Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
ฟรี 1 ปี "ด่วนวงแหวนใต้" กระทบชิ่ง BECL |
|
การเปิดใช้ทางพิเศษสายบางพลี-สุขสวัสดิ์ หรือวงแหวนด้านใต้
ช่วงสุดท้ายระยะทาง 22.5 กิโลเมตร มีทั้งข่าวดีและข่าวร้ายมาพร้อมๆ กัน
"ข่าวดี" คือช่วยให้ประชาชนคนกรุงเทพฯและผู้ที่อยู่อาศัยพื้นที่รอบนอกตามตะเข็บชานเมืองได้ใช้โครงข่ายถนนกาญจนาภิเษกครบสมบูรณ์เต็มลูป แน่นอนว่าหมายถึงความสะดวกสบายในการเดินทางแบบเชื่อมโยงเมืองต่อเมืองได้
ส่วน "ข่าวร้าย" จะเป็นมุมมองในแง่ของธุรกิจเป็นด้านหลัก เพราะทางพิเศษสายนี้กลายเป็นคู่แข่งขันกับโครงข่ายทางด่วนโดยปริยาย ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการจัดเก็บรายได้ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) และบริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีอีซีแอล คู่สัญญาสัมปทาน
ทั้งนี้ทั้งนั้น กทพ.และบีอีซีแอลยอมรับโดยดุษณีแล้วว่า หลังเปิดใช้โครงการวงแหวนด้านใต้จะได้รับผลกระทบแบบเต็มๆ ในแง่ปริมาณการจราจรต้องหายไปอย่างแน่นอน
เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วแบบไม่คาดฝันกับการเปิดใช้โครงการวงแหวนอุตสาหกรรมเมื่อปลายเดือนกันยายน 2549 ที่ผ่านมา ซึ่งมีผลทำให้รายได้ค่าผ่านทางของระบบทางด่วนขั้นที่ 1 ลดลงไปถึง 2%
"หลังเปิดใช้ถนนวงแหวนอุตสาหกรรมรายได้ทางด่วนขั้นที่ 1 ไตรมาสที่ 3 ลดลง 1.83% จากที่เคยได้ 711 ล้านบาท เหลือ 698 ล้านบาท งวด 9 เดือน ลดลง 2.60% จาก 2,116 ล้านบาท เหลือ 2,061 ล้านบาท โดยเฉพาะที่ด่านสุขสวัสดิ์ เพราะรถบรรทุกหนีไปใช้วงแหวนอุตสาหกรรมหมด แต่มีรถเก๋งมาแทน เพราะบริเวณสะพานแขวนรถมาใช้น้อยไม่ติดเหมือนเมื่อก่อน" พเยาว์ มริตตนะพร กรรมการผู้จัดการของบีอีซีแอลกล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ"
"ภัยคุกคาม" สำหรับบีอีซีแอลในวินาทีนี้ ถัดจากการเปิดใช้ถนนวงแหวนอุตสาหกรรมแล้ว scenario ที่สองก็คือปฏิบัติการทดลองใช้ฟรีถนนวงแหวนด้านใต้นี่เอง
"ประเมินคร่าวๆ จากการเปิดใช้วงแหวนด้านใต้คาดว่าปริมาณรถน่าจะหายไปประมาณ 16,000 คันต่อวัน หรือคิดเป็นรายได้เฉลี่ย 7-8 แสนบาทต่อวัน เพราะถนนวงแหวนด้านใต้นี้จะพารถยนต์ที่เคยใช้ทางด่วนขั้นที่ 1 บริเวณด่านดาวคะนองหายไป รวมถึงผลกระทบจากการก่อสร้างรถไฟฟ้าที่ถนนสุขุมวิทด้วย ที่บริเวณสุขุมวิทซอย 62 และด่านบางนา"
