|
Link
to us!!!
|
| ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
|
| อ้อนสภาพัฒน์สั่งรฟม.รื้อแบบก่อสร้าง ปูนใหญ่เต้น"รถไฟฟ้าสีม่วง"ทับฮวงจุ้ย |
|
SCG กลุ้มใจ พิมพ์เขียวโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงช่วงบางซื่อ-บางใหญ่ เจาะจงสร้าง "สถานีบางซื่อ" เป็นทางยกระดับบริเวณหน้าบริษัท หวั่นบดบังทัศนียภาพ ร่อนหนังสือถึงสภาพัฒน์ร้องขอให้มีการปรับแบบจากทางยกระดับให้มุดอุโมงค์ใต้ดินแทน ผู้ว่าการ รฟม. "ประภัสร์ จงสงวน" ฟันธงเปลี่ยนไม่ได้เด็ดขาด ทุกอย่างผ่านฉลุยรวมทั้ง EIA ถ้ายอมเปลี่ยนแบบหวั่นกระทบถึงงบฯก่อสร้างโครงการจะบานปลายหนัก เปิดทางตั้งโต๊ะคุยสองฝ่ายหาข้อยุติบรรเทาผลกระทบระหว่างก่อสร้างแทน "กานต์ ตระกูลฮุน" เตรียมแผนพัฒนาพื้นที่ติดแนวรถไฟฟ้า รับกระแสการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ทางบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCG ได้ทำหนังสือถึงสำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เพื่อขอให้ รฟม.ทบทวนการออกแบบก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางซื่อ-บางใหญ่ ระยะทาง 23 กิโลเมตร ซึ่งแนวเส้นทางจะเชื่อมต่อกับสถานีบางซื่อ
เนื่องจากโครงสร้างของรางรถไฟฟ้าสายสีม่วงบริเวณตัดผ่านบางซื่อจะก่อสร้างเป็นทางยกระดับสูง โดยไต่ระดับจากสถานีบางซื่อของรถไฟฟ้าใต้ดินสายปัจจุบัน โดยไต่ระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ ให้มีความลาดชันอยู่ที่ระดับ 4.5% ซึ่งแนวเส้นทางจะตัดผ่านด้านหน้าของบริษัทปูนซิเมนต์ไทยบริเวณที่เป็นสระน้ำ ที่ปัจจุบันมีตอม่อที่ก่อสร้างรอไว้แล้ว ถ้าผ่านไปจะเห็นว่าบริเวณสระน้ำมีตอม่อโผล่ออกมา โดยก่อนหน้านี้บริษัทเคยทำหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและ ร.ต.ต.เกรียงศักดิ์ โลหะ
ชาละ ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟม.มาแล้ว ซึ่ง รฟม.ได้ชี้แจงไปโดยยืนยันรูปแบบเดิม
"เรื่องนี้บริษัทปูนซิเมนต์ไทยรู้และรับทราบมานานแล้วว่าจะมีการก่อสร้างบริเวณนี้ โดยไม่ผ่านถนนที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เพราะถนนแคบทำให้ไม่พอกับการก่อสร้าง เพราะตัวโครงสร้างของรถไฟฟ้าใต้ดินช่วงสุดท้ายจะอยู่ในระดับดิน เพื่อเชื่อมต่อกับโครงการในอนาคต" นายประภัสร์กล่าว
ทั้งนี้แนวสายทางได้มีการศึกษามาแล้วว่าจะตัดผ่านบริเวณนี้ แต่เมื่อ รฟม.จะลงมือก่อสร้างโครงการขึ้นมาจริงๆ ทางบริษัทจะมาขอให้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการก่อสร้างใหม่ให้เป็นรูปแบบใต้ดินแทน ล่าสุดทางสภาพัฒน์ได้ให้ รฟม.ชี้แจงในเรื่องเดียวกันนี้
นายประภัสร์กล่าวว่า รฟม.จะยืนยันในรูปแบบโครงสร้างเดิม โดยก่อสร้างเป็นทางยกระดับเหมือนเดิม เนื่องจากโครงการนี้ได้มีการออกแบบไว้นานแล้วตั้งแต่ปี 2540 นอกจากนี้ยังผ่านการพิจารณาเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย และบริษัทก็รับทราบถึงรูปแบบของโครงการรวมทั้งการเวนคืนที่ดินเพื่อก่อสร้างโครงการ
