|
Link
to us!!!
|
| ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
|
| กทพ.อ้างแบกภาระแวต15ปี ชงขอขึ้นค่าทางด่วน50บาท |
|
การทางพิเศษฯ ลอนช์นโยบายปรับราคา ค่าทางด่วน ชี้ผู้ใช้ทางปีหน้าเจอ 2 เด้ง ทั้งภาระค่า แวตบวกสัญญาสัมปทานเปิดช่องให้ปรับราคาได้ทุก 5 ปี สรุปตัวเลขคร่าวๆ ค่าบัตรทางด่วนจาก 40 บาท จะปรับเป็น 50 บาท ถ้าไม่เจอโรคเลื่อนคาดใช้บังคับได้ในเดือนกันยายน 2551
นายสุรชัย ธารสิทธิ์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า การประชุมบอร์ด กทพ. ครั้งที่ผ่านมาทาง กทพ.ได้รายงานถึงความคืบหน้าการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มหรือแวต 7% รวมกับค่าผ่านทางระบบทางด่วน ที่ กทพ.รับภาระแวตแทน ผู้ใช้ทางด่วนอยู่ เฉลี่ยปีละ 700 ล้านบาท ซึ่งบอร์ดได้อนุมัติและได้เสนอตามขั้นตอนให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาอนุมัติแล้ว ก่อนที่จะ เสนอไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขอยกเลิกมติ ครม.ให้ กทพ.เก็บแวตได้ต่อไป
ล่าสุด ทาง พลเรือเอกธีระ ห้าวเจริญ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ขอให้กทพ.ชะลอ การเก็บแวตออกไปก่อน เนื่องจากปัจจุบันภาวะเศรษฐกิจไม่ค่อยดี โดยขอให้ไปรวมกับการ ปรับขึ้นค่าผ่านทางระบบทางด่วนทั้งระบบที่ กทพ.จะมีการปรับราคาใหม่ในวันที่ 1 กันยายน 2551 ที่จะถึงนี้
"ตามตารางเวลา เดือนกันยายนปีหน้า กทพ. จะมีการปรับค่าผ่านทางใหม่ทั้งระบบอยู่แล้ว นโยบายของกระทรวงคมนาคมคือให้ชะลอการ จัดเก็บแวตออกไปโดยนำไปคิดรวมกับค่าผ่านทางพร้อมกันเลยทีเดียว ในทางปฏิบัติ กทพ.จะเริ่มเจรจาปรับค่าผ่านทางกับบีอีซีแอล ซึ่งเป็นคู่สัญญาสัมปทานตั้งแต่เดือนมีนาคม 2551 เป็นต้นไป การเจรจาคงต้องใช้ช่วงเวลาพอสมควรก่อนจะได้ข้อสรุปเพื่อขออนุมัติให้เก็บค่าผ่านทางในเดือนกันยายน"
นายสุรชัยกล่าวต่อว่า ปัจจุบัน กทพ.รับภาระแวตแทนผู้ใช้ทางด่วน รวมเป็นวงเงินประมาณ 7,000 กว่าล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม 2535 เป็นต้นมา หาก กทพ.สามารถถ่ายโอนภาระภาษีมูลค่าเพิ่มไปให้ผู้ใช้บริการได้ จะทำให้มีเงินมาพัฒนาโครงการทางด่วนสายใหม่หรือปรับปรุงการให้บริการมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งเป็นการช่วยลดภาระของรัฐบาลลงได้ด้วย
แหล่งข่าวจาก กทพ.กล่าวว่า ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2551 เป็นต้นไป กทพ.จะเจรจา กับ บริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีอีซีแอล คู่สัญญาสัมปทานเพื่อปรับขึ้นค่าผ่านทางระบบทางด่วนขั้นที่ 1 และ 2 จากเดิมเก็บอยู่ 40 บาท โดยในการพิจารณาปรับค่าผ่านทางจะดูจาก ค่าดัชนีผู้บริโภคหรือค่า CPI ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ณ ตอนนั้นว่าอยู่ที่เท่าไหร่ แล้วนำมาคำนวณเป็นราคาค่าผ่านทางที่จะปรับเพิ่มขึ้น
"คำนวณคร่าวๆ การปรับขึ้นค่าผ่านทาง ไม่น่าจะเกิน 5 บาท เมื่อรวมแวตอีก 7% ประมาณ 3.15 บาทแล้ว ค่าผ่านทางน่าจะอยู่ที่ 48.15 บาท จากเดิมที่เก็บอยู่ 40 บาท เพิ่มขึ้น 8.15 บาท แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณา เมื่อมีเศษออกมาแบบนี้ อาจจะต้องปรับเป็น 50 บาท"
แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า เรื่องการปรับขึ้นค่าผ่านทางระบบทางด่วน ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ เนื่องจากที่ผ่านมา จะมีการปรับค่าผ่านทางทุก 5 ปี ตามสัญญาสัมปทาน อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาจะมีประเด็นคัดค้านเสมอ การเตรียมตัวปรับราคารอบใหม่ในครั้งนี้ไม่แน่ใจว่าจะถูกคัดค้านอีกหรือไม่ เพราะการปรับในปีหน้าจะหนักกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากผู้ใช้ทางด่วนจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มถึง 2 ต่อ โดยต่อแรกเป็นการปรับค่าผ่านทางเพิ่มอีกอย่างน้อย 5 บาท และต่อที่ 2 คือ เก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ที่จะเก็บพร้อมกับค่าผ่านทางใหม่เลย
"เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องมีความรอบคอบในการพิจารณา ที่ผ่านมาใช้วิธีผ่อนผัน มาตลอด ทั้งนี้ทั้งนั้น อยากให้ประชาชนตระหนักถึงผลประโยชน์ของรัฐด้วยเพราะภาษีแวตนั้น ทาง กทพ.รับภาระมาเป็นเวลานานกว่า 15 ปีแล้ว น่าจะถึงเวลาที่จะต้องคืนกลับไปให้ผู้บริโภคต้อง รับผิดชอบด้วยตัวเอง ส่วนค่าทางด่วนเป็นไป ตามสัญญาสัมปทานที่ให้ไว้กับบีอีซีแอลว่าจะมี การปรับทุก 5 ปี" แหล่งข่าวกล่าว
|
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 11-10-2550
|
|
|
|
|
