในปีนี้การพัฒนาโครงการประเภทซิตี้คอนโดฯจะยังคงเป็นที่ต้องการของตลาด รวมถึงโครงการบ้านเดี่ยวราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท และเป็นปัจจัยที่อาจทำให้มูลค่าตลาดรวมหดตัวลงเล็กน้อย แต่ไม่ใช่สิ่งที่น่าเป็นห่วง
เหตุผลเนื่องจากเป็นการสะท้อนว่า ผู้ประกอบการมีการปรับตัวพัฒนารูปแบบที่อยู่อาศัยให้สอดรับกับความต้องการตลาด โดยคาดว่าราคาเฉลี่ยบ้านที่เปิดตัวใหม่ในปีนี้ จะปรับลดลงจาก 2.8 ล้านบาท เหลือ 2.5 ล้านบาทต่อยูนิต
นายประสงค์กล่าวด้วยว่า สิ่งที่ภาคธุรกิจอสังหาฯคาดหวังจากรัฐบาลชุดใหม่ คือ การผลักดันโครงการเมกะโปรเจ็กต์รถไฟฟ้า ไม่จำเป็นว่าจะต้องได้ 3 หรือ 5 สายทาง แต่สิ่งสำคัญคือต้องทำให้เกิดขึ้นจริงตามที่ประกาศไว้ ขณะเดียวกันก็หวังจะเห็นรัฐบาลวางนโยบายที่จะตรึงหรือปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงเล็กน้อยเพื่อกระตุ้นการซื้อบ้าน มากกว่าที่จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตามหากมองในภาพรวม การปรับลดอัตราดอกเบี้ยอาจส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อปรับสูงขึ้น จึงต้องติดตามว่ารัฐบาลชุดใหม่จะพิจารณาเรื่องนี้อย่างไร
ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานว่า จากการสำรวจแผนลงทุนของผู้ประกอบการพัฒนา ที่ดินในปีนี้ พบว่าแม้ส่วนใหญ่ยังต้องการรอดู สถานการณ์ทางการเมืองและรัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศ แต่หลายบริษัทประกาศเดินหน้าลงทุนตามแผนที่วางไว้ก่อนหน้านี้ โดยแสดงความมั่นใจว่าสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจและการเมืองไม่น่าจะเลวร้ายกว่าที่ผ่านมาอีกแล้ว อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่าความเคลื่อนไหวในการลงทุนหลักๆ จะมาจากกลุ่มอสังหาฯ ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาที่ดินที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งจำเป็นต้องลงทุนต่อเนื่องเพื่อผลทางด้านภาพลักษณ์และสร้างแรงดึงดูดใจให้กับนักลงทุน
อาทิ พร็อพเพอร์ตี้เพอร์เฟค, ควอลิตี้เฮ้าส์, เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้, พฤกษา เรียลเอสเตท, ศุภาลัย, มั่นคงเคหะการ, เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น, แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์, โกลเด้นแลนด์, ปริญสิริ เป็นต้น |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 17-01-2551
|
|
|
|
|