"แบบเราคงไม่ปรับแก้ใหม่ เพราะถ้าเปลี่ยนแบบเราจะมีผลกระทบเยอะมาก จะต้องทำผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรือ EIA ใหม่ ซึ่งจะเสียเวลา ทำให้โครงการล่าช้าออกไปอีก รวมถึงค่าก่อสร้างที่จะต้องเพิ่มขึ้นไปอีกด้วย จากปัจจุบันที่งบฯก่อสร้างอยู่ที่ 31,217 ล้านบาท"
นายประภัสร์กล่าวต่อว่า รฟม.คงจะช่วยได้ในเรื่องของการจัดการในส่วนของผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับบริษัทมากกว่า เมื่อมีการก่อสร้างโครงการ เช่น โครงการไปปิดทางเข้า-ออกของบริษัท รฟม. จะทำทางเข้า-ออกให้ใหม่ รวมถึงการปรับปรุงภูมิทัศน์ให้ด้วย อย่างไรก็ตามคงต้องมาหารือร่วมกันระหว่าง SCG และ รฟม.เพื่อหาข้อยุติร่วมกัน
นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาแนวทางการปรับเปลี่ยนหรือปรับปรุงพื้นที่บริเวณด้านหน้าของบริษัท เพื่อให้สอดคล้องกับรูปแบบของโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงของ รฟม.ที่จะก่อสร้างในเร็วๆ นี้ เนื่องจาก รฟม.ออกแบบโครงการเป็นโครงสร้างทางยกระดับซึ่งตัดผ่านด้านหน้าของบริษัทบริเวณที่เป็นสระน้ำพอดี ทำให้บดบังทัศนียภาพของบริษัทที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
รวมถึงความเปลี่ยนแปลงตามแนวสายทางที่จะมีขึ้นในอนาคตอีกด้วย เนื่องจากที่ตั้งของบริษัทอยู่ห่างจากสถานีบางซื่อไม่มาก ส่วนสถานีเตาปูนอยู่ห่างประมาณ 800 เมตร ซึ่งบริษัทคงจะต้องมาพิจารณาดูว่าจะทำอะไรได้บ้าง
"บริษัทกำลังเตรียมแผนไว้อยู่ว่าจะมีการพัฒนาสภาพแวดล้อมของบริษัทใหม่ให้สอดรับกับโครงการรถไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งได้เตรียมไว้นานแล้ว แต่ยังไม่รีบร้อนที่จะดำเนินการ ต้องรอให้โครงการรถไฟฟ้าเริ่มก่อสร้างก่อน เพราะดูแล้วถ้ารถไฟฟ้ามาพื้นที่ย่านนี้มีการเปลี่ยนแปลงแน่นอนเพราะบางซื่อเป็นสถานีชุมทางขนาดใหญ่ จะมีคนเข้าออกจำนวนมาก"
นายกานต์กล่าวต่อว่า สำหรับรูปแบบการพัฒนา เดิมบริษัทมีความตั้งใจจะพัฒนาพื้นที่ว่างด้านหน้าก่อสร้างเป็นโชว์รูมขนาดใหญ่ภายใต้ชื่อ SCG Experience รูปแบบจะเป็นโชว์รูมแสดงสินค้าวัสดุก่อสร้างของเครือซิเมนต์ไทยทั้งหมด พื้นที่ไม่ต่ำกว่า 10,000 ตารางเมตรขึ้นไป โดยรูปแบบการพัฒนาพื้นที่ไม่มีจุดประสงค์พัฒนาเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์ เช่น การสร้างออฟฟิศให้เช่า แต่ต้องการเป็นโชว์รูมเพื่อสนับสนุนนโยบายสร้างภาพลักษณ์องค์กรเป็นด้านหลัก
"พื้นที่ด้านหน้าของบริษัทได้ถูกเวนคืนไปเรียบร้อยแล้ว โดยเวนคืนเข้ามาถึงบริเวณสระน้ำที่อยู่ภายในรั้วของบริษัท เฉียดตรงพลับพลาที่ประทับ โครงสร้างเป็นแบบสโลปสูงจากพื้นดินประมาณ 80 เมตร" นายกานต์กล่าวตอนท้าย
|
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 19-11-2550
|
|
|
|
|