ประเด็นที่ "พเยาว์" กังวลมากที่สุดไม่ใช่การเปิดบริการอย่างเป็นทางการของทางด่วนวงแหวนด้านใต้ แต่เป็นเรื่องโปรโมชั่นสุดพิเศษ คล้ายๆ กับเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชนผู้ใช้ทาง "ถ้าวงแหวนด้านใต้เก็บค่าผ่านทางเราไม่กลัว แต่เปิดใช้ฟรี 1 ปีนี่สิ มีปัญหาแน่นอน"
กลุ่มลูกค้าหลักของระบบทางด่วนก็คือ "สิงห์รถบรรทุก" ซึ่งใช้เส้นทางคมนาคมขนส่งจากอีสเทิร์นซีบอร์ดจากโซนใต้ แต่เดิมเคยใช้ทางด่วนอย่างหนาแน่นที่ด่านดาวคะนองมาลงท่าเรือคลองเตย หรือต่อยอดเส้นทางสู่ชลบุรี ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักๆ ที่จะต้องหายไปส่วนหนึ่งอย่างแน่นอน โดยสามารถผันตัวไปใช้เส้นทาง (ฟรี 1 ปีเต็ม) ถนนวงแหวนด้านใต้ได้ทันทีเพราะเป็น route เดียวกัน
"รถบรรทุก 6-10 ล้อ ที่มาใช้บริการกับเราสัดส่วนอยู่ที่ 4.5% และรถบรรทุกตั้งแต่ 10 ล้อขึ้นไปมีสัดส่วน 0.5% ของทั้งระบบ ซึ่งเราคงทำอะไรไม่ได้ เพราะทางด่วนไม่เหมือนกับธุรกิจอื่น ไม่ต้องใช้โปรโมชั่นลดแลกแจกแถม เป็นความพึงพอใจของผู้ใช้ทางมากกว่า" คำอธิบายของ "พเยาว์"
ด้าน กทพ. ผู้ว่าการ "เผชิญ ไพโรจน์ศักดิ์" ยอมรับว่า การเปิดใช้โครงการวงแหวนด้านใต้ทำให้ปริมาณการจราจรของทางด่วนขั้นที่ 1 ที่ด่านดาวคะนองและทางด่วนบางนา-ชลบุรีหายไปประมาณ 20-30% หรือประมาณ 20,000 คัน จากที่คาดการณ์ไว้ว่าจะมีผู้มาใช้ทางประมาณ 90,000-100,000 คันต่อวัน อย่างไรก็ตามยังมองบวกว่าตัวเลขที่หายไปจะเป็นเพียง "ระยะสั้นๆ"
"สาเหตุที่ปริมาณรถยนต์ลดลงเป็นเพราะเส้นทางของวงแหวนด้านใต้และระบบทางด่วนขั้นที่ 1 เป็นทางคู่ขนานกัน สามารถเดินทางเข้าเมืองและออกเมืองได้ทั้งหมด จึงทำให้แชร์ผู้ใช้ทางไปจากทางด่วนได้ เพราะเป็นทางเลือกหนึ่งให้กับผู้ใช้ทาง"
ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2548 กทพ.ได้จัดทำผลการศึกษากรณีมีการก่อสร้างโครงการนี้ไว้แล้ว พบว่าจะมีผลให้ปริมาณรถยนต์ผ่านสะพานแขวนพระราม 9 หายไปประมาณ 50,000 คัน จากตัวเลขประเมินปริมาณรถยนต์จำนวน 240,000 คันต่อวัน หรือลดเหลือ 190,000 คันต่อวัน
นับเป็นตัวเลขที่น่าสนใจ เพราะเมื่อถึงเวลาเข้าจริงๆ แล้วพบว่า การเปิดใช้ถนนวงแหวนอุตสาหกรรมทำให้ กทพ.ได้รับผลกระทบด้านรายได้ที่ลดลงไปเกือบ 2%
มาครั้งนี้นโยบายเปิดใช้ทางฟรี 1 ปีเต็มๆ สำหรับวงแหวนด้านใต้ ประมาณการว่าจะทำให้รายได้ของ กทพ.หายไปประมาณ 700-800 ล้านบาท หรือถัวเฉลี่ย 2 ล้านบาทต่อวันทีเดียว
นี่เป็นเพียงตัวเลขเบาะๆ ที่ประเมินแบบ คร่าวๆ ไม่รู้ว่าของจริงออกมาแล้ว จะต่ำหรือสูงกว่านี้อีกกี่มากน้อย
|
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 19-11-2550
|
|
|
|
|